• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:2d35e128b738d281a82c76ff79f2dcdd' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนนายเรือที่พระราชวังเดิม จึงถือกันว่า วันที่ ๒๐ พฤศจิกายนเป็น &quot;วันเกิด&quot; ของโรงเรียนนายเรือต่อมากองทัพเรือได้ถือว่าวันนี้เป็น &quot;วันกองทัพ เรือ&quot; อีกด้วย<br />\n        ตามข้อเท็จจริงโรงเรียนนายเรือได้ถือกำเนิด และตั้งขึ้นก่อนวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ร.ศ. ๑๒๕ แล้ว และได้ผลิตนายทหารมาแล้ว ๒ รุ่น ใน ร.ศ. ๑๒๓ (พ.ศ.๒๔๔๗) และ ร.ศ. ๑๒๔ (พ.ศ.๒๔๔๘) ดังจะกล่าวต่อไป กองทัพเรือนั้น ก็ได้ตั้งขึ้นในวันที่ ๘เมษายน ร.ศ.๑๐๙ (พ.ศ.๒๔๓๓) ได้มีพระราชบัญญัติ &quot;จัดการกรมยุทธนาธิการ&quot; แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ เมื่อ ร.ศ.๑๐๖ กำหนดหน่วยขึ้นตรง และรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดทหารบกทหารเรือเพิ่มขึ้น ในพระราชบัญญัติแบับนี้ กรมทหารเรือมีหน่วยขึ้นตรง ๕ หน่วย คือ โรงเรียนสอนวิชาการทหาร เรือโรงพยาบาลทหารเรือ กรมคุกทหารเรือ กรมอู่ทหารเรือ กรมอู่เรือ และกรงคลังพัสดุทางเรือ<br />\n        &quot;โรงเรียนสอนวิชาทหารเรือ&quot; ตามพระราชบัญญัตินี้มีอัตรากำลังพล ๔ อัตรา คือ ผู้รักษา การ ๑ นายเวน ๑ นายคลัง ๑ ครูและผู้ฝึกหัดวิชา ๑ เท่ากับโรงเรียนสอนวิชาทหารบกตามพระ ราชบัญญัติเดียวกัน<br />\n        พระาราชบัญญัตินี้แสดงให้เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช ทรงตระหนักถึงความ สำคัญของ &quot;โรงเรียนสอนวิชาทหารเรือ&quot; ว่าเป็นหน่วยงานที่จำเป็นต้องตั้งขึ้นเพื่อผลิตองค์บุคคล หรือกำลังพลสำหรับให้ราชการ<br />\n       มีข้อสังเกตว่า ใน พ.ศ.๒๔๓๓ นี้ได้มีการเปิด &quot;อู่หลวง&quot; สำหรับซ่อมเรือหลวง และมีโรง งานสำหรับผลิต &quot;ปัศตัน&quot; (ลูกปืน) และชิ้นส่วนเครื่องจักร ในวันที่ ๙ มกราคม (เวลานั้นใช้วันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่) จึงมีผู้ทักว่า กรมอู่นั้นเกิดก่อนกองทัพเรือโดยไม่ได้ศึกษาเอกสาร ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และลำดับเหตุการณ์ให้ถูกต้อง<br />\n        เนื่องจากเอกสารของกองทัพเรือก่อน ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ.๒๔๕๔) ได้ถูกทำลายไปเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๗ ด้วยเหตุผล คือ &quot;ไม่มีที่เก็บรักษา&quot; การศึกษาประวัติกองทัพเรือในช่วงเวลานั้น จึงอาศัยราชกิจจานุเบกษา และเอกสารที่ &quot;กรมทหารเรือ&quot; ทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อขอพระราชทาน ใช้วิจารณญานโดยรอบคอบ เพราะในสมัยแรกๆ นั้นยังใช้คำว่า &quot;โรงเรียนนายร้อยทหารเรือ&quot; แทนคำว่า &quot;โรงเรียนนายเรือ&quot; ในเอกสาร ดังจะเห็นได้ในตอนต่อๆไป<br />\n<span style=\"color: #ff0000\"><strong>อัตรากำลังของโรงเรียนนายเรือ<br />\n</strong><span style=\"color: #0000ff\">        ในร.ศ.๑๑๔ (พ.ศ.๒๔๓๘) ได้พบอัตรากำลังโรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนนายร้อยของ ทหารเรือเป็นครั้งแรก (เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ค.๕.๒/๙)ดังนี้<br />\n        โรงเรียนนายร้อย (คือ โรงเรียนนายเรือ)<br />\n        นายเรือตรี ผู้บังคับการ                                เงินเดือน ๓๕๐ บาท<br />\n                        ครูอังกฤษ                                  เงินเดือน ๒๐๐ บาท<br />\n                        ครูไทย                                      เงินเดือน ๖๐ บาท<br />\n                        ครูไทย                                      เงินเดือน ๔๐ บาท<br />\n                        ครูไทย                                      เงินเดือน ๓๐ บาท <br />\n                        เสมียนสามัญชั้น ๑๘                  เงินเดือน ๑๒ บาท<br />\n        นายร้อยโท นายหมวดชั้น ๖                         เงินเดือน ๓๒ บาท<br />\n        นายร้อยตรี นายหมวดชั้น ๑๑                       เงินเดือน ๒๔ บาท<br />\n        บุตรหมู่นักเรียน ๓๐ นาย                             เงินเดือนนายละ ๖ บาท รวม ๑๘๐ บาท<br />\n        พลทหารคนใช้ ๑๒ นาย                              เงินเดือนนายละ ๔ บาท รวม ๔๘ บาท<br />\n        รวม ๕๐ นาย    เป็น ๙๗๖ บาท<br />\n        มีบันทึกชี้แจงไว้ข้างอัตรานี้ว่า &quot;เป็นแต่ขอไว้ก่อน ถ้าเรียกชื่อมาแล้วจะยื่นชื่อมาในฏีกา ต่อภายหลัง&quot;<br />\n        ขอให้สังเกตุว่า อัตราเงินเดือนของ &quot;ผู้บังคับการ</span></span>&quot; และ&quot;ครูอังกฤษ&quot; แสดงว่าเป็น เงินเดือน ของชาวต่างประเทศ<br />\n        ในเอกสารฉบับนี้ ยังมีอัตรากำลังของ &quot;โรงเรียนนายร้อย&quot; อีกดังนี้<br />\n        โรงเรียนนายร้อย (คือ โรงเรียนนายสิบและโรงเรียนนายร้อย)<br />\n        นายร้อยเอก มิสเตอคอล ผู้บังคับการ เงินเดือน ๓๕๐ บาท<br />\n        นายจัน                ครูไทย                             เงินเดือน ๔๐ บาท<br />\n        นายเพิ่ม              ครูไทย                             เงินเดือน ๓๐ บาท<br />\n        นายเตี้ยม            เสมียนสามัญชั้น ๑๘         เงินเดือน ๑๒ บาท<br />\n        นายร้อยโท          นายเลียบ เจ้าหมู่ชั้น ๖       เงินเดือน ๓๒ บาท<br />\nยังไม่ได้ตั้ง นายร้อยตรี เจ้าหมู่ชั้น ๑๑                    เงินเดือน ๒๔ บาท<br />\n        บุตรหมู่นักเรียน ๖๐ นาย เงินเดือนนายละ ๖ บาท รวม ๓๖๐ บาท<br />\n        พลทหารคนใช้ ๔ นาย เงินเดือนนายละ ๔ บาท รวม ๑๖ บาท<br />\n        รวม ๗๐ นาย เป็นเงินเดือน ๘๖๔ บาท<br />\n        &quot;นายร้อยเอก มิสเตอคอส&quot; คือ CAPTAIN A.T.F. KOLLS (ทหารราบ) รับราชการใน กองทัพเรือตั้งแต่พ.ศ.๒๔๓๗-๒๔๓๙<br />\n        ผู้ที่เข้าเป็น &quot;นักเรียน&quot; หรือ &quot;บุตรหมู่นักเรียน&quot; ได้รับเงินเดือนมากกว่าพลทหารเดือนละ ๒ บาท\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\"> </span></strong></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>อุปสรรคในการจัดการศึกษา<br />\n        พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงษ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ได้มีลายพระหัตถ์ กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ลงวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ร.ศ.๑๑๗ (พ.ศ.๒๔๔๑) ความบางตอนดังนี้<br />\n        &quot;....ราชการในกรมทหารเรือทุกวันนี้ ก็นับว่าเป็นการเจริญขึ้นได้บ้างตามสมควร ยังมีการ ขัดข้องอยู่แต่การเล่าเรียน ซึ่งเป็นวิชาที่คนไทยในกรมทหารเรือ ฝึกหัดให้เป็นขึ้น ต่อกไปภาย หน้าจะได้ไม่ต้องจ้างคนต่างประเทศมาใช้ จึงได้รับพระราชทานจัดตั้งโรงเรียนขึ้นมีโรงเรียน นายสิบ โรงเรียนนายร้อย โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายช่างกล และได้จัดบุตรหมู่ซึ่งมีอายุ ตั้งแต่ ๑๘ ปี ตามพระราชบัญญัติที่ให้เจ้าหมู่มูลนายส่งเข้ารับราชการคงกรมนั้นเลือกคัดดูที่ เป็นคนฉลาดเฉลียว พอเห็นว่าจะเรียนรู้ได้ดี ให้เข้าร่ำเรียนอยู่บ้างแล้ว วิธีการเล่าเรียนที่ได้จัด ไว้นั้นคือ โรงเรียนนายสิบ เรียนหนังสือไทยแลหนังสืออังกฤษกับวิชาทหาร เมื่อผู้ใดเรียนวิชา นายสิบได้แล้ว ก็ส่งขึ้นเรียนวิชานายร้อยที่โรงเรียนนายร้อยต่อไป แต่เรียนวิชาช่างกลนั้นได้ส่ง เข้าโรงเวิกชอบบ้างแลส่งลงเรือไฟต่างๆ ให้เรียนตั้งแต่เป็นช่างไฟไปจนเลื่อนขึ้นถึงเป็นช่างกล แล้วผลัดเปลี่ยนลำต่างๆ จะได้สอบไล่วิชาได้ แต่โรงเรียนนายเรือนั้น ยังไม่มีคนที่จะเข้าเรียนได้ เพราะต้องอาศัยผู้ที่รู้หนังสืออังกฤษเสียก่อน ฯลฯ...&quot;<br />\n(เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ก.๑๔/๓๘)<br />\n        ในร.ศ.๑๑๗ (พ.ศ.๒๔๔๑) นี้กรมทหารเรือได้รับอนุมัติงบประมาณสำหรับเป็นค่าเครื่อง หนังสือและอื่นๆ สำหรับ โรงเรียนนายร้อย (โรงเรียนนายเรือ) และโรงเรียนนายร้อย โรงเรียนละ ๕,๐๐๐ บาท ค่า &quot;เพิ่มเติมทำ (สร้าง) โรงเรียนนายร้อย (โรงเรียนนายเรือ) ๙,๖๐๐ บาท&quot;<br />\n(เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ค.๕ฬ๑/๘) ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้ &quot;ทำ&quot; ณ ที่ใด<br />\n<span style=\"color: #ff0000\"><strong>เปลี่ยนผู้บัญชาการกรมทหารเรือ</strong></span><br />\n        กรมหมื่นปราบปรปักษ์ สิ้นพระชนม์ในปลาย ร.ศ.๑๑๗ และมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯให้ พลตรีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เสนาบดีกระทรวง กลาโหมเป็น &quot;ผู้รั้งตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ&quot; ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มีนาคม ร.ศ.๑๑๗<br />\n        ในระหว่างที่กรมหลวงประจักษ์ ศิลปาคมทรงรั้งตำแหน่ง (รักษาราชการ) ผู้บัญชาการ กรมทหารเรือ ได้พบเอกสารเกี่ยวกับโรงเรียนนายเรือ คือ<br />\n        ๑. จีนกุลี พบลูกระเบิดฝังอยู่ที่อาคารสวนนันทอุทยาน (เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้มก.๑๔/๕๐)<br />\n        ๒ ประกาศรับสมัครบุคคลเข้าเป็นนักเรียนนายเรือ ๒ ครั้ง<br />\n        ๓. รายงานประจำเดือนของกรมทหารเรือ (เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ก.๑๔/๔๔)<br />\n<span style=\"color: #ff0000\"><strong>จีนกุลีที่ทำงานซ่อมปรับปรุงอาคารสวนนันทยานพบลูกระเบิด<br />\n</strong><span style=\"color: #0000ff\">        ในวันที่ ๑๘ มีนาคมร.ศ.๑๑๘ (พ.ศ.๒๔๔๒) จีนกุลีที่ทำงานอยู่ที่โรงเรียนนายเรือสวน นันทอุทยาน (ต้นฉบับเอกสารใช้เรียกเช่นนี้) ได้รื้อหินที่มุมตึกโรงเรียนนายเรือพบลูกระเบิดที่ ใต้ศิลา และได้เอาขวานผ่าจนแตกแล้วเอาฝังในดินลึกประมาณ ๔นิ้ว และเอาไฟบุหรี่จุดที่ดิน ระเบิดทำให้เกิดการระเบิด จีนกุลีได้รับบาดเจ็บ ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตรวจ ตราให้ทั่วถึงเพราะอาจมีฝังอยู่ที่อื่นอีก รายงานนี้แสดงว่า กรมทหารเรือได้รับพระราชทานวัง นันทอุทยานให้ใช้เป็นโรงเรียนนายเรือ และกำลังปรับปรุงอาคาร แต่ไม่พบเอกสารเกี่ยวกับ การพระราชทาน<br />\n<span style=\"color: #ff0000\"><strong>ประกาศรับสมัครบุคคลเข้าเป็นนักเรียนนายเรือ</strong></span> <br />\n        วันที ๑๕ ธันวาคม ร.ศ.๑๑๘ (พ.ศ.๒๔๔๒) กรมทหารเรือได้ออกแจ้งความรับสมัคร บุคคลเข้าศึกษาในโรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายสิบ และโรงเรียนนายร้อยทหารเรือ <br />\n(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๖ หน้า ๕๓๙)<br />\n        วันที่ ๒๐ มิถุนายน ร.ศ.๑๑๙ (พ.ศ.๒๔๔๓) กรมทหารเรือได้ออกประกาศรับสมัครบุคคล อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้มีข้อความเพิ่มเติมว่า &quot;เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ให้กรมทหารเรือฝึกหัดนักเรียนให้เรียบร้อย พระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ บริจาคพระราชทรัพย์พระราชทานให้กรมทหารเรือส่งนักเรียนออก ไปทุกปี...&quot; นอกจากนั้น ประกาศนี้ยังมีข้อความเชิญชวนให้ผู้ปกครองไป &quot;ดูโรงเรียนว่าจะเป็น การสมควรแก่บุตรหลานของท่านทั้งปวงหรือไม่ ถ้าจะดูเวลาไร กรมทหารเรือยอมอนุญาติให้ดู ได้ทุกเมือ่...&quot;<br />\n(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๗ หน้า ๑๔๑)<br />\nรายงานประจำเดือนของกรมทหารเรือ<br />\n        กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายงานประจำเดือนของกรมทหารเรือเป็น ครั้งแรกในเดือนพฤษจิกายน ร.ศ.๑๑๘ (พ.ศ.๒๔๔๒)(เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ก.๑๔/๔๔) และได้ส่งต่อๆมา ในรายงานฉบับนี้มีรายการเร่งชำระคนหนีราชการ รายการใช้เรือไปราชการ และรายการเบิกจ่ายเงิน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพอพระราชหฤทัยมาก และมีพระบรมราชโองการ &quot;ให้ยื่นต่อไป&quot; และยังทรงถามถึงรายการอื่นๆเช่น &quot;รายการคน ประจำ&quot;เป็นต้น กรมหลวงประจักษ์</span></span><span style=\"color: #ff0000\"><span style=\"color: #0000ff\">ศิลปาคมทรงมีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลว่า &quot;รายการใน กรมทหารเรือนั้น ไม่ใช่ขาดแต่รายการคนประจำ ยังขาดอยู่หลายอย่างคือ รายการศาลชำระ ความ แลโรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายร้อย โรงเรียนนายสิบ แลในลำเรือต่างๆ ป้อมต่างๆ อู่หลวงเกรงว่าจะไม่ตลอด จะเป็นกลับเสียไป เพราะฉะนั้นราบการเหล่านี้ยังคงค้างอยู่ เชื่อว่าการจะคงสำเร็จในเร็วๆนี้&quot;<br />\n</span></span> </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p>รายงานประจำเรือที่มีเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนนายเรือ คือ รายงานประจำเดือนตุลาคมร.ศ. ๑๑๙ (พ.ศ.๒๔๔๓) อันเป็นรายงานผลการปฏิบัติในเดือนกรกฏาคม ร.ศ.๑๑๙ และรายงาน ประจำเดือน พฤศจิกายน และธันวาคม ร.ศ.๑๑๙ หลังจากนั้น กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ประชวรออกจากประจำการ รายงานประจำเดือนของกรมทหารเรือก็หมดไปด้วย เพราะพระยา ชลยุทธโยธินทร์ (ริชลิว) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกรมทหารเรือต่อจากกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ไม่ได้ทำรายงาน<br />\n รายงานประจำเดือนตุลาคม ร.ศ.๑๑๙ อันเป็นผลการปฏิบัติในเดือนกรกฏาคม ร.ศ.๑๑๙ มีเรื่องที่เกี่ยวกับโรงเรียนนายเรือ ดังนี้ (หัวข้อเรื่องนั้น ยังเขียนว่า \"โรงเรียนนายร้อย\") และ แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ \"รายงานการเล่าเรียน\" และ \"บาญชีนักเรียนนายเรือ\" รายงานนี้นายเรือโท (ปัจจุบันคือนาวาตรี) ไซเดอลีน (C.Ph.Seidelin) ผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ เป็นผู้เขียนเป็น ภาษาอังกฤษและมีผู้แปลเป็นภาษาไทยกำกับไว้ด้วย (เดือนแรก ไม่มีชื่อผู้แปล เดือนต่อๆไปมี บันทึกว่า\"ชม/แปล\") เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญจึงขอคัดลอกมาทั้งฉบับ ต้นฉบับนั้นเป็นภาษา อังกฤษและภาษาไทยแยกกันคนละฉบับ แต่ผู้เขียนได้นำมารวมกันไว้เป็นฉบับเดียวกัน เพื่อให้ เข้าใจได้ง่ายขึ้น และได้คงรูปอักรวิธีไว้ตามต้นฉบับ ดังนี้</p>\n<p>Report of Classwork at the Royal Naval College<br />\nduring the month of July 1900<br />\nรายงานการเล่าเรียนของนักเรียนที่โรงเรียนนายร้อยทหารเรือ<br />\nจำนวนเดือนกรกฏาคม ศก ๑๑๙</p>\n<p> ๑. English Reading : Ladder of knowledge Vol.I Lesson 10 - 18<br />\n หัดอ่านภาษาอังกฤษ ใช้บันใดเล่ม ๑ บท ๑๐-๑๘<br />\n ๒. Engl. Siam Translation : Ladder of knowledge Vol.I Lesson 10 - 18<br />\n หัดแปลไทยเป็นอังกฤษ ใช้บันใดเล่ม ๒ บท ๑๐-๑๘<br />\n ๓. Arithmatic : Miscallaneous exercises : from addition to division<br />\n หัดคำนวนเลข บันใดเลข วิธีเบ็ดเตร็ด แต่บวกถึงหาร<br />\n ๔. Engl. Dictation : Ladder of knowledge Vol.I Lesson 8 - 13<br />\n เขียนตามคำบอกภาษาอังกฤษ ในบันใดเล่ม ๑ บท ๘-๑๓<br />\n ๕. Writing : Tere Foster Copybook<br />\n หัดเขียนลายมือ ในสมุดแบบเรือฟอสเตอร์<br />\n ๖. Siamese : Reading. Vol.II Lesson 10 - 33<br />\n หัดอ่านภาษาไทย ในแบบเรียนเร็วเล่ม ๒ บท ๑๐-๓๓<br />\n Writing. Vol.II Lesson 6 - 13<br />\n หัดเขียนลายมือไทย ในแบบเรียนเร็ว เล่ม ๒ บท ๖-๑๓<br />\n Dictation. Vol.II Lesson 10 - 19<br />\n เขียนตามคำบอกไทย ในแบบเรียนเร็ว เล่ม ๒ บท ๑๐-๑๙<br />\n Grammar.Vol.III Lesson 20 - 33<br />\n ไวยากรณ์ภาษาไทย ในแบบเรียนเร็ว เล่ม ๓ บท ๒๐-๓๓<br />\n ๗.Geography : Physical &amp; Mathematical<br />\n เรียนภูมิศาสตร์ เพทางคสาตร คณสาตร เวชสาตร<br />\n ๘. Geomatrical Drawing : Elementary Problems<br />\n แลเรียนโจทย์เลขต่ำ<br />\n ๙. Freehand Drawing : tere Foster book Vol.I Page 1 - 12<br />\n หัดเขียนรูปภาพไม่ใช้บันทัด ในสมุดชื่อฟอสเตอร์ เล่ม ๑ หน้า ๑-๑๒<br />\n ๑๐.1 hour Gymnastics daily<br />\n หัดกายกรรม วันละ ๑ ชั่วโมง<br />\n C.Ph.Seidelin<br />\n Lieut. Comdr.<br />\n (ลงชื่อ) ซี.ไซเดอลิน<br />\n นายเรือโท ผู้บังคับการ<br />\nคำอธิบายของผู้เขียน<br />\n ๑. นายชม ผู้แปลรายงานนี้ น่าจะเป็นคนเดียวกับ \"นายชม\" ซึ่งเคยตามเสด็จพระบาท สมเด็จพระจุลจิมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกใน ร.ศ.๑๑๖ (พ.ศ.๒๔๔๐) และได้ รับทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับศึกษาต่อในอังกฤษ แต่ต้องเดินทางกลับเพราะทนอากาศหนาวไม่ ไหว ได้รับราชการเป็นล่ามแปลในกระทรวงกลาโหม ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๔๖ กระทรวง ิมหาดไทยได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาติโอนไปรับราชการในมณฑลภูเก็ต<br />\n(เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ค.๑๘.๑/๑๕)<br />\n ๒. ผู้แปล แปลคำว่า Royal Naval College ว่า\"โรงเรียนนายร้อยทหารเรือ\" ซึงผิดความ จริง และแปลคำว่า \"Lieut. Comdr.\" ว่า \"นายเรือโท ผู้บังคับการ\" ซึ่งน่าจะเป็นความเข้าใจกัน ในสมัยนั้น เพราะเมือ่กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงขอพระราชทานยศและเงินเดือนให้ \"พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์\" ก็ทรงใช้คำว่า \"นายเรือโท ผู้บังคับการ\" เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นผู้แปลใช้คำว่า \"บันใด\" แทน \"บันได\" (อาจเป็นการเรียกชื่อหนังสือในเวลานั้น)</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>๓. หนังสือ Ladder of knowledge หรือ \"บันใด\" ที่กล่าวในรายงานนี้ เป็นหนังสือเรียน ภาษาอังกฤษ ซึ่ง \"มิสเตอร์มอแรนด์\" (Robert L. Morant) ชาวอังกฤษซึ่งจ้างมาเป็นอาจารย์ สอนภาษาอังกฤษใน \"โรงเรียนราชกุมาร\" ในพระบรมมหาราชวัง แต่งขึ้นเพื่อใช้สอนนักเรียน มีทั้งหมด ๕ เล่ม เป็นแบบเรียนภาษาอังกฤษในสมัยนั้น ท่านผู้นี้เดิมกรมพระนเรศร์วรนฤทธิ์ จ้างมาเป็นครูสอนพระโอรสของพระองค์ด้วยค่าจ้างปีละ ๓๐๐ ปอนด์ หรือ ๓,๐๐๐ บาท ต่อมา จึงได้เข้าไปเป็นครูสอนโรงเรียนราชกุมาร ได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นไปปีละ ๘,๐๐๐ บาท และ ๙,๖๐๐ บาท ตามลำดับ ต่อมาได้ทำรายงานเรียกร้องสิทธิต่างๆโดยไม่สมควร พระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลิกจ้าง ใน พ.ศ.๒๔๓๗<br />\n(เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ต.๒/๔) เมื่อกลับไปอังกฤษแล้ว ได้รับราชการและได้รับบรรดาศักดิ์ เป็น\"เสอร์\"<br />\n ๔. เมื่อพิจารณาจากรายงานเดือนต่างๆ ไปซึ่งมีอีก ๒ ฉบับ จึงทราบว่า ผู้แปลได้แปล คำว่า Geometrical ว่า \"เพทางคสาตร\" แปลคำว่า Mathematical ว่า \"คณนาสาตร\" และแปลคำว่า Physical ว่า \"เวชศาสตร์\" สำหรับคำว่า Geometrical Drawing นั้น บางเดือน ผู้แปลใช้คำว่า \"หัดวาดรูปเพทางคสาตร\"<br />\n รายงานการเล่าเรียนนี้ แสดงให้เห็นว่า นักเรียนนายเรือสมัยแรกตั้งโรงเรียนนายเรือนั้น เรียนวิชาอะไรบ้าง ซึ่งถ้าจะเทียบกับสมัยปัจจุบัน น่าจะเทียบได้กับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย เท่านั้น แต่ถ้าจะสอนให้สูงกว่านี้ ก็คงทำไม่ได้ เพราะนักเรียนมีพื้นฐานการศึกษาต่ำมาก สำหรับ วิชาทหารทั้งทางบกและทางเรือนั้น ไม่ปรากฏในรายงานทั้งเดือนนี้และเดือนต่อไป แต่เชื่อว่า น่าจะมีการฝึกการเรือและทหารราบบ้าง<br />\nนาวาตรี ไซเดอลิน<br />\n ผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือตามรายงานนี้ ได้เข้ารับราชการใน พ.ศ.๒๔๓๘ และมีชื่อใน รายการบยรรจุกำลังพลทหารเรือว่า \"นายร้อยเอก มิสเตอร ไซรตลิน ผู้บังคับกองทหารป้อมพระ จุลจอมเกล้า เงินเเดือน ๓๕๐ บาท\" (เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ค.๕.๒/๙) ใน พ.ศ.๒๔๔๒ ได้เป็น \"นาวาตรี ผู้บังคับการเรือมูรธาวสิตสวัสดิ์\" (ลำดับที่ ๒) ได้เป็น \"ผู้บังคับการ โรงเรียนนายเรือ\" (Commander Cadet School) ใน พ.ศ.๒๔๔๓ (ไม่ปรากฏวันเดือนที่ได้ รับการแต่งตั้ง-จากเรื่อง \"ชาวต่างชาติในกองทัพเรือไทย\" โดย พลเรือตรี แชน ปัจจุสานนท์ นาวิกศาสตร์ปีที่ ๖๓ เล่มที่ ๑๑พฤศจิกายน ๒๕๒๓)<br />\n จากประวัติย่อของนาวาตรี ไซเดอลิน ที่ได้พบ แสดงว่าท่านได้เข้ามารับราชการในกรม ทหารเรือแล้ว ๔-๕ ปี จึงน่าจะเข้าใจภาษาไทยได้บ้าง และน่าจะเป็นรองผู้บัญชาการกรมทหาร เรือในเวลานั้น จึงถวายคำแนะนำให้กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ย้ายมาเป็นผู้บังคับการ โรงเรียนนายเรือเดนมาร์ก ในเวลานั้น จึงถวายคำแนะนำให้กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมย้ายมา เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ ท่านผู้นี้ได้ลาออกจากราชการกลับไปเดนมาร์กใน ร.ศ.๑๒๐ (พ.ศ.๒๔๔๔)<br />\nบาญชีนักเรียนนายเรือ<br />\n รายงานกรมทหารเรือที่เกี่ยวกับโรงเรียนนายเรือฉบับเดือนตุลาคม มีรายการ บาญชีนักเรียนนายเรือ ดังนี้</p>\n<p>บาญชีนักเรียนนายเรือ<br />\nวันที่ ๑ สิงหาคม ร.ศ.๑๑๙ จำนวนเดือน กรกฏาคม<br />\nนำเบอร์ ชื่อ กรม ชื่อบิดา ที่อยู่ เข้าโรงเรียนนายเรือ<br />\n๓๙๓ นายแอ อาษาจาม หลวงสาครยุทธวิไชย หาไม่ได้ วันที่ ๒๓-๗-๑๑๘<br />\n๒๓๑ นายนาค กรมแสง นายสิบเอกบุญ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๖๒๓ นายเป้า ปากน้ำ นายคร้าม หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๒๓๙๕ นายห้าง เมืองตราด นายหนุ่ย หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๒๒๒ นายเผื่อน กรมแสง นายสับ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๑๒๙๑ นายปุย แปดกรม พระชนภูกรรม สวาด หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๑๒๒๓ นายกรด แปดกรม มะชั้ว หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๑๓๘๘ นายเนต แปดกรม มะนะ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๒๒๘๒ นายอี้ เมืองตราด นายตึ่ง หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๖๓๒ นายยัน มะริน มะส่งว หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๖๒๘ นายเปลื้อง ปากน้ำ นายจอม หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n หลวงพ่อตาด ม.สีหพงษ์เพ็ญภาค หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n นายสะสิ พระวิชิตสรสาตร์ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n นายเปี่ยม ล.ประจักษ์ศิลปาคม หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n นายเล็ก พระยาพิเรนทร์เทพ หาไม่ได้ วันที่ ๑๕-๓-๑๑๙<br />\n๒๘๓๙ นายเปียก เมืองตราด หลวงราวีฆ่าศึก หาไม่ได้ วันที่ ๑๕-๓-๑๑๙<br />\n๘๒ นายปั้น มอญลาว มะเกีย หาไม่ได้ วันที่ ๒๑-๒-๑๑๙ </p>\n<p> ข้อสังเกต ในสมัยนั้นถือว่าวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ \"เดือน ๒\" ในรายงานจึงเป็น \"เดือนพฤษภาคม\" \"เดือน ๗\" จึงเป็นเดือน \"ตุลาคม\" ฯลฯ และ \"เดือน ๑๒\" จึงเป็นเดือนมี.ค. </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p> ผู้ที่ไม่มี \"นำเบอร์\" และ\"กรม\" คือผู้ทีไม่ได้เป็น \"บุตรหมู่\" แต่เป็นบุตรข้าราชการตามที่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม มีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลเมือ่วันที่ ๒๒ มิถุนายน ร.ศ.๑๑๙ ความบางตอนว่า \"...ในกรมทหารเรือดูนายไม่สู้จะมีใครยินดีนัก จนถึงทรงพระกรุณาโปรด เกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งโรงเรียนขึ้นแล้ว ก็ไม่เห็นผู้หนึ่งผู้ใดนำบุตรไปฝาก จนถึงข้าพระ พุทธเจ้าต้องลงทุนเอานายเปี่ยม บุตรหลวงประจักษ์ (คือเจ้ากรมของพระองค์-ผู้เขียน) นายสะสิ บุตรพระวิชิต หม่อมหลวงตาด บุตรหม่อมสีหพงษ์ ภายหลังได้บุตร ฟุคโก ๒ คน มาเมื่อเร็วนี้ ได้รับบุตรพระพิเรนทรเทพ อีกนายหนึ่งเช่นนี้ จนถึงเรียบเรียงประกาศส่งไปลงในราชกิจจา..\"<br />\n(เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ก.๑๔/๔๒)<br />\n ในรายงานประจำเดือน เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม ร.ศ.๑๑๙ นั้น ปรากฏว่าในเดือน ตุลาคม นักเรียนลดลงเหลือ ๑๖ คน (ชื่อนายยัน นำเบอร์ ๖๓๒ หายไป) และในเดือนพฤศจิกายน มีนักเรียนเพิ่มขึ้นอีก ๓ คน คือ \"นายปลั่ง บุตรพระยาอาหารบริรักษ์ นายเขียน บุตรหลวงสุนทร บริหาร และนายพุก บุตรนายเชียง\"<br />\nวันเปิดโรงเรียนนายเรือและสถานที่เรียน<br />\n ตามเอกสารที่ได้คัดลอกมานี้จะเห็นได้ว่าในวันที่ ๙ พฤษภาคม ร.ศ.๑๑๘ (พ.ศ.๒๔๔๒) โรงเรียนนายเรือมีนักเรียนที่เป็นบุตรหมู่ ๑๐ คน พอที่จะเปิดทำการสอนได้ และตามแจ้งความ กรมทหารเรือลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ร.ศ.๑๑๘ ก็กล่าวมา \"โรงเรียนนั้นๆ กรมทหารเรือได้เปิด แล้ว\" ทั้งนี้สันนิษฐานว่า ถ้าไม่เปิดทำการสอน ผู้ที่เป็นบุตรหมู่ ก็อาจถอนตัวหรือหลีกหนีไป แต่ การเรียนการสอนคงยังไม่เรียบร้อยนัก จนเมือ่กรมทหารเรือออกประกาศฉบับลงวันที่ ๙ มีนาคม ร.ศ.๑๑๘ มีนักเรียนนายเรือ ๑๔ นาย จึงน่าจะนับได้ว่าเปิดโรงเรียนแล้ว<br />\n พลเรือตรี พระยาหาญกลางสมุทร์ (บุญมี พันธุมนาวิน) เล่าไว้ในหนังสือ \"ประวัติโรงเรียน นายเรือ\" ซึ่งท่านเป็นผู้เรียเรียง (ไม่ได้จัดพิมพ์ หนังสือนี้อยู่ที่กองประวิตศาสตร์กรมยุทธการ ทหาเรือ)\" และผู้เรียบเรียงประวัติโรงเรียนนายเรือได้กล่าวว่านักเรียนนายเรือใช้ศาลาวัด วงษ์มูล และเรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ เป็นที่เรียนและที่พัก ซึ่งเมื่อพิจารณาประวัติของนาวาตรี ไซเดอลิน ประกอบกันก็จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเมื่อมี \"บุตรหมู่\" เป็นนักเรียนนายเรือ ๑๐ นาย ในเดือนตุลาคม ร.ศ.๑๑๘ (พ.ศ.๒๔๔๒) นั้น นาวาตรี ไซเดอลีน เป็นผู้บังคับการเรือ มูรธาวสิตสวัสดิ์ หากท่านได้รับมอบให้เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ (ซึ่งเพิ่งจะมีนักเรียน) ก็คงจะให้นักเรียนไปอยู่ในเรือและมาเรียนที่ศาลาวัดวงษ์มูล เมื่อเรือมูรธาวสิตวสวัสดิ์ ไป ราชการ นักเรียนก็คงต้องมาพักที่ศาลาวัดวงษ์มูลด้วย คุณครู พลเรือตรี แชน ปัจจุสานนท์ กล่าวไว้ในหนังสือ \"ประวัติการทหารเรือไทย\" ของท่านว่า ในวันที่ ๑๗ ธันวาคมพ.ศ.๒๔๔๒ เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ ได้ออกไปต้อนรับเจ้าชายเฮนรีแห่งปรุสเซีย ซึ่งมากับเรือรบเยอรมันที่ สันดอนร่วมกับเรือสุริยมณฑล และเรือมกุฏราชกุมาร เรือมูรธารงวสิตสวัสดิ์ จอดอยู่กับเรือ เยอรมันที่นอกสันดอน เจ้าชายเฮนรีเสด็จกลับในวันที่ ๒๙ ธันวาคม เข้าใจว่าเป็นครั้งนี้ ที่นักเรียนนายเรือต้องขึ้นไปพักที่ศาลาวัดวงษ์มูล</p>\n', created = 1726858174, expire = 1726944574, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:2d35e128b738d281a82c76ff79f2dcdd' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:93720c4ed1c19f0bef180b98b0515e94' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>๓. หนังสือ Ladder of knowledge หรือ \"บันใด\" ที่กล่าวในรายงานนี้ เป็นหนังสือเรียน ภาษาอังกฤษ ซึ่ง \"มิสเตอร์มอแรนด์\" (Robert L. Morant) ชาวอังกฤษซึ่งจ้างมาเป็นอาจารย์ สอนภาษาอังกฤษใน \"โรงเรียนราชกุมาร\" ในพระบรมมหาราชวัง แต่งขึ้นเพื่อใช้สอนนักเรียน มีทั้งหมด ๕ เล่ม เป็นแบบเรียนภาษาอังกฤษในสมัยนั้น ท่านผู้นี้เดิมกรมพระนเรศร์วรนฤทธิ์ จ้างมาเป็นครูสอนพระโอรสของพระองค์ด้วยค่าจ้างปีละ ๓๐๐ ปอนด์ หรือ ๓,๐๐๐ บาท ต่อมา จึงได้เข้าไปเป็นครูสอนโรงเรียนราชกุมาร ได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นไปปีละ ๘,๐๐๐ บาท และ ๙,๖๐๐ บาท ตามลำดับ ต่อมาได้ทำรายงานเรียกร้องสิทธิต่างๆโดยไม่สมควร พระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลิกจ้าง ใน พ.ศ.๒๔๓๗<br />\n(เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ต.๒/๔) เมื่อกลับไปอังกฤษแล้ว ได้รับราชการและได้รับบรรดาศักดิ์ เป็น\"เสอร์\"<br />\n ๔. เมื่อพิจารณาจากรายงานเดือนต่างๆ ไปซึ่งมีอีก ๒ ฉบับ จึงทราบว่า ผู้แปลได้แปล คำว่า Geometrical ว่า \"เพทางคสาตร\" แปลคำว่า Mathematical ว่า \"คณนาสาตร\" และแปลคำว่า Physical ว่า \"เวชศาสตร์\" สำหรับคำว่า Geometrical Drawing นั้น บางเดือน ผู้แปลใช้คำว่า \"หัดวาดรูปเพทางคสาตร\"<br />\n รายงานการเล่าเรียนนี้ แสดงให้เห็นว่า นักเรียนนายเรือสมัยแรกตั้งโรงเรียนนายเรือนั้น เรียนวิชาอะไรบ้าง ซึ่งถ้าจะเทียบกับสมัยปัจจุบัน น่าจะเทียบได้กับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย เท่านั้น แต่ถ้าจะสอนให้สูงกว่านี้ ก็คงทำไม่ได้ เพราะนักเรียนมีพื้นฐานการศึกษาต่ำมาก สำหรับ วิชาทหารทั้งทางบกและทางเรือนั้น ไม่ปรากฏในรายงานทั้งเดือนนี้และเดือนต่อไป แต่เชื่อว่า น่าจะมีการฝึกการเรือและทหารราบบ้าง<br />\nนาวาตรี ไซเดอลิน<br />\n ผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือตามรายงานนี้ ได้เข้ารับราชการใน พ.ศ.๒๔๓๘ และมีชื่อใน รายการบยรรจุกำลังพลทหารเรือว่า \"นายร้อยเอก มิสเตอร ไซรตลิน ผู้บังคับกองทหารป้อมพระ จุลจอมเกล้า เงินเเดือน ๓๕๐ บาท\" (เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ค.๕.๒/๙) ใน พ.ศ.๒๔๔๒ ได้เป็น \"นาวาตรี ผู้บังคับการเรือมูรธาวสิตสวัสดิ์\" (ลำดับที่ ๒) ได้เป็น \"ผู้บังคับการ โรงเรียนนายเรือ\" (Commander Cadet School) ใน พ.ศ.๒๔๔๓ (ไม่ปรากฏวันเดือนที่ได้ รับการแต่งตั้ง-จากเรื่อง \"ชาวต่างชาติในกองทัพเรือไทย\" โดย พลเรือตรี แชน ปัจจุสานนท์ นาวิกศาสตร์ปีที่ ๖๓ เล่มที่ ๑๑พฤศจิกายน ๒๕๒๓)<br />\n จากประวัติย่อของนาวาตรี ไซเดอลิน ที่ได้พบ แสดงว่าท่านได้เข้ามารับราชการในกรม ทหารเรือแล้ว ๔-๕ ปี จึงน่าจะเข้าใจภาษาไทยได้บ้าง และน่าจะเป็นรองผู้บัญชาการกรมทหาร เรือในเวลานั้น จึงถวายคำแนะนำให้กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ย้ายมาเป็นผู้บังคับการ โรงเรียนนายเรือเดนมาร์ก ในเวลานั้น จึงถวายคำแนะนำให้กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมย้ายมา เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ ท่านผู้นี้ได้ลาออกจากราชการกลับไปเดนมาร์กใน ร.ศ.๑๒๐ (พ.ศ.๒๔๔๔)<br />\nบาญชีนักเรียนนายเรือ<br />\n รายงานกรมทหารเรือที่เกี่ยวกับโรงเรียนนายเรือฉบับเดือนตุลาคม มีรายการ บาญชีนักเรียนนายเรือ ดังนี้</p>\n<p>บาญชีนักเรียนนายเรือ<br />\nวันที่ ๑ สิงหาคม ร.ศ.๑๑๙ จำนวนเดือน กรกฏาคม<br />\nนำเบอร์ ชื่อ กรม ชื่อบิดา ที่อยู่ เข้าโรงเรียนนายเรือ<br />\n๓๙๓ นายแอ อาษาจาม หลวงสาครยุทธวิไชย หาไม่ได้ วันที่ ๒๓-๗-๑๑๘<br />\n๒๓๑ นายนาค กรมแสง นายสิบเอกบุญ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๖๒๓ นายเป้า ปากน้ำ นายคร้าม หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๒๓๙๕ นายห้าง เมืองตราด นายหนุ่ย หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๒๒๒ นายเผื่อน กรมแสง นายสับ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๑๒๙๑ นายปุย แปดกรม พระชนภูกรรม สวาด หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๑๒๒๓ นายกรด แปดกรม มะชั้ว หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๑๓๘๘ นายเนต แปดกรม มะนะ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๒๒๘๒ นายอี้ เมืองตราด นายตึ่ง หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๖๓๒ นายยัน มะริน มะส่งว หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n๖๒๘ นายเปลื้อง ปากน้ำ นายจอม หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n หลวงพ่อตาด ม.สีหพงษ์เพ็ญภาค หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n นายสะสิ พระวิชิตสรสาตร์ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n นายเปี่ยม ล.ประจักษ์ศิลปาคม หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘<br />\n นายเล็ก พระยาพิเรนทร์เทพ หาไม่ได้ วันที่ ๑๕-๓-๑๑๙<br />\n๒๘๓๙ นายเปียก เมืองตราด หลวงราวีฆ่าศึก หาไม่ได้ วันที่ ๑๕-๓-๑๑๙<br />\n๘๒ นายปั้น มอญลาว มะเกีย หาไม่ได้ วันที่ ๒๑-๒-๑๑๙ </p>\n<p> ข้อสังเกต ในสมัยนั้นถือว่าวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ \"เดือน ๒\" ในรายงานจึงเป็น \"เดือนพฤษภาคม\" \"เดือน ๗\" จึงเป็นเดือน \"ตุลาคม\" ฯลฯ และ \"เดือน ๑๒\" จึงเป็นเดือนมี.ค. </p>\n', created = 1726858174, expire = 1726944574, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:93720c4ed1c19f0bef180b98b0515e94' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

โรงเรียนนายเรือ

รูปภาพของ bp26631

๓. หนังสือ Ladder of knowledge หรือ "บันใด" ที่กล่าวในรายงานนี้ เป็นหนังสือเรียน ภาษาอังกฤษ ซึ่ง "มิสเตอร์มอแรนด์" (Robert L. Morant) ชาวอังกฤษซึ่งจ้างมาเป็นอาจารย์ สอนภาษาอังกฤษใน "โรงเรียนราชกุมาร" ในพระบรมมหาราชวัง แต่งขึ้นเพื่อใช้สอนนักเรียน มีทั้งหมด ๕ เล่ม เป็นแบบเรียนภาษาอังกฤษในสมัยนั้น ท่านผู้นี้เดิมกรมพระนเรศร์วรนฤทธิ์ จ้างมาเป็นครูสอนพระโอรสของพระองค์ด้วยค่าจ้างปีละ ๓๐๐ ปอนด์ หรือ ๓,๐๐๐ บาท ต่อมา จึงได้เข้าไปเป็นครูสอนโรงเรียนราชกุมาร ได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นไปปีละ ๘,๐๐๐ บาท และ ๙,๖๐๐ บาท ตามลำดับ ต่อมาได้ทำรายงานเรียกร้องสิทธิต่างๆโดยไม่สมควร พระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลิกจ้าง ใน พ.ศ.๒๔๓๗
(เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ต.๒/๔) เมื่อกลับไปอังกฤษแล้ว ได้รับราชการและได้รับบรรดาศักดิ์ เป็น"เสอร์"
๔. เมื่อพิจารณาจากรายงานเดือนต่างๆ ไปซึ่งมีอีก ๒ ฉบับ จึงทราบว่า ผู้แปลได้แปล คำว่า Geometrical ว่า "เพทางคสาตร" แปลคำว่า Mathematical ว่า "คณนาสาตร" และแปลคำว่า Physical ว่า "เวชศาสตร์" สำหรับคำว่า Geometrical Drawing นั้น บางเดือน ผู้แปลใช้คำว่า "หัดวาดรูปเพทางคสาตร"
รายงานการเล่าเรียนนี้ แสดงให้เห็นว่า นักเรียนนายเรือสมัยแรกตั้งโรงเรียนนายเรือนั้น เรียนวิชาอะไรบ้าง ซึ่งถ้าจะเทียบกับสมัยปัจจุบัน น่าจะเทียบได้กับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย เท่านั้น แต่ถ้าจะสอนให้สูงกว่านี้ ก็คงทำไม่ได้ เพราะนักเรียนมีพื้นฐานการศึกษาต่ำมาก สำหรับ วิชาทหารทั้งทางบกและทางเรือนั้น ไม่ปรากฏในรายงานทั้งเดือนนี้และเดือนต่อไป แต่เชื่อว่า น่าจะมีการฝึกการเรือและทหารราบบ้าง
นาวาตรี ไซเดอลิน
ผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือตามรายงานนี้ ได้เข้ารับราชการใน พ.ศ.๒๔๓๘ และมีชื่อใน รายการบยรรจุกำลังพลทหารเรือว่า "นายร้อยเอก มิสเตอร ไซรตลิน ผู้บังคับกองทหารป้อมพระ จุลจอมเกล้า เงินเเดือน ๓๕๐ บาท" (เอกสารรัชกาลที่ ๕ แฟ้ม ค.๕.๒/๙) ใน พ.ศ.๒๔๔๒ ได้เป็น "นาวาตรี ผู้บังคับการเรือมูรธาวสิตสวัสดิ์" (ลำดับที่ ๒) ได้เป็น "ผู้บังคับการ โรงเรียนนายเรือ" (Commander Cadet School) ใน พ.ศ.๒๔๔๓ (ไม่ปรากฏวันเดือนที่ได้ รับการแต่งตั้ง-จากเรื่อง "ชาวต่างชาติในกองทัพเรือไทย" โดย พลเรือตรี แชน ปัจจุสานนท์ นาวิกศาสตร์ปีที่ ๖๓ เล่มที่ ๑๑พฤศจิกายน ๒๕๒๓)
จากประวัติย่อของนาวาตรี ไซเดอลิน ที่ได้พบ แสดงว่าท่านได้เข้ามารับราชการในกรม ทหารเรือแล้ว ๔-๕ ปี จึงน่าจะเข้าใจภาษาไทยได้บ้าง และน่าจะเป็นรองผู้บัญชาการกรมทหาร เรือในเวลานั้น จึงถวายคำแนะนำให้กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ย้ายมาเป็นผู้บังคับการ โรงเรียนนายเรือเดนมาร์ก ในเวลานั้น จึงถวายคำแนะนำให้กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมย้ายมา เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ ท่านผู้นี้ได้ลาออกจากราชการกลับไปเดนมาร์กใน ร.ศ.๑๒๐ (พ.ศ.๒๔๔๔)
บาญชีนักเรียนนายเรือ
รายงานกรมทหารเรือที่เกี่ยวกับโรงเรียนนายเรือฉบับเดือนตุลาคม มีรายการ บาญชีนักเรียนนายเรือ ดังนี้

บาญชีนักเรียนนายเรือ
วันที่ ๑ สิงหาคม ร.ศ.๑๑๙ จำนวนเดือน กรกฏาคม
นำเบอร์ ชื่อ กรม ชื่อบิดา ที่อยู่ เข้าโรงเรียนนายเรือ
๓๙๓ นายแอ อาษาจาม หลวงสาครยุทธวิไชย หาไม่ได้ วันที่ ๒๓-๗-๑๑๘
๒๓๑ นายนาค กรมแสง นายสิบเอกบุญ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
๖๒๓ นายเป้า ปากน้ำ นายคร้าม หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
๒๓๙๕ นายห้าง เมืองตราด นายหนุ่ย หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
๒๒๒ นายเผื่อน กรมแสง นายสับ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
๑๒๙๑ นายปุย แปดกรม พระชนภูกรรม สวาด หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
๑๒๒๓ นายกรด แปดกรม มะชั้ว หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
๑๓๘๘ นายเนต แปดกรม มะนะ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
๒๒๘๒ นายอี้ เมืองตราด นายตึ่ง หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
๖๓๒ นายยัน มะริน มะส่งว หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
๖๒๘ นายเปลื้อง ปากน้ำ นายจอม หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
หลวงพ่อตาด ม.สีหพงษ์เพ็ญภาค หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
นายสะสิ พระวิชิตสรสาตร์ หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
นายเปี่ยม ล.ประจักษ์ศิลปาคม หาไม่ได้ วันที่ ๙-๒-๑๑๘
นายเล็ก พระยาพิเรนทร์เทพ หาไม่ได้ วันที่ ๑๕-๓-๑๑๙
๒๘๓๙ นายเปียก เมืองตราด หลวงราวีฆ่าศึก หาไม่ได้ วันที่ ๑๕-๓-๑๑๙
๘๒ นายปั้น มอญลาว มะเกีย หาไม่ได้ วันที่ ๒๑-๒-๑๑๙

ข้อสังเกต ในสมัยนั้นถือว่าวันที่ ๑ เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ "เดือน ๒" ในรายงานจึงเป็น "เดือนพฤษภาคม" "เดือน ๗" จึงเป็นเดือน "ตุลาคม" ฯลฯ และ "เดือน ๑๒" จึงเป็นเดือนมี.ค.

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 456 คน กำลังออนไลน์