ต้นไม้ในวรรณคดีไทย
ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
“…ไม้ม่วงพวงผลสุกห่าม ใบงามสดชื่นรื่นร่ม
กรรณิการ์ การะเกดสุกรม เที่ยวชมทั้งสระปทุมมาลย์…”
ตามเสด็จไทรโยค : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5
ชื่ออื่นๆ : กณิการ์ กรณิการ์
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Nyctanthes abortristis L.
วงศ์ : OLEACEAE
กรรณิการ์เป็นไม้พุ่มที่มีขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง
ใบ หนา ค่อนข้างแข็ง โคนใบมน ปลายใบแหลม ใบมีขนาดเท่าใบมะยม พื้นผิวใบหยาบ สากระคายมือ
ดอกช่อ ออกเป็นช่อ โคนดอกเป็นหลอด ปลายดอกแยกเป็นกลีบประมาณ 5 กลีบ เป็นจานคล้ายรูปกงจักร สีขาว ก้านดอกมีสีแดง หรือ สีส้ม บานกลางคืน กลิ่นหอมแรง ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ ปักชำกิ่ง เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง
ประโยชน์ ใบ ดอก แก้ปวดตามข้อ แก้ไข้ เป็นยาระบาย แก้ตานขโมย เปลือกชั้นในต้มกิน แก้ปวดศีรษะ ราก บำรุงกำลัง ธาตุ ผิวหนัง แก้ไอ แก้ผมหงอก
ถิ่นกำเนิด พบทั่วไปในทวีปเอเชียเขตร้อน เช่น พม่า ศรีลังกา อินเดีย และไทย ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง เติบโตได้ดีในดินอุดมแร่
“…เห็นกระเช้าสีดาระย้าย้อย ดังแกล้งห้อยไว้กับกิ่งพฤกษา
นางทูลอ้อนวอนองค์พระพี่ยา พระสั่งให้เก็บมาประทานนาง…”
อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ชื่ออื่นๆ : กระเช้าถุงทอง
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Aristolochia pothieri Pierre ex Lecomte
วงศ์ : ARISTOLOCHIACEAE
กระเช้าสีดาเป็นไม้เถาเลื้อย ต้นมีขนเล็กน้อย
ใบ เดี่ยว หรือมี 3 พู ออกสลับ รูปแผ่คล้ายรูปไข่ ขอบใบเรียบ โคนเว้าลึกรูปหัวใจ ปลายกลม เส้นใบออกจากจุดโคนเชื่อมกันที่ขอบใบ
ดอก เดี่ยว ออกตามซอกใบรวมกันเป็นกระจุก ยาว 2.4- 4.4 ซม. สีน้ำตาล ม่วง หรือ แดง ปลายแยกเป็น 2 แฉก ก้านดอกยาว 1.3- 1.8 ซม. โคนดอกเชื่อมกันเป็นกระเปาะยาว 3.5- 75 มม. ส่วนปลายพับขึ้น
ผล รูปทรงกระบอก เมื่อแก่จะแตกเป็นรูปคล้ายกระเช้า เมล็ด รูปหัวใจ มีปีกขนาด 7.5 X 6.7 - 7 มม.
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด แยกต้น
ประโยชน์ ปลูกเป็นอาหารสำหรับตัวอ่อนของผีเสื้อ
ถิ่นกำเนิด ไทย ขึ้นตามเขาหินปูน และอยู่ตามป่าผลัดใบและป่าดิบ ที่ระดับ 100- 400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ในต่างประเทศพบที่ประเทศกัมพูชา
"…ชื่นใจที่เงาไม้ราบร่มลมพัดฉิว
หอมกระถินกลิ่นไกลใจริ้วริ้ว
ฤาใครลิ่วลมแฉลบมาแอบมอง…"
เงาะป่า : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Acacia auriculaeformis Cunn.
วงศ์ : LEGUMINOSAE - MIMOSOIDEAE
กระถินณรงค์เป็นไม้พุ่ม โตเร็ว สูง 5-15 เมตร กิ่งแขนงเล็กห้อยย้อย
ใบ รูปเสี้ยวจันทร์ สีเขียวเข้ม หนา ยาวห้อยแตกยอด พุ่มหนาทึบ
ดอกช่อ สีเหลือง ขนาดเล็ก กลิ่นหอมอ่อน ดอกเป็นพู่เหลือง ยาวเป็นช่อ ที่ปลายกิ่งเป็นพู่
ผล เป็นฝักแบนและบิดงอ เมล็ด สีน้ำตาลดำ ออกดอกเกือบตลอดปี
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ ไม้ใช้เผาถ่าน
ถิ่นกำเนิด ออสเตรเลีย ขึ้นในดินได้เกือบทุกชนิด
“…จันทน์แห้งกลิ่นห่อนได้ ดรธาน
อ้อยหีบชานยังหวาน โอชอ้อย…”
กรมสมเด็จพระเดชาติศร
ชื่ออื่นๆ : จันทน์หอม
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Mansonia gagei J. R. Drumm. ex Prain
วงศ์ : STERCULIACEAE
จันทน์ชะมดเป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ โคนใบตัด กึ่งรูปหัวใจ และเบี้ยวเล็กน้อย ปลายใบแหลม ขอบใบจักฟันเลื่อย มีหูใบ ร่วงง่าย
ดอกช่อ ช่อดอกยาว 15 ซม. ดอกออกบนช่อสั้นๆ สีขาว มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก กลีบเลี้ยงคล้ายกาบ แยกออกด้านเดียว กลีบดอก 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 10 ติดกันบนก้านชู เกสรเพศผู้และเพศเมียอยู่ล้อมรอบรังไข่ เกสรเพศผู้เป็นหมันอยู่ระหว่างเกสรเพศผู้และรังไข่ รังไข่อยู่เหนือส่วนต่างๆของดอก ผลมีปีก รูปรี มักอยู่กันเป็นคู่ เนื้อไม้เมื่อปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ มีกลิ่นหอม ออกดอกเดือนสิงหาคม- ตุลาคม เป็นผลระหว่างเดือน ตุลาคม- มกราคม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ประโยชน์ นิยมใช้ทำดอกไม้จันทน์
ถิ่นกำเนิด ในประเทศไทยพบทางภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงใต้และภาคใต้ ในป่าดิบแล้งหรือป่าผลัดใบที่ชื้น ตามเขาหินปูนสูง 100- 400 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในต่างประเทศพบที่ อินเดีย
“…เห็นชายผ้าสีดาบนค่าไม้ เหมือนละม้ายชายสะไบบังอร…”
อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.2
ชื่ออื่นๆ : กระปรอก, กระปรอกหัวหมู ตองข้าวห่อย่าบา, Staghorm fern
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Platycerium wallichii, Hook.
วงศ์ : POLYPODIACEAE
ชายผ้าสีดาเป็นพืชอิงอาศัย มีเหง้าสั้น ยาวไม่เกิน 1 ซม. มีใบเป็นแผ่นซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดหุ้มอยู่ ใบนี้ยาวได้ถึง 10 ซม. แยกเป็น 2 แฉก มีเส้นแผ่นใบเห็นได้ชัดทั้ง 2 ด้าน เส้นใบก็แตกเป็น 2 แฉก ด้วยเส้นใบย่อยเป็นตาข่าย ใบหนาและอวบน้ำ ที่โคนก้านใบ สีเขียว ใบ ปกติยาวได้ถึง 50 ซม. ห้อยลง แยกเป็น 2 แฉก แฉกแคบเห็นเป็น 2 แฉกชัดเจน ใบหนามีขนรูปดาว ใต้ใบที่ด้านล่างปกคลุมด้วยสปอร์ ปนกับเส้นแทรกที่เป็นรูปดาว มีหัวกลมโตเกาะตามกิ่งไม้ใหญ่ มีกาบใบเป็นแฉก ห้อยย้อยลงมายาวงามเหมือนชายผ้าขาดติดต้นไม้
การขยายพันธุ์ แยกหน่อหรือหัวเล็กๆ
ประโยชน์ เป็นไม้ประดับ หัวตากแห้งใช้ปลูกชำกล้วยไม้เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น
ถิ่นกำเนิด อินเดียตะวันออก พม่า ยูนนานถึงมาเลเซีย
“…ไม้รังดอกร่วงเสาวรส ใบสดบังแสงสุริย์ฉาย
กระแบกบานก้านเบียดร่มสบาย นางกรายกิ่งกรายเมื่อต้องลม…”
รามเกียรติ์ : พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ร.1
ชื่ออื่นๆ : ตะแบก กระแบก
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Lagerstroemia floribunda Jack
วงศ์ : LYTHRACEAE
ตะแบกนาเป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดใหญ่ สูง 15 - 30 เมตร โคนต้นเป็นพูพอนเปลือกเรียบเป็นมัน สีเทา มีรอยแผลเป็นดวงตลอดลำต้น
ใบ เดี่ยว ออกตรงข้ามรูปหอก กว้างประมาณ 7 ซม. ยาวประมาณ 15 ซม. ปลายมน มีติ่งแหลมเล็ก ขอบใบม้วนขึ้น ใบอ่อนออกสีแดง
ดอกช่อ สีม่วงอมชมพู แล้วเปลี่ยนเป็น สีขาว ออกช่อที่ปลายกิ่ง ดอกตูมคล้ายลูกข่าง มีจุกสั้นๆที่ยอด กลีบดอก 6 กลีบ เมื่อบานเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 ซม.
ผล รูปไข่ประมาณ 1 ซม.ยาวประมาณ 1.5 ซม. เมื่อแก่แตกได้ ออกดอกเดือน กรกฎาคม - กันยายน
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ เนื้อไม้ใช้ก่อสร้าง เปลือก แก้ท้องเสีย ราก ต้ม แก้ไข้ เนื่องจากปวดกล้ามเนื้อ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
ถิ่นกำเนิด มาเลเซียและภูมิภาคอินโดจีน ขึ้นในที่ชุ่มชื้นตาม ชายป่าทั่วไป
“…ส้มโอหล่นจากต้นตะลิงปลิง ลงกองกลิ้งอยู่สล้างข้างพุทรา…”
ตามเสด็จไทรโยค : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Averrhoa bilimbi L.
วงศ์ : OXALIDACEAE
ตะลิงปลิงเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 6 เมตร ต้นสั้น แตกกิ่งก้านสาขามากมาย กิ่งปกคลุมด้วยขนนุ่มๆ เปลือกสีชมพู ผิวเรียบ หักง่าย
ใบ เป็นใบประกอบ มีใบย่อยประมาณ 11-37 ใบ เรียงจากขนาดเล็กไปหาขนาดใหญ่ ใบย่อยเป็นรูปหอก โคนมน ปลายแหลม กว้างประมาณ 1 ซม. ยาว 2-5 ซม. สีเขียวอ่อนมีขนนุ่มๆ ปกคลุมอยู่
ดอกช่อ ออกเป็นช่อๆ ตามต้นหรือกิ่ง ดอก สีแดงเข้ม กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ สีเขียวอมชมพู กลีบดอกมี 5 กลีบ กลิ่นหอมหวาน เกสรกลางดอกเป็นสีเขียวอ่อน
ผล เป็นผลช่อห้อย ผลยาว 4- 6 ซม. กว้างประมาณ 2 ซม. ผิวบางเรียบสีเขียว เมื่อสุกเป็นสีเหลือง เนื้อเหลว เปรี้ยว
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ ดอกชงกินแก้ไอ ผล เป็นยาเจริญอาหาร ทำน้ำผลไม้ ผลไม้แห้ง และแช่อิ่ม ใบ ใช้พอกแก้คัน
ถิ่นกำเนิด แถบริมทะเลในประเทศบราซิล ขึ้นได้ดีในดินปนทราย
“…โกฐกระวานกานพลูดูระบัด กำจายกำจัดสารพันทั้งตันหยง
หอมระรื่นชื่นใจที่ในดง พฤกษาทรงเสาวคนธ์ดังปนปรุง…”
นิราศพระแท่นดงรัง : สุนทรภู่
ชื่ออื่นๆ : Divi Divi
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Caesalpinia coriaria Willd.
วงศ์ : LEGUMINOSAE - CAESALPINIACEAE
ตันหยงเป็นไม้ต้นสูง 6- 10 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาแผ่เป็นพุ่ม
ใบ ประกอบแบบขนนกออกสลับ ปลายมน ไม่มีก้านใบย่อย
ดอกช่อ สีขาวอมเขียว หรือสีเขียวอมเหลือง หอมแรง เล็ก ออกเป็นช่อตามซอกใบและปลายกิ่ง
ผล เป็นฝักแบน บิดงอ ออกดอกเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง
ประโยชน์ ฝักมีสารฝาด ใช้ใส่แผลเปื่อย ย้อมหนังสัตว์
ถิ่นกำเนิด อเมริกาเขตร้อน
“…ทองกวาวคราวดอกแดง เชิงจ่าแจงแคงเหียงหัน…”
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Betea monosperma O. Ktze.
วงศ์ : LEGUMINOSAE - PAPILIONOIDEAE
ทองกวาวเป็นไม้ต้น สูง 6-12 เมตร เปลือกต้นเป็นปม ปุ่ม ไม่เรียบเกลี้ยง ผิวสีน้ำตาลหม่น
ใบ สีเขียว พื้นผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน ใบอ่อนเป็นก้านยาว ก้านหนึ่งมีใบย่อย 3 ใบ ใบค่อนข้างกลม กว้าง 6-18 ซม. ยาว 7-20 ซม.
ดอกช่อ ออกเป็นช่อคล้ายดอกทองหลาง สีแดง ขนาดใหญ่
ผล เป็นฝักแข็ง เปลือกนอกมีสีน้ำตาลอ่อน ภายในฝักมีเมล็ดขนาดเล็ก สีน้ำตาลแก่
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ประโยชน์ ใบ ดอก ต้มกินเป็นยา แก้ปวด ถอนพิษไข้ เมล็ด ฝัก ต้มกินขับถ่ายพยาธิ
ถิ่นกำเนิด อินเดีย ภูมิภาคอินโดจีนและอินโดนีเซีย เกิดขึ้นเองตามพื้นที่ลุ่มต่ำหรือป่าราบ มีมากทางภาคเหนือ ตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ
“…เหลือบเห็นดอกปะหนันสำคัญจิต เหมือนวันที่พี่ลิขิตด้วยนขา
เห็นดอกไม้ไหลลอยในคงคา เหมือนเมื่อลอยมาลาให้เทวี…”
อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลัานภาลัย ร.2
ชื่ออื่นๆ : ลำเจียก การะเกด เตยทะเล
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Pandanus tectorius Sol. ex Parkinson
วงศ์ : PANDANACEAE
ปาหนันอยู่ในวงศ์เดียวกับเตย เป็นคำในภาษาอินโดนิเซีย ต้นแตกเป็นกอใหญ่ สูง 4-5 เมตร
ต้นอวบน้ำ มีรากอากาศเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 ซม. บริเวณโคนต้นเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยค้ำจุนต้น
ใบ เดี่ยว เรียงสลับเวียนรอบกิ่งเป็นกระจุกที่ปลายยอด ใบใหญ่ หนา และยาว ขอบใบและใต้ท้องใบตรงแกนกลางมีหนาม คล้ายใบสับปะรดแต่ยาวกว่า
ดอกช่อ ออกตรงยอดกลางต้น มีใบซึ่งเปลี่ยนเป็นสีขาว เหลือง คลุมเป็นรูปสามเหลี่ยม ดอกสีขาว เริ่มบานตอนเย็น มีกลิ่นหอมอยู่ 2 วัน ต้นที่มีเฉพาะดอกเพศเมีย เรียกเตยทะเล
การขยายพันธุ์ แยกหน่อ
ประโยชน์ เป็นไม้ประดับ ปลูกไว้เป็นแนวสำหรับบังลมและเป็นแนวรั้วได้ดี เนื่องจากแตกหน่อแน่นทึบและมีหนามแหลม รากแก้พิษไข้ ปรุงเป็นยาแก้ปัสสาวะพิการ แก้หนองใน แก้นิ่ว
ถิ่นกำเนิด ชอบขึ้นตามชายน้ำ ริมทะเล
“…รสสุคนธ์ปนมะลิผลิดอกโต ดอกส้มโอกลิ่นกล้าน่าดม
มลิวันพันกิ่งมณฑาเทศ แก้วเกดดอกดกตกอยู่ถม…”
อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.2
ชื่ออื่นๆ : ยี่หุบ
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Talauma candollei Blume
วงศ์ : MAGNOLIACEAE
มณฑาเป็นไม้พุ่ม สูง 2-3 เมตร ต้นกลมเล็ก กิ่งยืดสูง ต้นอ่อนลักษณะคล้ายจะเลื้อย
ใบ เดี่ยว ออกสลับ ใบใหญ่ไม่แตกสาขามาก รูปใบหอก กว้าง 8-12 ซม. ยาวประมาณ 16 ซม. โคนสอบ ปลายแหลม แผ่นใบเป็นคลื่นหรือเป็นลอน
ดอก ใหญ่ สีเหลืองอ่อน กลิ่นหอมแรงตอนเช้า ออกเดี่ยวตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกรูประฆังห้อยลง กลีบเลี้ยง 3 กลีบ สีเขียวอ่อนอมเทา หนาและแข็ง เวลาบานไม่คลี่เต็มดอก กลิ่นหอมแรง ผล เป็นผลรวม ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง
ประโยชน์ เป็นไม้ประดับที่มีกลิ่นหอม
ถิ่นกำเนิด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชอบที่ร่มรำไร
“…มะลิวัลย์อัญชันช่อ ทุกก้านกอสรล่มสรลอน
ชงโคยี่โถขจร รสรื่นรรวยรมย์…”
สรรพสิทธิ์คำฉันท์ : สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
ชื่ออื่นๆ : Oleander, Rose bay, Sweet oleandar
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Nerium oleander
วงศ์ : APOCYNACEAE
ยี่โถเป็นไม้พุ่ม แตกกิ่งก้านสาขาไม่มากนัก ต้นมียางสีขาวคล้ายน้ำนม
ใบ เดี่ยว รูปหอก โคนใบสอบ ปลายแหลม ขอบเรียบ สีเขียวเข้ม กว้าง 1.5-2 ซม. ยาว 8-14 ซม.
ดอกช่อ ออกเป็นช่ออยู่ส่วนยอดของต้น ดอกเป็นรูปทรงกรวย มีทั้งชนิดลาและซ้อน หลากหลายสี เช่น สีชมพูเข้ม ชมพู ขาว มีกลิ่นหอม ผล เป็นฝักคู่ เมื่อแก่จะแตกเห็นเมล็ดภายในผล
เมล็ด มีขนละเอียดเป็นมันคล้ายเส้นไหมปกคลุมอยู่ เมล็ดนี้จะลอยตามลมกระจายพันธุ์ได้
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ปักชำกิ่ง
ประโยชน์ ใบขนาดพอเหมาะ เป็นยาบำรุงหัวใจ ใบเป็นพิษ มีสารที่มีฤทธิ์แรงมากในการใช้ปรุงยา ถ้าใช้เกินขนาดเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เป็นยาเบื่อหนูและฆ่าแมลง
ถิ่นกำเนิด เมดิเตอร์เรเนียน เคบเวอดี ญี่ปุ่น ขึ้นได้ดีในดินที่ร่วนซุย น้ำพอควร ความชื้นสูง กลางแจ้ง แดดจัด
“…ปริงปรางลางต้นผลดก คณานกจับจิกเป็นภักษา
ลดาวัลย์พันพุ่มอัมพา สาวหยุดย้อยระย้ายมโดย…”
อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.2
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Porana volubillis Burm.
วงศ์ : CONVOLVULACEAE
ลดาวัลย์เป็นไม้เถา เนื้อไม้แข็ง ขนาดใหญ่ ยอดอ่อนของต้นมีขน เถาแก่มีผิวเรียบ
ใบ เดี่ยว ออกสลับ รูปไข่ มีใบดกตลอดปี กว้างประมาณ 5 ซม. ยาวประมาณ 7 ซม. โคนเว้าเล็กน้อยเป็นรูปหัวใจ หรือโคนมน ปลายแหลม
ดอกช่อ ขาว กลิ่นหอม ออกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบดอกรูปกระดิ่ง ปลายแยกเป็น 5 แฉก ผล กลม เมื่อแก่แตกได้ กลีบเลี้ยงติดทนและโตตามผล มี 1 เมล็ด ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ เป็นไม้ที่มีกลิ่นหอม
ถิ่นกำเนิด ไทย พม่า มาเลเชีย
“…อบเชยเผยกลิ่นกลั้วสุกรม วันนี้ได้เชยชมสมสุขพี่
สาวหยุดกุหลาบอาบอวลดี ขอหยุดชมจูบทีเถิดสาวน้อย…”
ขุนช้างขุนแผน : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.2
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Cinnamomum iners Reinw. ex Blume
วงศ์ : LAURACEAE
อบเชยเป็นไม้ต้นขนาดกลาง สูง 4-10 เมตร เปลือกต้นและใบมีกลิ่นหอม
ใบ เดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปวงรี หรือวงรีแกมขอบขนาน ใบแข็ง หนา กว้าง 3-6 ซม.ยาว 7-13 ซม. มีเส้นหลัก 3 เส้น
ดอกช่อ ออกเป็นช่อที่ซอกใบและที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยมีขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อน ผล สด
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ รากเป็นยาลดไข้หลังผ่าตัด ต้นเป็นยาถ่าย น้ำยางจากใบใช้ทาแผลถอนพิษของยางน่อง เมล็ดทุบให้แตกแล้วผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานแก้บิดและแก้ไอ เปลือกปรุงเป็นยาหอมและยานัตถุ์ ช่วยให้สดชื่น แก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง แก้บิด ไข้สันนิบาต
ถิ่นกำเนิด พม่า และภูมิภาคมาเลเซีย พบทั่วไปตามชายป่า