|
|
|
|
1. บทนำเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครือข่ายใหญ่และเครือข่ายย่อยจำนวนมากเชื่อมต่อกันเป็นจำนวนหลายร้อยล้านเครื่อง ใช้ในการติดต่อสื่อสารข้อมูลที่เป็นรูปภาพ ข้อความ และเสียงโดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีผู้ใช้งานกระจายอยู่ทั่วโลก คือ แรมแบบ SDRAM , RDRAM ,RAMBUS เป็นต้น
|
อินเทอร์เน็ตมีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุผลทาการทหาร เนื่องจากในยุคสงครามเย็น เมื่อประมาณ พ.ศ. 2510 ระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์และฝ่ายเสรีประชาธิปไตยซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา โดยต่างฝ่ายต่างก็กลัวขีปนาวุธของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยผู้นำสหรัฐอเมริกาวิตกว่าถ้าหากทางฝ่ายรัฐเซียยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ เข้ามาถล่มจุดยุทธศาสตร์บางจุดของตนเองขึ้นมา อาจจะทำให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันเสียหายได้ จึงได้สั่งให้มีการวิจัยเพื่อสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ชนิดใหม่ขึ้นมาเพื่อป้องกันความเสียหายโดยมีจุประสงค์ ว่าถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่งถูกทำลายแต่เครื่องอื่นก็จะต้องใช้งานต่อไปได้ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลระบบเครือข่ายในขณะนั้นมีชื่อว่า ARPA (Advanced Research Projects Agency)
|
รูปที่ 1 แสดงระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลก |
ดังนั้นชื่อเครือข่ายในขณะนั้นจึงถูกเรียกว่า ARPANET ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 เครือข่ายขยายใหญ่โตเพิ่มมากขึ้นจากการระดมนักวิจัยเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ขึ้นมาเพื่อความเหมาะสม จึงได้มาตรฐานTCP/IP และนอกจากประโยชน์ด้านงานวิจัยและทางทหารแล้วยังได้นำมาใช้ประโยชน์ทางด้านธุรกิจและการพาณิชย์อีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและนำมาใช้ประโยชน์ในการติดต่อข้อมูลข่าวสารมากมาย
|
สำหรับในประเทศไทยได้มีการเริ่มต้นติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เพื่อใช้ในการศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยติดต่อ กับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียโดยเชื่อมต่อเครื่องมินิคอมพิวเตอร์เพื่อรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กับมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในปี พ.ศ. 2530 ต่อมากระทวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและพลังงานได้มอบหมายให้ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อศึกษาถึงการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ 12 แห่งเข้าเป็นเครือข่ายเดียวกันเมื่อ พ.ศ. 2531 |
รูปที่ 2 แสดงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตกับชีวิตประจำวัน |
หลังจากนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เป็นเกตเวย์อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยและเริ่มให้บริการทางอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2535 และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2537 การสื่อสารแห่งประเทศไทยร่วมลงทุนกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนเปิด ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ 2 ราย คือบริษัทอินเทอร์เน็ต ประเทศไทย จำกัด และ บริษัทอินเทอร์เน็ต คอมเมอร์เชียลแอนด์โนว์เลจเซอร์วิส จำกัด ภายหลังเปลี่ยน ชื่อเป็น KSC คอมเมอร์เชียลอินเทอร์เน็ต จำกัด
|
|
|
2. บริการต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจำนวนมาก ที่เราสามารถค้นคว้า และรับส่ง ข้อมูลไปมาระหว่างกันได้ อินเทอร์เน็ตจึงมีประโยชน์สำหรับยุคสังคมและข่าวสารในปัจจุบัน อย่างมากอินเทอร์เน็ตจะทำหน้าที่เหมือนห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ส่งข้อมูลที่เราต้องการมาให้ถึงบ้านหรือที่ทำงานภายในไม่กี่นาทีจากแหล่งข้อมูลทั่วโลก โดยจัดเป็นบริการในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
|
2.1 เวิลด์ไวด์เว็บเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW)
คือบริการค้นหาและแสดงข้อมูลแบบมัลติมีเดียบนอินเทอร์เน็ตทุกประเภท ซึ่งข้อมูลและสารสนเทศอาจจัดอยู่ในรูปแบบของข้อความ รูปภาพ หรือเสียงก็ได้ ข้อดีของบริการประเภทนี้คือสามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจ หน้าอื่นหรือเว็บไซด์อื่นได้ง่ายเพราะใช้วิธีการของไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext) โดยมีการทำงานแบบไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server) ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลจากเครื่องที่ให้บริการซึ่งเรียกว่าเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยอาศัยโปรแกรมที่ใช้ดูข้อมูลเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ซึ่งผลที่ได้จะมีการแสดงเป็นไฮเปอร์เท็กซ์ ซึ่งในปัจจุบันมีการผนวกรูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และสามารถเชื่อมโยงไปยังเอกสารหรือข้อมูลอื่น ๆ ได้โดยตรงตัวอย่างเช่น www.yahoo.com สามารถค้นหาและเชื่อมโยงข้อมูลไปยังเรื่องราวต่าง ๆ เช่น การศึกษาการท่องเที่ยว โรงแรมต่าง ๆ การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ เป็นต้น
|
รูปที่ 3 แสดงหน้าเว็บ www.yahoo.com |
2.2 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) หรือนิยมเรียกกันทั่วไปว่า “อีเมล์” (E-mail) เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถส่งข้อความไปยังสมาชิกที่ติดต่อด้วยโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และสามารถแนบไฟล์ข้อมูลไปพร้อมกับจดหมายได้อีกด้วย การส่งจดหมายในลักษณะนี้จะต้องมีที่อยู่เหมือนกับการส่งจดหมายปกติ แต่ที่อยู่ของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เราเรียกว่า E-mail Address
|
รูปที่ 4 แสดงการใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(E-mail) |
2.3 การโอนย้ายข้อมูล
การโอนย้ายข้อมูล (FTP : File Transfer Protocol) เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสารข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอีกรูปแบบหนึ่ง ใช้สำหรับการโอนย้ายข้อมูลระหว่างผู้ใช้โปรแกรม FTP กับ FTP Server การโอนย้ายไฟล์จาก FTP Serverมายังเครื่องของผู้ใช้ เรียกว่า ดาวน์โหลด (Download) และการโอนย้ายไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ไปยังFTP Serverเรียกว่า อัพโหลด
|
รูปที่ 5 แสดงการใช้บริการโอนย้ายข้อมูล (FTP) |
|
|
|
2.4 การสืบค้นข้อมูล
การสืบค้นข้อมูล (Search Engine) คือ บริการที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความที่ต้องการสืบค้นเข้าไป โปรแกรมจะทำการค้นหาข้อมูลที่ต้องการให้ภายในเวลาไม่กี่นาทีปรแกรมประเภทนี้เราเรียกว่า Search Engines เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่สามารถจำชื่อเว็บไซด์บางเว็บได้ก็สามารถใช้วิธีการสืบค้นข้อมูลในลักษณะนี้ได้ เว็บไซด์ที่ทำหน้าที่เป็น Search Engines มีอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น google.com , yahoo.com , sanook.com ฯลฯ เป็นต้น
|
รูปที่ 6 แสดงการใช้บริการสืบค้นข้อมูล |
|
|
2.5 การสนทนากับผู้อื่น
การสนทนาบนอินเทอร์เน็ต จะคล้ายกับการใช้โทรศัพท์แต่แตกต่างกันที่เป็นการสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะใช้ไมโครโฟนและลำโพงที่ต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ในการสนทนา
|
2.6 กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์
กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (News Group or Use Net) เป็นบริการกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และแสดงความคิดเห็นลงไปบริเวณกระดานข่าวได้ มีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้ออกเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะสนใจเรื่องราวที่แตกต่างกันไป เช่นการศึกษา การท่องเที่ยว การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม การเกษตร และอุตสาหกรรม เป็นต้น
|
2.7 การสื่อสารด้วยข้อความ IRC
การสื่อสารด้วยข้อความ IRC (Internet Relay Chat) เป็นการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นโดยการพิมพ์ข้อความโต้ตอบกัน ซึ่งจำนวนผู้ร่วมสนทนาอาจมีหลายคนในเวลาเดียวกัน ทุกคนจะเห็นข้อความที่แต่ละคนพิมพ์เหมือนกับว่ากำลังนั่งสนทนาอยู่ในห้องเดียวกัน โปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารได้แก่ โปรแกรม mIRC โปรแกรม PIRCH และโปรแกรม Comic Chat นอกจากโปรแกรม IRC แล้ว ในปัจจุบันนี้ภายในเว็บไซต์ยังเปิดให้บริการห้องสนทนาผ่านทางโปรแกรมผูเบราเซอร์ได้อีกด้วย
|
รูปที่ 7 แสดงการสื่อสารด้วยข้อความ IRC |
3 มาตรฐานการสื่อสารด้านอินเทอร์เน็ต
3.1 โปรโตคอล (Protocol)
โปรโตคอล คือตัวกลางหรือภาษากลางที่ใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการสื่อสารในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกันระหว่าง เครื่องคอมพิวเตอร์นับร้อยล้านเครื่อง ซึ่งแต่ละเครื่องมีความแตกต่างกันทั้งรุ่นและขนาดของคอมพิวเตอร์ ถ้าขาดโปรโตคอลก็จะไม่สามารถที่จะติดต่อสื่อสารให้ เข้าใจกันได้ เพราะฉะนั้นโปรโตคอลก็เปรียบเหมือนเป็นล่ามที่ใช้แปลภาษาของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มาตรฐานนี้เรียกว่า TCP/IP การทำงานของ TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่จะส่งออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่า แพ็คเก็ต (Packet) แล้วส่งไปตามเส้นทางต่าง ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยจะกระจายแพ็คเก็ตออกไปหลายเส้นทาง แพ็คเก็ตเหล่านี้จะไปรวมกันที่ปลายทาง และถูกนำมาประกอบ
|
รูปที่8 แสดงการทำงานของ TCP/IP |
|
|
3.2 ระบบไอพีแอดเดรส(IP Address)
เมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเราจะต้องทราบที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องนั้นคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP จะมีหมายเลขประจำเครื่องที่ไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลกมีชื่อเรียกว่า ไอพีแอดเดรส ไอพีแอดเดรสจะมีลักษณะเป็นตัวเลข 4 ชุดที่มีจุด ( . ) คั่น เช่น 193.167.15.1 เป็นต้น ตัวเลขแต่ละชุดจะมีค่าได้ตั้งแต่ 0-255 คอมพิวเตอร์ที่มีไอพีแอดเดรสเป็นของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ตัวเองและใช้เป็นที่เก็บเว็บเพจ เราเรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือโฮสต์ (Host) ส่วนองค์กรหรือผู้ควบคุมดูแลและจัดสรรหมายเลขไอพีแอดเดรส เราเรียกว่า อินเทอร์นิก (InterNIC)
|
3.3 โดเมนเนม (Domain Name)
เมนเนม (Domain Name) เป็นระบบที่นำตัวอักษรที่จำได้ง่ายเข้ามาแทนไอพีแอดเดรสที่เป็นตัวเลข แต่ละโดเมนจะมีชื่อไม่ซ้ำกัน และมักจะถูกตั้งให้คล้ายกับชื่อของบริษัทหน่วยงาน หรือองค์กรของผู้เป็นเจ้าของ เพื่อความสะดวกในการจดจำชื่อ
- โดเมนเนม ความหมาย
- com กลุ่มองค์กรการค้า (Commercial)
- edu กลุ่มการศึกษา (education)
- gov กลุ่มองค์กรรัฐบาล (Governmental)
- mil กลุ่มองค์กรทหาร (Military)
- net กลุ่มองค์กรบริหาร (Network Service)
- org กลุ่มองค์กรอื่น ๆ (Organizations)
โดเมนเนมที่แสดงข้างบนนี้เป็นองค์กรที่จดทะเบียนโดเมนเนมไว้ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ตัวอย่าง เช่น www.hotmail.com เป็นต้น ส่วนโดเมนเนมที่ตั้งในประเทศอื่น ๆ จะมีตัวย่อเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชุดคือตัวย่อของประเทศนั้นตัวอย่างเช่น www.moe.go.th คือองค์กรรัฐบาลที่อยู่ในประเทศไทย
โดเมนเนมที่เป็นชื่อย่อของประเทศ ความหมาย
au ออสเตรเลีย (Australia)
fr ฝรั่งเศษ (France)
th ไทย (Thailand)
|
3.4 โดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์
โดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ (Domain Name Server) ถึงแม้ระบบโดเมนเนม จะทำให้จดจำชื่อได้ง่ายแต่การทำงานจริงของอินเทอร์เน็ต ก็จำเป็นต้องใช้ไอพีแอดเดรสอย่างเดิมดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบที่จะทำการแปลงโดเมนเนม ไปเป็นไอพีแอดเดรส โดยจะต้องจัดการให้คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งทำหน้าที่ในการแปลงโดเมนเนมไปเป็นไอพีแอดเดรส เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่นี้ จะถูกเรียกว่าโดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ (Domain Name Server) หรือ ดีเอ็นเซิร์ฟเวอร์ (DNS Server)
|
รูปที่ 9 แสดงเครื่อง DNS SERVER แปลงโดเมนเนมเป็นไอพีแอดเดรส |
3.5 ตำแหน่งอ้างอิงเว็บเพจ
เป็นตำแหน่งที่ใช้อ้างอิงเว็บเพจต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตโดยพิมพ์ URL เข้าไปในช่อง Address ของเว็บเบราเซอร์ โดย URL ประกอบด้วย 3 ส่วน ดังนี้คือ
www.hotmail.com\data.html
www คือ การแสดงว่าขณะนี้กำลังใช้บริการ www
hotmail คือ โดเมนเนมของเว็บไซต์ที่กำลังใช้งานอยู่
data.html คือ ตำแหน่งของไฟล์ที่เก็บเว็บเพจหน้านั้นอยู่
|
ติดต่อ ผู้จัดทำ Sawitree.tukta@hotmail.com |
|