พระมหาวีรกษัตรีศรีสุริโยทัย
ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
สมเด็จพระสุริโยทัยพระวีรกษัตรีแห่งกรุงศรีอยุธยา
การศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทยนั้น เคยมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเหตุใดจึงมีเหตุการณ์ทำศึกสงครามอยู่มาก และในการทำศึกสู้รบนั้นก็ดูเหมือนจะมีชาติพม่าเป็นคู่กรณี ที่ขับเคี่ยวต่อสู้กันมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี
สงครามระหว่างไทยกับพม่าในประวัติศาสตร์นั้น มีเหตุการณ์เรื่องราวมากมายจนสามารถบันทึกเป็นเรื่องราวได้เฉพาะ ดังที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งประวัติศาตร์ไทย ทรงพระนิพนธ์ไว้เป็น "พงศาวดารไทยรบพม่า" ซึ่งในเหตุการณ์สู้รบต่อกันนี้ ล้วนเป็นตำนานแห่งการต่อสู้ การเสียสละของบรรพชนคนแล้วคนเล่า ฝากไว้ให้ลูกหลานไทยได้รับรู้และจดจำไปชั่วกาลนาน
ใน "พงศาวดารไทยรบพม่า" จำนวน ๔๔ ครั้งนี้ ได้มีบันทึกสงครามสำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาเป็นราชธานีเรียกว่า "สงครามครั้งที่ ๒ คราวสมเด็จพระสุริโยทัยขาดคอช้าง ปีวอก พุทธศักราช ๒๐๙๑" ได้จารึกพระวีรกรรมแห่งสมเด็จพระมเหสีพระองค์หนึ่ง ทรงมีพระนามว่า สมเด็จพระสุริโยทัย ได้พลีพระชนม์ชีพปกป้องพระราชสวามีอย่างองอาจกล้าหาญ จนทรงได้รับการสดุดีพระเกียรติให้ทรงเป็นพระวีรกษัตรีในประวัติศาสตร์ชาติไทยพระองค์หนึ่งและเป็นเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
ความเป็นมาของสงครามระหว่างไทยกับพม่าในครั้งนั้น มีเหตุการณ์สืบเนื่องมาจากพระเจ้าหงสาวดีตะเบงชะเวตี้ ได้รู้ข่าวกรุงศรีอยุธยาเกิดเหตุวุ่นวายเมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระไชยราชาธิราชเกิดการแย่งชิงราชสมบัติระหว่างพระแก้วฟ้า พระราชโอรส และขุนวรวงศาธิราช เหล่าขุนนางได้ร่วมมือกันกำจัดขุนวรวงศาธิราช และอัญเชิญพระราชอนุชาต่างพระชนนีในสมเด็จพระไชยราชาธิราช ขึ้นเสวยราชสมบัติทรงพระนามว่า "สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ" เมื่อกองทัพพระเจ้ากรุงหงสาวดียกมาถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว กองทัพกรุงศรีอยุธยาได้ยกออกไป ดังมีความบันทึกใน พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ว่า
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้ทรงนิพนธ์พรรณนาเป็นบทกวีถวายราชสดุดีไว้ใน "เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์"
การสู้รบหลังจากสมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์แล้ว พระราเมศวรกับพระมหินทราธิราช พระราชโอรส ทรงขับช้างเข้าต่อสู้กับพระเจ้าแปร และกันพระศพสมเด็จพระราชชนนีกลับเข้าพระนคร โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญประดิษฐานไว้ในสวนหลวงเป็นการชั่วคราว จนเมื่อกองทัพพระเจ้าหงสาวดีได้ข่าวว่า กองทัพหัวเมืองฝ่ายเหนือของไทย อันมีสมเด็จพระมหาธรรมราชา นำกำลังยกลงมาช่วยกรุงศรีอยุธยา ประจวบกับเสบียงอาหารเริ่มขาดแคลนลง จึงเลิกทัพกลับไปกรุงหงสาวดี
ส่วนการพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยนั้นเมื่อเสร็จศึกสงครามแล้วโปรดให้ตั้งการพระราชพิธีพระราชทานเพลิง ณ สวนหลวง และให้สถาปนาที่พระราชทานเพลิงเป็นพระอารามเพื่ออุทิศพระราชกุศลพระราชทานแด่สมเด็จพระอัครมเหสี ประกอบด้วยพระเจดีย์ พระวิหาร แล้วพระราชทานนามพระอารามอันเป็นพระราชานุสรณ์แห่งสมเด็จพระสุริโยทัยแห่งนี้ว่า วัดสบสวรรค์
พระเกียรติคุณแห่งความเสียสละอันยิ่งใหญ่ในสมเด็จพระสุริโยทัยครั้งนั้นคงเป็นเหตุการณ์ที่กล่าวขวัญและสรรเสริญเลื่องลือไปทั่วแว่นแคว้นต่างๆ เพราะปรากฏเรื่องราวในประวัติศาสตร์ต่อมาว่า พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตได้มีพระราชสาส์นมาถวายแด่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิความว่า "...ข้าพระองค์ผู้ผ่านพิภพกรุงศรีสัตนาคนหุตขอถวายอภิวาทวันทนามายังสมเด็จพระปิตุราธิราชผู้ผ่านพิภพกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยาฯ... ข้าพระองค์ยังไป่มีเอกอัครราชกัลยาณี ที่จะสืบศรีสุริยวงศ์ในกรุงศรีสัตนาคนหุตต่อไปมิได้ ข้าพระองค์ขอพระราชทานพระราชธิดาอันทรงพระนามพระเทพกษัตรี ไปเป็นปิ่นศรีสุรางคนิกรกัญญา ในมหานคเรศปราจีนทิศ เป็นทางพระราชสัมพันธไมตรีสุวรรณปัฐพีแผ่นเดียวกันชั่วกาลปวสาน..."
การขอพระราชทานพระเทพกษัตรี พระราชธิดาในสมเด็จพระสุริโยทัยครั้งนี้ ปรากฏความต่อมาว่า เมื่อพระราชธิดาทรงหายจากอาการพระประชวรแล้ว ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเชิญเสด็จไปยังกรุงศรีสัตนาคนหุต แต่พระเจ้าหงสาวดีได้ให้กองทัพคุมกำลังมาสกัด และอัญเชิญพระเทพกษัตรีไปยังกรุงหงสาวดีเสียก่อน
พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต จึงมิได้พระเทพกษัตรีพระราชธิดาสมเด็จพระสุริโยทัยตามที่ทรงมีพระราชประสงค์ แต่ความตอนนี้ก็เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าพระเกียรติคุณแห่งความกล้าหาญในสมเด็จพระสุริโยทัยนั้น เป็นที่เลื่องลือและกล่าวขวัญถึงด้วยความยกย่องไปในแว่นแคว้นใกล้ไกล
สมเด็จพระสุริโยทัยพระองค์นี้ก็คือ สมเด็จพระอัยกีในมหาราชที่สำคัญพระองค์หนึ่งของไทยคือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช นั่นเอง
พระราชานุสรณ์แห่งสมเด็จพระสุริโยทัย
เรื่องราวอันเป็นวีรกรรมในสมเด็จพระสุริโยทัย นอกจากจะมีกล่าวไว้ในบันทึกพระราชพงศาวดาร เป็นที่รับรู้และเล่าขานสืบกันมาแล้วยังมีพระราชานุสรณ์ที่ปรากฏเป็นสถานที่และปูชนียสถาน ซึ่งเกี่ยวเนื่องในพระองค์ยังปรากฏมาจนทุกวันนี้ นั่นคือ พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย ณ วัดสบสวรรค์ อันเป็นที่ถวายพระเพลิงพระศพ ณ กรุงศรีอยุธยานั่นเอง
ความเป็นมาของพระราชานุสาวรีย์แห่งนี้มีความว่า เมื่อปลายรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิหลังจากทรงมอบราชสมบัติให้สมเด็จพระมหินทราธิราช พระราชโอรสแล้ว ก็ได้เสด็จมาประทับ ณ บริเวณสวนหลวง อันมีพระอารามสบสวรรค์
พระอนุสรณ์แห่งพระอัครมเหสีตั้งอยู่ ประดุจว่า ได้ประทับอยู่ใกล้พระมเหสีที่ทรงอาลัยยิ่ง
ตามหลักฐานที่พระยาโบราณราชธานินทร์สอบค้นพบนี้ ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว "เหล่าเสนาข้าทูลละอองธุลีพระบาทราชบริพาร" จึงพร้อมใจกันขอพระบรมราชานุญาตสร้างอนุสาวรีย์เทิดพระเกียรติ จารึกข้อความสดุดีวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระสุริโยทัยไว้ในบริเวณนั้น ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับพระเจดีย์ขนาดใหญ่ของวัดสบสวรรค์ที่ยังเหลืออยู่อีก ๑ องค์ พระเจดีย์องค์นี้เองที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอธิบายไว้ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาว่าเป็น "...พระเจดีย์ที่บรรจุพระอัฐิสมเด็จพระสุริโยทัย" และได้รับชื่อเรียกต่อมาว่า "พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย" พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย จึงเป็นปูชนียสถานของวัดสบสวรรค์เพียงแห่งเดียวที่ยังคงปรากฏมาจนปัจจุบัน การถือพระเจดีย์องค์นี้เป็นพระราชานุสาวรีย์แห่งสมเด็จพระสุริโยทัย ก็เป็นเหตุผลที่ยอมรับนับถือได้โดยไม่ขัดเขินใจแก่ผู้ถวายราชสักการะ
**************************************************************