ประวัติท้องถิ่น...ของดีตำบลบ้านยาง
มาเรียนรู้ประวัติท้องถิ่น...เกี่ยวกับตำบลบ้านยางกันครับ
ตำบลบ้านยาง...เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ครับ มีประวัติความเป็นมายาวนาน ที่อยากเล่าขานให้ได้รับรู้เพื่อเป็นสิ่งที่เตือนให้รัก และหวงแหนในถิ่นที่อยู่ของเรา กว่าจะมาถึงวันนี้ มีเหตุการณ์อะไรบ้างที่เกิดขึ้นมาในอดีต ...ลูกหลานรุ่นใหม่ควรศึกษาเพื่อเป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิต อย่างมีสตินะครับ มี 6 ประวัติที่จะนำมาให้เรียนรู้กัน พร้อมแล้วตามมาเลยครับ
มาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติพ่อเมือง...เกษตรสมบูรณ์กันครับ
พระไกรสิงหนาท
อนุสาวรีย์ของท่านตั้งอยู่ บ้านยาง หมู่ที่ 1 อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ราว ร.ศ. 28 (พ.ศ. 2352) ในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมืองเกษตรสมบูรณ์ มีเจ้าเมืองปกครองชื่อ หลวงไกรสิงหนาท ขึ้นตรงต่อกรุงรัตนโกสินทร์
ส่วนพระไกรสิงหนาท(ฦาชา) ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระยาภักดีฦาชัยจางวาง เมื่อ ร.ศ. 115(พ.ศ. 2439) ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) หลวงไกรสิงหนาท ซี่งได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองแกล้ว ได้ย้ายเมืองจากกุดเงือก(บ้านยาง) ไปตั้งเมืองที่บ้านโนนเสลา(ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอภูเขียว) เห็นว่าเหมาะสมและอยู่กึ่งกลางพอดี เหมาะแก่การปกครอง เพราะอาณาเขตของเมืองเกษตรสมบูรณ์กว้างใหญ่มาก (เขตอำเภอแก้งคร้อ บ้านแท่น ภูเขียว คอนสาร หนองบัวแดง ภักดีชุมพล อยู่ในอำเภอเกษตรสมบูรณ์สมัยนั้น) หลวงไกรสิงหนาทเป็นเจ้าเมือง ท่านไม่ได้เก็บส่วยภาษีจากราษฎร ท่านให้กรมการเมืองนำราษฎรไปขุดร่อนทองคำที่เขาพระยาฝ่อในเขตตำบลนางแดด( อำเภอหนองบัวแดงปัจจุบัน) หลอมเป็นแท่ง ๆ ส่งไปถวายแก่เจ้ากรุงสยามเป็นเครื่องราชบรรณาการทุกปี ด้วยความดีความชอบได้รับเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระไกรสิงหนาทคนที่ 3
พระไกรสิงหนาท(บุญมา) ได้ย้ายเมืองจากบ้านโนนเสลา ไปตั้งที่บ้านลาดหนองสามหมื่น(เขตอำเภอภูเขียว) และย้ายเมืองมาตั้งที่บ้านยาง คือ ที่ตั้งอำเภอเกษตรสมบูรณ์ในปัจจุบัน ให้กรมการเมืองปลูกสร้างจวนอย่างใหญ่โต มีการสร้างกำแพงเมือง โดยเอาซุงมาตัดเป็นท่อนฝังเป็นพืดล้อมรอบจวนเจ้าเมือง และปลูกต้นตาลเป็นแถวสำหรับผูกช้าง และท่านพิจารณาว่าตำบลนางแดด และตำบลหนองบัวแดงอยู่ไกลยากแก่การติดต่อราชการ จึงรายงานไปยังกรุงรัตนโกสินทร์ ขอแต่งตั้งให้พระชุมพลภักดี ปกครอง
พระไกรสิงหนาทเป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อพระเจ้ากรุงรัตนโกสินทร์มาก เป็นเจ้าเมืองที่ปกครองประชาชนด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ท่านเป็นคนซื่อสัตย์ สนใจพระพุทธศาสนา ชาวอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จึงถือว่าท่านเป็นผู้สร้างและพัฒนาให้เกิดอำเภอเกษตรสมบูรณ์ จนถึงปัจจุบัน
พระธาตุกุดจอก
ตามหลักฐานปรากฏในพงศาวดารลาวว่า ประมาณปีพุทธศักราช 1578 ก่อนที่ชนชาติขอมจะมามีอำนาจ อาณาจักร ล้านช้างได้แผ่ขยายอำนาจ มาปกครองพื้นที่ภาคอีสานจนถึงเขตเมืองละโว้ (ปัจจุบัน คือ เมืองลพบุรี) ชาวอาณาจักรล้านช้าง ได้นำเอาวัฒนธรรมประเพณีมาเผยแพร่ และประดิษฐานไว้ จะเห็น จากการก่อสร้างองค์พระธาตุกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในท้องที่อำเภอเกษตรสมบูรณ์
ในอดีตและปัจจุบัน ประชาชนที่อยู่ในหมู่บ้านบริเวณข้างเคียงศรัทธาเลื่อมใสมาก จะพากันหลั่งไหลมานมัสการพระธาตุกุดจอก จัดงานประเพณี สรงน้ำพระธาตุ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี โดยมิได้นัดหมายกัน และชาวบ้านยางน้อย ได้จัดงานรักษาขนบธรรมเนียมไว้ทุกปี บางครั้งมีการจัดงานประจำปี 3 วัน 3 คืน มีมหรสพสมโภชยิ่งใหญ่มาก
หลวงปู่ต้อน
ประดิษฐานอยู่ในโรงเรียนชุมชนบ้านเมืองเก่า
หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านยาง
ในสมัยรัชกาลที่ 4พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ท่านได้รับ สมณศักดิ์เป็นพระครูพิพัฒน์ศีลคุณ พระครูองค์แรกของอำเภอภูเขียว ประชาชนให้ความเคารพนับถือ ศรัทธามาก ผู้ใดจะไปศึกสงคราม หรือออกจากบ้านเสี่ยงโชคหางานทำที่ห่างไกล หรือประกอบอาชีพทำมาค้าขายใด ๆ ก็ตามจะมาขอให้ท่านปลุกเสกเครื่องรางของขลังผ้ายันต์เพื่อป้องกันภัยอันตรายให้เกิด ศิริมงคลเป็นประจำ ด้านอภินิหาร มีคนเล่าต่อกันมาว่า ท่านสามารถปลุกเสกหญ้า หรือใบไม้ หรือขึ้นฝึกต่อสู้กับข้าศึกศัตรูหรือขับไล่ภูตผีปีศาจ ได้ครั้งหนึ่ง มีคนขี่ม้าเข้าไปในวัด ม้าเกิดชักล้มทั้งยืน ทำอย่างไรก็ไม่หายเจ้าของม้าได้ไปกราบขอขมาท่าน มาจึงหายชัก หลายครั้งที่ผู้คนใส่รองเท้าขึ้นไปบนกุฏิ แล้วมีอันเป็นไปปวดหัว เจ็บท้อง ชักดินชักงอ พอไปกราบขอขมาท่านอาการดังกล่าวก็หายไป
หลวงปู่ต้อนเป็นคนที่พูดจาน่าเกรงขาม ค่อนข้างดุคนกลัวมาก พูดอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้น มีอายุประมาณ 80 ปีเศษ ก่อนมรณภาพท่านได้บอกไว้ว่า หากตายไปให้นำศพไปเผาและฝังหลักเสนี้เป็นที่เคารพสักการะของผู้คน พากันกราบไหว้มาโดยตลอด และเคยแสดงอภินิหารให้คนเห็นหลายครั้ง เช่น ครั้งหนึ่งมีหนุ่มคนจีนคนหนึ่งขับรถยนต์ สมัยเก่ามาถึงหลักเสหลวงปู่ต้อน ได้พูดขึ้นว่า “หลักอะไรทำไมมีคนไปกราบไหว้บูชา” เพียงพูดเท่านั้น รถยนต์ก็ไม่สามารถขับไปได้ทั้งที่ดินแห้ง เจ้าของรถเก่งเครื่องรถยนต์จนฝุ่นตลบ ไต่ไม่สามารถแล่นไปได้ คนจึงแนะนำให้ไปกราบขอขมาหลักเส ชายคนนั้นจึงขับรถไปได้ ครั้งหนึ่งมีคนนำช้างมาแสดงให้คนดูที่ลานหญ้าข้างวัดแจ้งบ้านเมืองเก่าก่อนการแสดงได้นำช้างเข้าไปกินใบใผ่ใกล้ ๆ บริเวณหลักเสหลวงปู่ต้อน คนจึงบอกไม่ให้นำช้างไปไว้บริเวณนั้น เจ้าของช้างไม่เชื่อ ปรากฎว่าช้างตื่นตกใจร้องแปร๋นวิ่งหนีไป เจ้าของตามไปจับได้พยายามนำช้างมาแสดงแต่ช้างก็ไม่ยอม คนจึงแนะนำให้ไปกราบขอขมาหลวงปู่ต้อน จึงสามารถนำช้างกลับมาแสดงให้คนดูได้
ครั้งหนึ่ง อาจารย์
ต่อมา พ.ศ. 2527 ชาวบ้านได้พร้อมใจกันสร้างเหรียญหลวงปู่เป็นที่ระลึกให้คนที่เลื่อมใสศรัทธานำไปกราบไหว้บูชา เพื่อเป็นศิริมงคงสวัสดี มีชัย
ในวันเพ็ญวันเพ็ญเดือน 3 ทุกปี ชาวบ้านเมืองเก่า จะพร้อมกันจัดงานกุศลประเพณีนมัสการหลวงปู่ต้อน เป็นงานใหญ่ประเพณีประจำปี ของหมู่บ้าน มีมหรสพสมโภช ผู้คนจะหลั่งไหลมากราบคารวะอย่างเนืองแน่นตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
พระธาตุท่าเลิง(งูทรวง)
ตั้งอยู่ที่บ้านเมืองเก่า หมู่ที่ 11
ตำบลบ้านยาง
ในสมัยโบราณเดิม อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จะเรียกว่า เมืองเก่าหรือ เมืองกลาง จะมีกองทัพและชนชาวลาวได้ยกทัพมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณหนองจอก (พระธาตุกุดจอกในปัจจุบัน ) เพราะเห็นว่ามีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การตั้งกองทัพ และถิ่นฐานต่อมาชาวบ้านได้เชื่อว่ามีงูทรวง หรือพญานาค ลงมาจากเขาเขียว และงูทรวงได้มาอาศัยอยู่บริเวณพระธาตุกุดจอก เมื่อก่อนบริเวณนี้เป็นลานกว้าง มีหญ้าขึ้นรอบ ๆ งูจะลงมาเล่นในหนองน้ำทุก ๆวันขึ้น 15 ค่ำ ตรงที่งูอาศัยอยู่จะมีลักษณะเป็นรอยแป่ว( แป่ว คือ รูที่มีลักษณะเป็นช่อง หรือ รูที่สัตว์ใช้สำหรับหายใจ,หลบภัย)
ปู่ตาแสง
ประดิษฐานอยู่ที่บ้านเมืองเก่า หมู่ที่ 5
ตำบลบ้านยาง
ในสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ประมาณ พ.ศ. 2320 ที่บ้านเมืองเก่า เดิมตั้งเป็นเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง มีหลวงไกรสิงหนาทเป็นเจ้าเมือง แต่ไม่มีบุตร จึงตั้งนาย
พระเจ้าองค์ตื้อ
ตั้งอยู่ที่ บ้านท่าเดื่อ หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านยาง
เมื่อประมาณ ค.ศ. 300 ลาวเป็นใหญ่ในแคว้นนี้ โบราณวัตถุมักจะสร้างข้าง ๆแม่น้ำใหญ่ ๆ เพื่ออาศัยแม่น้ำลำเลียง ก้อนหินและไม้มาก่อสร้าง
ปี 2506 หลวงปู่เต้ กิตฺติธมฺโม ซึ่งเป็นพระนิกายธรรมยุต ได้ธุดงค์มาปักกรดที่วัดพระเจ้าองค์ตื้อ และได้ชักชวนชาวบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน ญาติโยม บูรณะปฏิสังขรณ์สร้างกุฏีขึ้น 1 หลัง ศาลาการเปรียญ 1 หลัง ฐานอุโบสถก่อสร้างด้วยอิฐ ฉาบด้วยยางไม้ กว้าง
ปี 2510 นาย
วันที่ 28 มกราคม 2536 นาย
ผมมีโอกาสไปที่พระธาตุกุดจอกอีกครั้ง ( กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด )หลังจากมาทำงานที่ต่างจังหวัด 10 กว่า ปี องค์พระยังสมบูรณ์ดี
อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรักษาไว้ให้ดี เพราะสิ่งที่มีค่าคู่บ้านคู่เมืองถ้าถูกทำลายหรือหายไปคงรู้สึกไม่ดีกันทังหมด
ประชาชนชาวบ้านยางน้อย มีการจัดบุญประเพณีในช่วงเดือนเมษายน ในงานบุญนมัสการพระธาตุกุดจอก ปีนี้หากมีโอกาสขอเชิญร่วมงานนะคะ ขอสนับสนุนความคิดเห็นค่ะ ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ทุกหน่วยงานร่วมกันอนุรักษ์ให้คงอยู่คู่บ้านไป เป็นแหล่งรวมใจของลูกหลานในอนาคตนะคะ