tense

ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง

ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล


TENSE

  Tense คือ รูปของคำกริยาที่บอกเวลาของการกระทำ ในภาษาอังกฤษการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกันจะใช้รูปของคำกริยาที่แตกต่างกัน เช่น
1. I am playing football now. ( ฉันกำลังเล่นฟุตบอล )
2. I played football yesterday. ( ฉันเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ )
ในประโยคที่ 1 รูปของคำกริยาคือ am playing บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลกำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมาในประโยคที่ 2 รูปของคำกริยาคือ played บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
 

ชนิดของ Tense
Tense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ
1. Present Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นปัจจุบัน
2. Past Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอดีต
3. Future Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอนาคต

 Present Simple Tense

โครงสร้าง : Subject + Verb 1 (s ) 

 < ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ( s ) > ( เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 หลังคำกริยาจะต้องเติม s )

ตัวอย่าง :
1. I go to school by car. (ฉันไปโรงเรียนโดยรถยนต์)

         2. He walks to school. ( เขาเดินไปโรงเรียน )

ประโยค Present Simple Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do มาช่วย

มีหลักการใช้ดังนี้

do ใช้กับประธานพหูพจน์ และ I กับ you
does ใช้กับประธานเอกพจน์ ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้


โครงสร้าง : Subject + do / does + not + Verb 1
       ( ประธาน + do / does + not + กริยาช่องที่ 1 )


ตัวอย่าง :
1. I do not ( don’t ) go to school by car. ( ฉันไม่ไปโรงเรียนโดยรถยนต์ )
2. He does not ( doesn’t ) walk to school. ( เขาไม่เดินไปโรงเรียน )
3. You do not play football every day. ( คุณไม่เล่นฟุตบอลทุกวัน )
4. Somsri and Somsak do not study English every day .( สมศรีและสมศักดิ์ไม่เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน )


ข้อสังเกต : เมื่อนำ does มาช่วยในประโยคแล้ว ต้องตัด s ออกด้วย

หลักการใช้    Present Simple Tense

1.ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไปหรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ
เช่น       1. The sun rises in the east.( พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก )
2. Fire is hot. ( ไฟร้อน )

 


Present Continuous Tense

โครงสร้าง ประโยค เชิงบอกเล่า

โครงสร้าง: Subject + is, am, are + Verb 1 ing.

        ( ประธาน + is, am, are + กริยาช่อง 1 เติม ing.)

ตัวอย่าง 1. Somchai is sleeping. ( สมชายกำลังนอนหลับ )

           2. I am playing football. ( ฉัน กำลังเล่น ฟุตบอล )


ประโยค Present Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Progressive Tense ให้มีความหมาย เชิงปฏิเสธให้นำ not มาเติมหลัง Verb to be ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้


โครงสร้าง: Subject + is, am, are + not + Verb 1 ing.
( ประธาน + is, am, are + not + กริยาช่อง 1 เติม ing. )

ตัวอย่าง :  1. Somchai is not ( isn’t ) sleeping. ( สมชายไม่ได้กำลังนอนหลับ )
2. I am not playing football. ( ฉันไม่ได้ กำลังเล่น ฟุตบอล )
3. They are not ( aren’t ) watching TV. ( พวกเขาไม่ได้กำลังดูโทรทัศน์ )


หลักการใช้    Present Continuous Tense

1. ใช้กับการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูด

เช่น  1. I am studying English . ( ฉันกำลังเรียนภาษาอังกฤษ ) 
2. Somchai is sleeping. ( สมชายกำลังนอนหลับ )
3. They are watching TV. ( พวกเขากำลังดูโทรทัศน์ )

Present Perfect Tense

ประโยค Present Perfect Tense เชิงบอกเล่า


โครงสร้าง : Subject + have , has + Verb 3
              ( ประธาน + have , has + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง :
1. I have studied English for 5 years.( ฉันเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว )
2. He has lived in Bangkok since 1990.( เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 )


ประโยค Present Perfect Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้


โครงสร้าง : Subject + have , has + not + Verb 3
( ประธาน + have , has + not + กริยาช่อง 3 )

ตัวอย่าง :

1. I have not studied English for 5 years.( ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาไม่ถึง 5 ปี )
2. He has not lived in Bangkok since 1990.( เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 )
หลักการใช้  Present Perfect Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
เช่น
1.Somchai has studied English for 5 years. ( สมชายเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังเรียนอยู่ )
2.I have worked in this company since 1990. ( ฉันทำงานในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 1990 ขณะนี้ก็ยังทำอยู่ )

2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เคยหรือไม่เคยทำในอดีต ซึ่งมิได้บ่งบอกเวลาที่แน่นอนเอาไว้ และมักจะมีคำวิเศษณ์ คือ ever, never, once, twice มาใช้ร่วมเสมอ
เช่น
- I have never seen him before. ( ฉันไม่เคยเห็นเข้ามาก่อน )
- Have you ever been abroad ?( คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า )

 

 

 


Present Perfect Continuous Tense

ประโยค Present Perfect Continuous Tense เชิงบอกเล่า


โครงสร้าง : Subject + have , has + been + Verb 1 ing
( ประธาน + have , has + been + กริยาช่อง 1 เติม ing )

ตัวอย่าง :
1. He has been speaking for 3 hours. ( เขาพูดมา 3 ชั่วโมงแล้ว )
2. They have been playing football for 2 hours. ( เขาทั้งหลายเล่นฟุตบอลมา 2 ชั่วโมงแล้ว )

ประโยค Present Perfect Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Present Perfect Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้

โครงสร้าง : Subject + have , has + not + been + Verb 1 ing
(ประธาน+have, has+not + been+ กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :
1. He has not been speaking for 3 hours. ( เขาพูดมาไม่ถึง 3 ชั่วโมง )
2. They have not been playing football for 2 hours.( เขาทั้งหลายเล่นฟุตบอลมาไม่ถึง 2 ชั่วโมง )
หลักการใช้   Present Perfect Continuous Tense

1. ใช้กับการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต (Present Perfect Progressive
Tense ใช้เหมือน Present Perfect Tense ต่างกันแต่เพียงว่า Present Perfect Progressive Tense เน้นความต่อเนื่องไปถึงอนาคต )

 

 Past Simple Tense

 

ประโยค Past Simple Tense เชิงบอกเล่า

 โครงสร้าง : Subject + Verb 2                         

  ( ประธาน + กริยาช่องที่ 2 )

ตัวอย่าง : 1.He walked to school yesterday. ( เขาเดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )

2. They played volleyball last week. ( เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )

ประโยค Past Simple Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do

ช่องที่ 2 คือ did มาช่วย และเติม not ข้างหลัง มีโครงสร้างของประโยคดังนี้

โครงสร้าง : Subject + did + not + Verb 1

                  ( ประธาน + did + not + กริยาช่องที่ 1 )

ตัวอย่าง : 1. He did not ( didn’t ) walk to school yesterday. ( เขาไม่ได้เดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )

2. They did not play volleyball last week. ( เขาทั้งหลายไม่ได้เล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )

ข้อสังเกต : เมื่อนำ did มาใช้ในประโยคแล้วต้องเปลี่ยนกริยาช่องที่ 2 ให้เป็นกริยาช่องที่ 1 ด้วย

หลักการใช้  Past Simple Tense

 

1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต ซึ่งมักจะมีคำ กลุ่มคำ หรืออนุประโยคต่อไปนี้อยู่ในประโยค

อยู่ในประโยค

คำ กลุ่มคำ อนุประโยค
ago last night when he was young
once last year when he was five years old
yesterday yesterday morning when I lived in Tokyo
  during the war  

  เช่น 1. I lived in Chaing mai 3 years ago. ( ฉันอยู่ที่เชียงใหม่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่แล้ว )            2. His father died during the war. ( พ่อของเขาตายระหว่างสงคราม )

           3. He learned English when he was young. ( เขาเรียนภาษาอังกฤษเมื่อเขาเป็นเด็ก )

 

 


Past Continuous Tense

 

ประโยค Past Continuous Tense เชิงบอกเล่า


โครงสร้าง: Subject + was , were + Verb 1 ing
( ประธาน + was , were + กริยาช่องที่ 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :

1.I was playing football at 4 pm. yesterday. ( ฉันกำลังเล่นฟุตบอลตอน 4 โมงเย็นเมื่อวานนี้ )
2.She was watching TV at 6 pm.yesterday. (หล่อนกำลังดูโทรทัศน์ตอน 6 โมงเย็นเมื่อวานนี้ )3. They were studying English at 9 am. yesterday. ( เขาทั้งหลายกำลังเรียนภาษาอังกฤษตอน 9 โมงเช้าเมื่อวานนี้ )

 

ประโยค Past Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้นำ not
มาเติมหลัง Verb to be ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้

 

โครงสร้าง: Subject + was, were + not + Verb1 ing.
( ประธาน + was , were + not + กริยาช่องที่ 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :

1. I was not ( wasn’t ) playing football at 4 pm. yesterday.( ฉันกำลังเล่นฟุตบอลตอน 4 โมงเย็นวานนี้ )
2. She was not watching TV at 6 pm. yesterday.( หล่อนกำลังดูโทรทัศน์ตอน 6 โมงเย็นเมื่อวานนี้ )
3. They were not (weren’t ) studying English at 9 am. yesterday.( เขาทั้งหลายกำลังเรียนภาษาอังกฤษตอน 9 โมงเช้าเมื่อวานนี้ )

 

หลักการใช้   Past Continuous Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์ทีกำลังเกิดขึ้น ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตตามที่ระบุไว้อย่างชัดเจน
เช่น 1. I was cleaning my room at 9 o’clock yesterday. ( ฉันกำลังทำความสะอาดห้องตอน 9 โมงเมื่อวานนี้ )
2. They were reading newspaper at 8 o’clock yesterday. ( เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ตอน 8 โมงเมื่อวานนี้ )

 

 

 

 

Past Perfect Tense

ประโยค Past Perfect Tense เชิงบอกเล่า

 

โครงสร้าง : Subject + had + verb 3
( ประธาน + had + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง : 1. He had gone. ( เขาได้ไปแล้ว )
2. She had studied Thai. ( หล่อนได้เรียนภาษาไทย )

 

ประโยค Past Perfect Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not
หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้

 

โครงสร้าง : Subject + had + not + Verb 3
( ประธาน + had + not + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง : 1. He had not (hadn’t ) gone. ( เขายังไม่ได้ไป )
2. She had not studied Thai. ( หล่อนยังไม่ได้เรียนภาษาไทย )


หลักการใช้       Past Perfect Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีตและสิ้นสุดลงไปแล้วทั้ง 2 เหตุการณ์ ดังนี้
• เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Past Perfect Tense
• เหตุการณ์ใดเกิดหลังใช้ Past Simple Tense
เช่น - We went out for a walk after we had eaten dinner.( พวกเราออกไปเดินเล่นหลังจากรับประทานอาหารเย็น )
   Past Perfect Continuous Tense ประโยค Past Perfect Continuous Tense เชิงบอกเล่า  โครงสร้าง : Subject + had + been + Verb 1 ing
( ประธาน + had + been + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :
1. They had been playing football for three hours.( เขาทั้งหลายได้เล่นฟุตบอลโดยไม่หยุดมา3 ชั่วโมงแล้ว )
2. It had been raining for five hours.( ฝนได้ตกโดยไม่หยุดมาเป็นเวลา 5 ชั่วโมงแล้ว )


ประโยค Past Perfect Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Past Perfect Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not
หลัง Verb to have ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้


โครงสร้าง : Subject + had + not + been + Verb 1 ing
(ประธาน + had + not + been + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง :

1. They had not ( hadn’t ) been playing football for three hours.( เขาทั้งหลายเล่นฟุตบอลมาไม่ถึง 3 ชั่วโมง )
2. It had not been raining for five hours.( ฝนตกมาไม่ถึง 5 ชั่วโมง )

 

หลักการใช้  Past Perfect Continuous Tense


1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีตและสิ้นสุดลงไปแล้วทั้ง 2 เหตุการณ์ ดังนี้
- เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Past Perfect Progressive Tense
- เหตุการณ์ใดเกิดหลังใช้ Past Simple Tense
เช่น
1. He had been sleeping for 30 minutes before we woke him up.(เขาได้นอนหลับมา 30 นาทีก่อนที่เราจะปลุกเขา )
2. He sat down after he had been playing football for an hour.( เขานั่งพักหลังจากได้เล่นฟุตบอลมา 1 ชั่วโมง )

 

 

 Future Simple Tense

 

ประโยค Future Simple Tense เชิงบอกเล่า


โครงสร้าง : Subject + will, shall + verb 1
( ประธาน + will , shall + กริยาช่อง 1 )
ตัวอย่าง : 1. I shall go to Chiang mai tomorrow. ( ฉันจะไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้ )    

2. She will study Spanish next week. ( หล่อนจะเรียนภาษาสเปนสัปดาห์หน้า )


ประโยค Future Simple Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้


โครงสร้าง : Subject + will, shall + not + verb 1
( ประธาน + will , shall + not + กริยาช่อง 1 )
ตัวอย่าง :

1. I shall not ( shan’t ) go to Chiang mai tomorrow. ( ฉันจะไม่ไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้ )
2. She will not ( won’t ) study Spanish next week. ( หล่อนจะไม่เรียนภาษาสเปนสัปดาห์หน้า )


หลักการใช้   Future Simple Tense


1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น My father will go to America next month. ( พ่อของฉันจะไปอเมริกาเดือนหน้า )
I shall play football tomorrow afternoon.( ฉันจะเล่นฟุตบอลบ่ายวันพรุ่งนี้ )

 

 

 Future Continuous Tense

ประโยค Future Continuous Tense เชิงบอกเล่า


โครงสร้าง : Subject + will ,shall + be + verb 1. ing 
                ( ประธาน + will ,shall + be + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง : 1. She will be playing tennis.( หล่อนจะกำลังเล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will be cooking.( เขาทั้งหลายจะกำลังทำอาหารอยู่ )


ประโยค Future Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้


โครงสร้าง : Subject + will ,shall + not + be + verb 1. ing
(ประธาน + will ,shall + not + be + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง : 1. She will not ( won’t ) be playing tennis.( หล่อนจะไม่กำลังเล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will not ( won’t ) be cooking.( เขาทั้งหลายจะไม่กำลังทำอาหารอยู่ )


หลักการใช้   Future Continuous Tense
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นก่อนหลังกันในอนาคต ดังนี้
-เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Progressive Tense
-เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense
เช่น 1. He will be reading when I visit him.( เขาจะอ่านหนังสืออยู่เมื่อผมไปเยี่ยมเขา )
2. I shall be watching TV when he arrives.( ฉันจะอ่านหนังสืออยู่เมื่อเขามาถึง )

 

 

 

Future Perfect Tense

ประโยค Future Perfect Tense เชิงบอกเล่า


โครงสร้าง : Subject + will ,shall + have + verb 3
( ประธาน + will ,shall + have + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง : 1. She will have gone.( หล่อนคงจะไปแล้ว )
2. They will have cooked.( เขาทั้งหลายคงจะทำอาหารแล้ว )


ประโยค Future Perfect Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Perfect Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้


โครงสร้าง : Subject + will ,shall + not + have + verb 3
       ( ประธาน + will ,shall + not + have + กริยาช่อง 3 )
ตัวอย่าง : 1. She will not ( won’t ) have gone.( หล่อนคงจะไม่ไปแล้ว )
2. They will not have cooked.( เขาทั้งหลายคงจะไม่ทำอาหารแล้ว)


หลักการใช้  Future Perfect Tense

ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต ดังนี้
• เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Perfect Tense
• เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense
เช่น 1. The film will have started before we reach the theater.
( ภาพยนต์คงจะเริ่มฉายก่อนที่พวกเราจะไปถึง )
2. I will have left home when he arrives tomorrow.
( ฉันคงจะออกจากบ้านไปแล้ว เมื่อเขามาถึงวันพรุ่งนี้ )

 

 

 

Future Perfect Continuous Tense

ประโยค Future Perfect Continuous Tense เชิงบอกเล่า


โครงสร้าง : Subject + will, shall + have + been + verb 1. ing
(ประธาน+ will shall +have +been + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง : 1. She will have been playing tennis.( หล่อนคงจะเล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will have been cooking.( เขาทั้งหลายคงจะทำอาหารอยู่ )


ประโยค Future Perfect Continuous Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Perfect Progressive Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not+ หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้


โครงสร้าง : Subject + will ,shall + not +have + been +verb 1. ing
(ประธาน + will , shall + not + have + been + กริยาช่อง 1 เติม ing )
ตัวอย่าง : 1. She will not ( won’t ) have been playing tennis.( หล่อนคงจะไม่เล่นเทนนิสอยู่ )
2. They will not have been cooking.( เขาทั้งหลายคงจะไม่ทำอาหารอยู่ )


หลักการใช้   Future Perfect Continuous Tense
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่จะเกิดขึ้นก่อนหลังกันในอนาคตแต่เน้นความต่อเนื่องของการกระทำ ดังนี้
- เหตุการณ์ใดเกิดก่อนใช้ Future Perfect Progressive Tense
- เหตุการณ์ใดเกิดทีหลังใช้ Present Simple Tense
เช่น 1. He will have been reading for two hours when I visit him.
( เขาคงจะอ่านหนังสืออยู่เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว เมื่อผมไปเยี่ยมเขา )
2. I shall have been watching TV for an hour when he arrives.
( ฉันคงจะอ่านหนังสืออยู่เป็นเวลา 1 ชั่วโทงแล้ว เมื่อเขามาถึง )

 

 

 

 

 

 

 

สร้างโดย: 
มงคล บุตรรัตน

ได้ความรู้มากเลยครับ แม้จะยังเข้าใจไม่หมด แต่ก็จะพยายาม

อยากให้ผู้จัดทำมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล มอบองค์ความรู้เป็นวิทยาทานสร้างสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ผลงานออกมาให้ชมต่อไป จะแวะมาเยี่ยมชมอีกค่ะ จากเมืองชาละวัน 083-2373620 / 056-6557845
»

อยากให้ผู้จัดทำมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล สร้างสิ่งที่ดีมีประโยชน์ได้ความรู้ ผลงานออกมาให้ชมต่อไป จะแวะมาเยี่ยมชมอีก จากเมืองชาละวัน 083-2373620 / 056-6557845
»

เป็นกำลังใจให้ผู้มีผลงานชิ้นเยี่ยม มีความเจริญก้าวหน้าให้หน้าที่การงานของความเปํนครูโดยไม่หวังผลตอบแทนใด จากเมืองชาละวัน083-2363720 / 056-6557845

ความเป็นครู มอบแต่สิ่งที่ดีแก่ศิษย์โดยไม่หวังผลตอบแทน จรรยาบรรณข้อหนึ่งที่ครูคนนี้มีให้ เป็นวิทยาทานได้อย่างดีเยี่ยม เมืองชาละวัน

เนื้อหามีประโยชน์มากครับสำหรับผู้เริ่มต้นภาษาอังกฤษ

Best Price Sony KDL40v5100 LCD HDTV.

Best Price Sony KDL32L5000 LCD HDTV.

Best Price Garmin 885T GPS.

Best Price Nuvi 885T GPS.

Best Price Nuvi 785T GPS.

Best Price Nuvi 775T GPS.

Best Price Garmin 1350 GPS.

Best Price Garmin 1200 GPS.

Best Price Garmin 1250 GPS.

Best Price Garmin 1260T GPS.

Best Price Nuvi 755T GPS.

Best Price Garmin 760 GPS.

Best Price Garmin 1390T GPS.

Best Price Nuvi 1200 GPS.

Best Price Nuvi 1390T GPS.

Best Price Nuvi 1250 GPS.

Best Price Nuvi 1260T GPS.

Best Price Garmin 1370T GPS.

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 666 คน กำลังออนไลน์