ยุคปฏิวัติทางภูมิปัญญา
ยุคสมัยปฏิวัติทางภูมิปัญญา
กระแสทฤษฎีหลังทันสมัยนิยมได้รับการกล่าวถึงมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 ก่อนที่จะก่อตัวขึ้นในวงวิชาการสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา อันเกิดขึ้นจากการตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์แบบถอนรากถอนโคนจากทฤษฎีทันสมัยนิยม (modernism) ในประเด็นสำคัญ 4 ประการ ได้แก่
1. เชื่อว่า ชายผิวขาวชาวยุโรปสามารถแยกตัวเองจากมายาคติทางวัฒนธรรมของตน แล้วศึกษาโลกได้อย่างเป็นกลางและปราศจากอคติ
3. ถ้าความหมายถูกสร้างขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ดังนั้น จิตสำนึกร่วมที่สำนักโครงสร้างนิยมเชื่อว่า ฝังแน่นอยู่ในพฤติกรรมทางสังคมก็เป็นไม่มีอยู่จริง
4. ไม่มีงาช้างสำหรับนักวิชาการ (ที่ชอบอ้างความเป็นกลาง) เพราะว่าทฤษฎีต่างๆก็มีนัยยะทางการเมือง และมีผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในสังคมทั้งสิ้น
นักคิดสำคัญ
1.โซซูร์ เป็นนักภาษาศาสตร์ชาวสวิส ที่มีความสำคัญต่อการปฏิวัติที่เรียกว่า "The Linguistic Turn" ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดความสนใจอิทธิพลของภาษาที่มีต่อวิธีคิดด้วยวิธีคิดแบบเดิม ซึ่งผลงานนี้เป็นการแสวงหาระบบภาษา อาจอยู่เบื้องหลังทุกภาษาที่ใช้กันอยู่จริงๆ และเป็นโครางสร้างภาษาที่กล่อมเกลาจิตใจ ของมนุษย์
2.เดอริดา เป็นนักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ที่นำแนวคิดของโซซูว์มา deconstruct ทำให้เกิดแนวคิดหลังโครงสร้างนิยม (poststructuralism) ซึ่งเขาเห็นว่า ภาษามีธรรมชาติที่ไร้ระเบียบ ความหมายผันแปรไปตามบริบทที่เปลี่ยนไป อันเป็นพื้นฐานในการก่อตัวแนวคิดหลังทันสมัยใหม่ โดยเฉพาะแนวคิดที่ต่อต้าน logocentrism อันเป็นแนวคิดที่เชื่อว่ามีระบบสากลที่บอกได้อย่างชัดเจนว่าอะไรคือ ความถูกต้อง ความงาม ความจริง ฯลฯ ในความเป็นจริงโครงสร้างความหมายที่ปรากฏผ่านถ้อยคำในภาษา พฤติกรรมต่างๆ และข้อเขียนทุกชนิด ไม่อาจนำมาแปลความหรือตีความได้ ทุกสังคมวัฒนธรรมต่างก็สร้างและอยู่ในโลกของความหมายเฉพาะของตน Micheal Foucault : ฟูโกลต์เป็นนักทฤษฎีหลังทันสมัยนิยมแบบประนีประนอม (moderate postmodernism)
3.เลียวทาร์ เสนอว่า ควรจะเปลี่ยนโลกทัศน์ต่อความรู้เสียใหม่ จากที่ได้รับอิทธิพลจากวิทยาศาสตร์แบบกลไก มาอยู่ในระบบของโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นความรู้จึงมีลักษณะอย่างดีที่สุด คือ เป็นความรู้แบบชั่วคราว แม้แต่วิทยาศาสตร์เอง
4.โบดริยาร์ด เสนอว่าวัฒนธรรมของโลกยุคหลังทันสมัยมีเนื้อหาหลักอยู่ที่ เศรษฐกิจ ที่เน้นเรื่องการผลิตกับวัฒนธรรม (ที่กลายมาเป็นวัฒนธรรมของสัญญาณที่สามารถนำมาผลิตเป็นสินค้า) จะเห็นว่า เศรษฐกิจที่มีมูลค่ามากที่สุดและมีความยั่งยืนมากที่สุดมีฐานมาจากวัฒนธรรมทั้งสิ้น เข่น ภาพยนตร์ ดนตรี แฟชั่น ฯลฯ
- เศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ถึงจุดเปลี่ยน กล่าวคือ สินค้าที่มูลค่ามากที่สุดในตลาดโลกไม่ใช่สินค้าและบริการเช่นเดิม แต่เป็น"ข้อมูลข่าวสาร"
- ลักษณะที่โดดเด่นของวัฒนธรรมโลกยุคหลังทันสมัยอย่างหนึ่ง คือ การสร้างความจริงที่เหนือจริง (hyperreality) โดยผ่านการผลิตซ้ำแบบจำลอง เลียนแบบด้วยเทคโนโลยี ความจริงที่เหนือจริงนี้ เช่น การติดต่อสื่อสารผ่านโทรทัศน์หรือสื่อมวลชนต่างๆ อินเตอร์เน็ต ภาพยนตร์ การจัดนิทรรศการ การเดินทางท่องเที่ยว
เนื้อหาสำคัญของทฤษฎีหลังทันสมัยนิยม
2. ทฤษฎีหลังโครงสร้างนิยมปฏิเสธว่า ปรากฎการณ์ทางสังคมหรือความคิดของแต่ละบุคคลมีชุดของความหมายที่แน่นอนชุดหนึ่งแฝงอยู่ แต่ความหมายและความคิดกลับเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้รับสารหรือผู้วิเคราะห์ มุมมองเฉพาะและบริบทเฉพาะในกาสาร ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการผลิตความหมายหรือการเข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคมแต่ละครั้ง
4. ความสัมพันธ์ระหว่างสัญญะกับความหมายที่ซับซ้อนและมีนัยสำคัญหลายมิติ เช่น สัญญะไม่ได้ยึดติดอยู่กับความหมายใดความหมายนิ่งในลักษณะคงที่ แต่มันเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับสัญญะชุดอื่นอีกจำนวนหนึ่ง เช่น letter ได้ผลิตความหมายและสัญญะมากมาย อย่าง alphabet, message, agreement หรือกริยาที่แปลว่าเขียนหรือทำเครื่องหมายก็ได้
6. การทำความเข้าใจความหมายใดๆ มีนัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสื่อสาร การวิเคราะห์ และการตีความทางวัฒนธรรม โดยเนื้อหาของสารที่ได้รับการสื่อออกมาโดยตะรางแล้วผู้รับเข้าใจได้ เป็น "ความหมายที่ปรากฏ" (present) ส่วนความหมายอื่นที่แทรก แฝง ซ่อนหรือตีความหมายต่อได้อีก ถือเป็น "ความหมายที่ไม่ขาดหาย" (absent)
7. การศึกษาวิเคราะห์ทางสังคมวัฒนธรรม เป็นผลของปฏิสัมพันธ์ที่ไม่มีวันสิ่นสุดของสัญญะ การเข้าถึงความหมายเกิดขึ้นภายใต้บริบททางสังคมวัฒนธรรม ที่ขึ้นอยู่กับคนรับสาร (ไม่ใช่ผู้ส่งสาร)
8. ความหมายที่เกิดจาการสื่อสารและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ประกอบด้วยลักษณะสำคัญ ได้แก่
- ความหลากหลายมิติอยู่ในตัวเอง
- ความหมายไม่ได้จำกัดด้วยโครงสร้างที่ตายตัวแบบแนวคิด binary oppositions
- ผู้ส่งสาร ไม่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการสร้างความหมาย แต่เป็นผู้รับสาร ซึ่งมีความสามารถ โอกาส รวมทั้ง เงื่อนไขที่จะเข้าถึงและตีความที่ผู้ส่งสารไม่ได้คิดถึงหรือเตรียมไว้เลย
- ผู้รับสารเป็นผู้มีบทบาทในการทำความจริงให้ปรากฏ และทำสิ่งผู้ส่งสารจงใจซ่อนให้ปรากฏ
ตรวจแล้ว