ความเสื่อมของจักรวรรดิตะวันตก
สาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิโรมันตะวันตกเสื่อมนั้น มีมาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 3 ในเรื่องเศรษฐกิจสังคม รวมทั้งความวุ่นวายทางการเมือง การฟื้นตัวของจักรวรรดิในสมัยจักรพรรดิไดโอเคลเตียน และคอนแสตนตินนั้น เป็นการฟื้นตัวบางส่วนและเป็นไปเพียงชั่วคราว รัฐโรมันทางตะวันตกมีปัญหามากกว่าทางด้านตะวันออก เศรษฐกิจโรมันเสื่อมสลาย ชนชั้นกลางก็หมดศรัทธาและกำลังใจที่จะร่วมมือกับรัฐ รัฐโรมันกลายเป็นเผด็จการ มีตำรวจคอยสอดส่องอิสรภาพของประชาชน คนในเมืองมักทิ้งเคหสถานและกิจการในเมืองไปอยู่ในที่ดินของตนนอกเมือง แล้วรวบรวมกองทหารส่วนตัวไว้ต่อต้านไม่ยอมจ่ายภาษีให้รัฐชนชั้นสูงที่พากันหลบหนีออกจากเมืองได้กลายเป็นชนชั้นกสิกรต่อมา ระบบ เจ้าขุนมูลนายชนบทของยุคกลางได้เกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้ การขาดแคลนกำลังคน ทำให้กองทัพและรัฐบาลต้องรับอนารยชนเผ่าเยอรมันเข้ามา
นับแต่กลางปี ค.ศ. 370 จักรวรรดิโรมันเผชิญกับการรุกรานของอนารยชนเยอรมันครั้งใหญ่เพราะพวกฮั่นรุกไล่อนารยชนเผ่าเยอรมัน พวกวิซิกอธเข้ามาอาศัยในจักรวรรดิ ต่อมาได้ก่อความไม่สงบ และปล้นสะดมหลายครั้ง ที่สำคัญคือการปล้นกรุงโรม ค.ศ. 410 ต่อมาเมื่อ ค.ศ. 430 พวกแวนดัลยึดครองนครฮิบโปสุดท้ายใน ค.ศ. 476 นายพลเผ่าเยอรมันผู้อยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์ก็ได้ถอดจักรพรรดิองค์สุดท้ายออก และปกครองโรมเสียเอง เผ่าเยอรมันได้ตั้งอาณาจักรขึ้นทางตะวันตก อย่างไรก็ดีสันตะปาปาแห่งโรมเริ่มมีบทบาทที่อิสระมากขึ้น และมีความสำคัญมากขึ้นในสังคมยุโรป พระสันตะปาปาลีโอที่ 1 (ค.ศ. 440 – 461) และผู้สืบต่อจากพระองค์ ประกาศว่าตำแหน่งสันตะปาปาทรงอำนาจสูงสุดทางศาสนา และศาสนาย่อมอยู่เหนือรัฐทางจิตใจ ซึ่งจะมีผลต่อมาในยุคกลาง
ขณะที่จักรวรรดิโรมันตะวันตกสลายตัวนั้น จักรวรรดิโรมันตะวันออกยังดำรงอยู่ต่อไปจนถึง ค.ศ. 1453
ตรวจแล้ว