tense
ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
TENSE
Tense คือ รูปของคำกริยาที่บอกเวลาของการกระทำ ในภาษาอังกฤษการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกันจะใช้รูปของคำกริยาที่แตกต่างกัน เช่น
1. I am playing football now. ( ฉันกำลังเล่นฟุตบอล )
2. I played football yesterday. ( ฉันเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ )
ในประโยคที่ 1 รูปของคำกริยาคือ am playing บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลกำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมาในประโยคที่ 2 รูปของคำกริยาคือ played บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ชนิดของ Tense
Tense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ
1. Present Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นปัจจุบัน
2. Past Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอดีต
3. Future Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอนาคต
Present Simple Tense
โครงสร้าง : Subject + Verb 1 (s )
< ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ( s ) > ( เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 หลังคำกริยาจะต้องเติม s )
ตัวอย่าง :
1. I go to school by car. (ฉันไปโรงเรียนโดยรถยนต์)
2. He walks to school. ( เขาเดินไปโรงเรียน )
ประโยค Present Simple Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do มาช่วย
มีหลักการใช้ดังนี้
do ใช้กับประธานพหูพจน์ และ I กับ you
does ใช้กับประธานเอกพจน์ ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + do / does + not + Verb 1
( ประธาน + do / does + not + กริยาช่องที่ 1 )
ตัวอย่าง :
1. I do not ( don’t ) go to school by car. ( ฉันไม่ไปโรงเรียนโดยรถยนต์ )
2. He does not ( doesn’t ) walk to school. ( เขาไม่เดินไปโรงเรียน )
3. You do not play football every day. ( คุณไม่เล่นฟุตบอลทุกวัน )
4. Somsri and Somsak do not study English every day .( สมศรีและสมศักดิ์ไม่เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน )
ข้อสังเกต : เมื่อนำ does มาช่วยในประโยคแล้ว ต้องตัด s ออกด้วย
หลักการใช้ Present Simple Tense
1.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไปหรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ
เช่น 1. The sun rises in the east.( พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก )
2. Fire is hot. ( ไฟร้อน )
Present Continuous Tense
โครงสร้าง ประโยค เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb 1 ing.
( ประธาน + is, am, are + กริยาช่อง 1 เติม ing.)
ตัวอย่าง 1. Somchai is sleeping. ( สมชายกำลังนอนหลับ )
2. I am playing football. ( ฉัน กำลังเล่น ฟุตบอล )
ประโยค Present Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงปฏิเสธให้นำ not มาเติมหลัง Verb to be ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง: Subject + is, am, are + not + Verb 1 ing.
( ประธาน + is, am, are + not + กริยาช่อง 1 เติม ing. )
ตัวอย่าง : 1. Somchai is not ( isn’t ) sleeping. ( สมชายไม่ได้กำลังนอนหลับ )
2. I am not playing football. ( ฉันไม่ได้ กำลังเล่น ฟุตบอล )
3. They are not ( aren’t ) watching TV. ( พวกเขาไม่ได้กำลังดูโทรทัศน์ )
หลักการใช้ Present Continuous Tense
1. ใช้กับการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด
เช่น 1. I am studying English . ( ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษ )
2. Somchai is sleeping. ( สมชายกำลังนอนหลับ )
3. They are watching TV. ( พวกเขากำลังดูโทรทัศน์ )
Present Perfect Tense
ประโยค Present Perfect Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + have , has + Verb 3
( ประธาน + have , has + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง :1. I have studied English for 5 years.( ฉันเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว )
2. He has lived in Bangkok since 1990.( เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 )
ประโยค Present Perfect Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + have , has + not + Verb 3
( ประธาน + have , has + not + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง :
1. I have not studied English for 5 years.( ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาไม่ถึง 5 ปี )
2. He has not lived in Bangkok since 1990.( เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 )
หลักการใช้ Present Perfect Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
เช่น
1.Somchai has studied English for 5 years. ( สมชายเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังเรียนอยู่ )
2.I have worked in this company since 1990. ( ฉันทำงานในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 1990 ขณะนี้ก็ยังทำอยู่ )
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เคยหรือไม่เคยทำในอดีต ซึ่งมิได้บ่งบอกเวลาที่แน่นอนเอาไว้ และมักจะมีคำวิเศษณ์ คือ ever, never, once, twice มาใช้ร่วมเสมอ
เช่น
- I have never seen him before. ( ฉันไม่เคยเห็นเข้ามาก่อน )
- Have you ever been abroad ?( คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า )
Present Perfect Continuous Tense
ประโยค Present Perfect Continuous Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + have , has + been + Verb 1 ing
( ประธาน + have , has + been + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :
1. He has been speaking for 3 hours. ( เขาพูดมา 3 ชั่วโมงแล้ว )
2. They have been playing football for 2 hours. ( เขาทั้งหลายเล่นฟุตบอลมา 2 ชั่วโมงแล้ว )
ประโยค Present Perfect Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + have , has + not + been + Verb 1 ing
(ประธาน+have, has+not + been+ กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :
1. He has not been speaking for 3 hours. ( เขาพูดมาไม่ถึง 3 ชั่วโมง )
2. They have not been playing football for 2 hours.( เขาทั้งหลายเล่นฟุตบอลมาไม่ถึง 2 ชั่วโมง )
หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense
1. ใช้กับการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต (Present Perfect Progressive
Tense ใช้เหมือน Present Perfect Tense ต่างกันแต่เพียงว่า Present Perfect Progressive Tense เน้นความต่อเนื่องไปถึงอนาคต )
Past Simple Tense
ประโยค Past Simple Tense เชิงบอกเล่า
( ประธาน + กริยาช่องที่ 2 )
2. They played volleyball last week. ( เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )
ประโยค Past Simple Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do
ช่องที่ 2 คือ did มาช่วย และเติม not ข้างหลัง มีโครงสร้างของประโยคดังนี้
โครงสร้าง : Subject + did + not + Verb 1
( ประธาน + did + not + กริยาช่องที่ 1 )
ตัวอย่าง : 1. He did not ( didn’t ) walk to school yesterday. ( เขาไม่ได้เดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )
2. They did not play volleyball last week. ( เขาทั้งหลายไม่ได้เล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )
ข้อสังเกต : เมื่อนำ did มาใช้ในประโยคแล้วต้องเปลี่ยนกริยาช่องที่ 2 ให้เป็นกริยาช่องที่ 1 ด้วย
หลักการใช้ Past Simple Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต ซึ่งมักจะมีคำ กลุ่มคำ หรืออนุประโยคต่อไปนี้อยู่ในประโยค
อยู่ในประโยค
คำ |
กลุ่มคำ |
อนุประโยค |
ago |
last night |
when he was young |
once |
last year |
when he was five years old |
yesterday |
yesterday morning |
when I lived in |
|
during the war |
|
เช่น 1. I lived in Chaing mai 3 years ago. ( ฉันอยู่ที่เชียงใหม่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่แล้ว )
3. He learned English when he was young. ( เขาเรียนภาษาอังกฤษเมื่อเขาเป็นเด็ก )
Past Continuous Tense
ประโยค Past Continuous Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง: Subject + was , were + Verb 1 ing
( ประธาน + was , were + กริยาช่องที่ 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :
1.I was playing football at 4 pm. yesterday. ( ฉันกำลังเล่นฟุตบอลตอน 4 โมงเย็นเมื่อวานนี้ )
2.She was watching TV at 6 pm.yesterday. (หล่อนกำลังดูโทรทัศน์ตอน 6 โมงเย็นเมื่อวานนี้ )3. They were studying English at 9 am. yesterday. ( เขาทั้งหลายกำลังเรียนภาษาอังกฤษตอน 9 โมงเช้าเมื่อวานนี้ )
ประโยค Past Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้นำ not
มาเติมหลัง Verb to be ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง: Subject + was, were + not + Verb1 ing.
( ประธาน + was , were + not + กริยาช่องที่ 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :
1. I was not ( wasn’t ) playing football at 4 pm. yesterday.( ฉันกำลังเล่นฟุตบอลตอน 4 โมงเย็นวานนี้ )
2. She was not watching TV at 6 pm. yesterday.( หล่อนกำลังดูโทรทัศน์ตอน 6 โมงเย็นเมื่อวานนี้ )
3. They were not (weren’t ) studying English at 9 am. yesterday.( เขาทั้งหลายกำลังเรียนภาษาอังกฤษตอน 9 โมงเช้าเมื่อวานนี้ )
หลักการใช้ Past Continuous Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์ทีกำลังเกิดขึ้น ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตตามที่ระบุไว้อย่างชัดเจน
เช่น 1. I was cleaning my room at 9 o’clock yesterday. ( ฉันกำลังทำความสะอาดห้องตอน 9 โมงเมื่อวานนี้ )
2. They were reading newspaper at 8 o’clock yesterday. ( เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ตอน 8 โมงเมื่อวานนี้ )
Past Perfect Tense
ประโยค Past Perfect Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + had + verb 3
( ประธาน + had + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง : 1. He had gone. ( เขาได้ไปแล้ว )
2. She had studied Thai. ( หล่อนได้เรียนภาษาไทย )
ประโยค Past Perfect Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not
หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + had + not + Verb 3
( ประธาน + had + not + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง : 1. He had not (hadn’t ) gone. ( เขายังไม่ได้ไป )
2. She had not studied Thai. ( หล่อนยังไม่ได้เรียนภาษาไทย )
หลักการใช้ Past Perfect Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีตและสิ้นสุดลงไปแล้วทั้ง 2 เหตุการณ์ ดังนี้
• เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Past Perfect Tense
• เหตุการณ์ใดเกิดหลังใช้ Past Simple Tense
เช่น - We went out for a walk after we had eaten dinner.( พวกเราออกไปเดินเล่นหลังจากรับประทานอาหารเย็น )
( ประธาน + had + been + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :
2. It had been raining for five hours.( ฝนได้ตกโดยไม่หยุดมาเป็นเวลา 5 ชั่วโมงแล้ว )
ประโยค Past Perfect Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Perfect Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not
หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + had + not + been + Verb 1 ing
(ประธาน + had + not + been + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :
1. They had not ( hadn’t ) been playing football for three hours.( เขาทั้งหลายเล่นฟุตบอลมาไม่ถึง 3 ชั่วโมง )
2. It had not been raining for five hours.( ฝนตกมาไม่ถึง 5 ชั่วโมง )
หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีตและสิ้นสุดลงไปแล้วทั้ง 2 เหตุการณ์ ดังนี้
- เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Past Perfect Progressive Tense
- เหตุการณ์ใดเกิดหลังใช้ Past Simple Tense
เช่น
1. He had been sleeping for 30 minutes before we woke him up.(เขาได้นอนหลับมา 30 นาทีก่อนที่เราจะปลุกเขา )
2. He sat down after he had been playing football for an hour.( เขานั่งพักหลังจากได้เล่นฟุตบอลมา 1 ชั่วโมง )
Future Simple Tense
ประโยค Future Simple Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + will, shall + verb 1
( ประธาน + will , shall + กริยาช่อง 1 )
ตัวอย่าง : 1. I shall go to Chiang mai tomorrow. ( ฉันจะไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้ )
2. She will study Spanish next week. ( หล่อนจะเรียนภาษาสเปนสัปดาห์หน้า )
ประโยค Future Simple Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + will, shall + not + verb 1
( ประธาน + will , shall + not + กริยาช่อง 1 )
ตัวอย่าง :
1. I shall not ( shan’t ) go to Chiang mai tomorrow. ( ฉันจะไม่ไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้ )
2. She will not ( won’t ) study Spanish next week. ( หล่อนจะไม่เรียนภาษาสเปนสัปดาห์หน้า )
หลักการใช้ Future Simple Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น My father will go to America next month. ( พ่อของฉันจะไปอเมริกาเดือนหน้า )
I shall play football tomorrow afternoon.( ฉันจะเล่นฟุตบอลบ่ายวันพรุ่งนี้ )
Future Continuous Tense
ประโยค Future Continuous Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + will ,shall + be + verb 1. ing
( ประธาน + will ,shall + be + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง : 1. She will be playing tennis.( หล่อนจะกำลังเล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will be cooking.( เขาทั้งหลายจะกำลังทำอาหารอยู่ )
ประโยค Future Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + will ,shall + not + be + verb 1. ing
(ประธาน + will ,shall + not + be + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง : 1. She will not ( won’t ) be playing tennis.( หล่อนจะไม่กำลังเล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will not ( won’t ) be cooking.( เขาทั้งหลายจะไม่กำลังทำอาหารอยู่ )
หลักการใช้ Future Continuous Tense
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นก่อนหลังกันในอนาคต ดังนี้
-เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Progressive Tense
-เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense
เช่น 1. He will be reading when I visit him.( เขาจะอ่านหนังสืออยู่เมื่อผมไปเยี่ยมเขา )
2. I shall be watching TV when he arrives.( ฉันจะอ่านหนังสืออยู่เมื่อเขามาถึง )
Future Perfect Tense
ประโยค Future Perfect Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + will ,shall + have + verb 3
( ประธาน + will ,shall + have + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง : 1. She will have gone.( หล่อนคงจะไปแล้ว )
2. They will have cooked.( เขาทั้งหลายคงจะทำอาหารแล้ว )
ประโยค Future Perfect Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + will ,shall + not + have + verb 3
( ประธาน + will ,shall + not + have + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง : 1. She will not ( won’t ) have gone.( หล่อนคงจะไม่ไปแล้ว )
2. They will not have cooked.( เขาทั้งหลายคงจะไม่ทำอาหารแล้ว)
หลักการใช้ Future Perfect Tense
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต ดังนี้
• เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Perfect Tense
• เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense
เช่น 1. The film will have started before we reach the theater.
( ภาพยนต์คงจะเริ่มฉายก่อนที่พวกเราจะไปถึง )
2. I will have left home when he arrives tomorrow.
( ฉันคงจะออกจากบ้านไปแล้ว เมื่อเขามาถึงวันพรุ่งนี้ )
Future Perfect Continuous Tense
ประโยค Future Perfect Continuous Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + will, shall + have + been + verb 1. ing
(ประธาน+ will shall +have +been + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง : 1. She will have been playing tennis.( หล่อนคงจะเล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will have been cooking.( เขาทั้งหลายคงจะทำอาหารอยู่ )
ประโยค Future Perfect Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Perfect Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not+ หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + will ,shall + not +have + been +verb 1. ing
(ประธาน + will , shall + not + have + been + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง : 1. She will not ( won’t ) have been playing tennis.( หล่อนคงจะไม่เล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will not have been cooking.( เขาทั้งหลายคงจะไม่ทำอาหารอยู่ )
หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นก่อนหลังกันในอนาคตแต่เน้นความต่อเนื่องของการกระทำ ดังนี้
- เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Perfect Progressive Tense
- เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense
เช่น 1. He will have been reading for two hours when I visit him.
( เขาคงจะอ่านหนังสืออยู่เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว เมื่อผมไปเยี่ยมเขา )
2. I shall have been watching TV for an hour when he arrives.
( ฉันคงจะอ่านหนังสืออยู่เป็นเวลา 1 ชั่วโทงแล้ว เมื่อเขามาถึง )
ได้ความรู้มากเลยครับ แม้จะยังเข้าใจไม่หมด แต่ก็จะพยายาม
อยากให้ผู้จัดทำมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล มอบองค์ความรู้เป็นวิทยาทานสร้างสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ผลงานออกมาให้ชมต่อไป จะแวะมาเยี่ยมชมอีกค่ะ จากเมืองชาละวัน 083-2373620 / 056-6557845
»
อยากให้ผู้จัดทำมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล สร้างสิ่งที่ดีมีประโยชน์ได้ความรู้ ผลงานออกมาให้ชมต่อไป จะแวะมาเยี่ยมชมอีก จากเมืองชาละวัน 083-2373620 / 056-6557845
»
เป็นกำลังใจให้ผู้มีผลงานชิ้นเยี่ยม มีความเจริญก้าวหน้าให้หน้าที่การงานของความเปํนครูโดยไม่หวังผลตอบแทนใด จากเมืองชาละวัน083-2363720 / 056-6557845
ความเป็นครู มอบแต่สิ่งที่ดีแก่ศิษย์โดยไม่หวังผลตอบแทน จรรยาบรรณข้อหนึ่งที่ครูคนนี้มีให้ เป็นวิทยาทานได้อย่างดีเยี่ยม เมืองชาละวัน
เนื้อหามีประโยชน์มากครับสำหรับผู้เริ่มต้นภาษาอังกฤษ