อารยธรรมกรีก
อารยธรรมกรีก
อารยธรรมกรีกโบราณ คือ อารยธรรมของนครรัฐกรีกซึ่งเจริญขึ้นบนผืนแผ่นดินกรีซ ในทวีปยุโรปและบริเวณชายฝั่งตะวันออกของ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ด้านเอเชียไมเนอร์ซึ่ง ในสมัยโบราณเรียกว่า ไอโอเนีย (Ionia )
อารยธรรมที่เจริญ ขึ้นในนครรัฐกรีก มีศูนย์กลางสำคัญอยู่ที่นครรัฐเอเธนส์ และนครรัฐสปาร์ตา
นครรัฐเอเธนส์
นครรัฐเอเธนส์ประกอบด้วยบริเวณที่สำคัญ 2 บริเวณ คือ อโครโปลิส (Acropolis) และ อกอรา (Agora) อโครโปลิสเป็นเนินเขาสูงเป็นที่ประดิษฐานวัดและสถานที่ทางราชการ เนินนี้อาจดัดแปลงเป็นป้องที่ให้ผู้คนเข้ามาลี้ภัย และตั้งรับศัตรูยามที่ถูกรุกราน ใต้บริเวณอโครโปลิส ลงมาเป็นร้านรวงและที่อยู่อาศัยของพลเมืองเรียกว่า อกอรา เอเธนส์ได้วิวัฒนาการการปกครอง เป็นสาธารณรัฐปกครองในรูปประชาธิปไตย โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งเลือกมาจากพลเมือง 50,000 คน รูปการปกครองแบบประชาธิปไตยของเอเธนส์แตกต่างจากประชาธิปไตยที่เข้าใจในสมัยปัจจุบัน แต่ก็เป็นรูปการปกครองที่ให้สิทธิเสรีภาพมากที่สุดในสมัยโบราณ
นครรัฐสปาร์ตา
นครรัฐสปาร์ตา เป็นนครที่ใหญ่ที่สุดและทรงอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในบรรดานครรัฐกรีก เป็นผู้นำทางด้านการทหาร เนื่องจากมีกองทัพที่มีระเบียบวินัยประกอบขึ้นด้วยทหารที่มีความเสียสละอดทนและอุทิศชีวิตเพื่อความยิ่งใหญ่ของนครรัฐ ประชาชนในนครรัฐสปาร์ตาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
1. สปาร์เตียตส์ (Spartites) เป็นพวกดอเรียนส์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในสปาร์ตา ถือเป็นชาว สปาร์ตาโดยแท้ พวกนี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในนครรัฐ ทำหน้าที่เป็นทหารรัฐ
2. เปริโอซิ ((Perioeci) คำนี้ภาษากรีกแปลว่า ผู้ที่อาศัยอยู่โดยรอบ ได้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านโดยรอบนครรัฐสปาร์ตา
3. เฮล็อต (Helot) พวกนี้เป็นชนพื้นเมืองเดิม ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้มาก่อน
ชาวกรีกโบราณมีคุณลักษณะพิเศษที่น่าชื่นชมอยู่ 2 ประการ คือ
1. เป็นผู้มีสติปัญญารอบรู้ และมีจิตใจเป็นผู้ชอบซักถามและมีวิจารณญาณที่ดี
2. เป็นผู้มีความรู้สึกละเอียดอ่อนละมุนละไมในความงดงามและมีพลังความสามารถสร้างสิ่งที่งดงาม
ด้วยคุณลักษณะ 2 ประการดังกล่าว ชาวกรีกโบราณได้ประสบผลสำเร็จในการสร้างสมอารยธรรมอันเป็นมรดกตกทอดมาสู่โลกตะวันตกจนถึงปัจจุบัน
นครรัฐเอเธนส์ประกอบด้วยบริเวณที่สำคัญ 2 บริเวณ คือ อโครโปลิส (Acropolis) และ อกอรา (Agora) อโครโปลิสเป็นเนินเขาสูงเป็นที่ประดิษฐานวัดและสถานที่ทางราชการ เนินนี้อาจดัดแปลงเป็นป้องที่ให้ผู้คนเข้ามาลี้ภัย และตั้งรับศัตรูยามที่ถูกรุกราน ใต้บริเวณอโครโปลิส ลงมาเป็นร้านรวงและที่อยู่อาศัยของพลเมืองเรียกว่า อกอรา เอเธนส์ได้วิวัฒนาการการปกครอง เป็นสาธารณรัฐปกครองในรูปประชาธิปไตย โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งเลือกมาจากพลเมือง 50,000 คน รูปการปกครองแบบประชาธิปไตยของเอเธนส์แตกต่างจากประชาธิปไตยที่เข้าใจในสมัยปัจจุบัน แต่ก็เป็นรูปการปกครองที่ให้สิทธิเสรีภาพมากที่สุดในสมัยโบราณ
1. สปาร์เตียตส์ (Spartites) เป็นพวกดอเรียนส์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในสปาร์ตา ถือเป็นชาว สปาร์ตาโดยแท้ พวกนี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในนครรัฐ ทำหน้าที่เป็นทหารรัฐ
2. เปริโอซิ ((Perioeci) คำนี้ภาษากรีกแปลว่า ผู้ที่อาศัยอยู่โดยรอบ ได้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านโดยรอบนครรัฐสปาร์ตา
3. เฮล็อต (Helot) พวกนี้เป็นชนพื้นเมืองเดิม ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้มาก่อน
ชาวกรีกโบราณมีคุณลักษณะพิเศษที่น่าชื่นชมอยู่ 2 ประการ คือ
1. เป็นผู้มีสติปัญญารอบรู้ และมีจิตใจเป็นผู้ชอบซักถามและมีวิจารณญาณที่ดี
2. เป็นผู้มีความรู้สึกละเอียดอ่อนละมุนละไมในความงดงามและมีพลังความสามารถสร้างสิ่งที่งดงาม
ด้วยคุณลักษณะ 2 ประการดังกล่าว ชาวกรีกโบราณได้ประสบผลสำเร็จในการสร้างสมอารยธรรมอันเป็นมรดกตกทอดมาสู่โลกตะวันตกจนถึงปัจจุบัน
ที่ตั้งและลักษณะภูมิประเทศ
กรีกในสมัยโบราณ อยู่ทางด้านตะวันออกสุดของยุโรปภาคใต้ ประกอบด้วยดินแดนกรีกบนผืนแผ่นดินหมู่เกาะต่างๆ ในทะเล เอเจียน หรือฝั่งตะวันตกของเอเซียไมเนอร์ ซึ่งนิยมเรียกว่านครรัฐ ไอโอเนียน (Ionian Cities) รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 5 หมื่นตารางไมล์ ในจำนวนนี้ดินแดนส่วนใหญ่ คือ ประมาณ 4 ใน 5 คือ ดินแดนกรีกบนผืนแผ่นดินใหญ่ในทวีปยุโรปดินแดนตอนนี้แบ่งออกเป็นภาคใหญ่ๆ ได้ 3 ภาค คือ
1. กรีกภาคเหนือ อันได้แก่ แคว้นมาซีโดเนีย (Macedonia ) เทสซาลี (Thessaly) เอไพรัส (Epirus ) รวมอาณาบริเวณประมาณครึ่งของดินแดนกรีกบนผืนแผ่นดินใหญ่ ในสมัยคลาสสิค ไม่นิยมรวมมาซีโดเนียเป็นส่วนหนึ่งของกรีก
2. กรีกภาคกลาง ได้แก่ บริเวณซึ่งเป็นเนินเขาสูง ระหว่างกรีกภาคกลาง และอ่าวคอรินธ์ บริเวณนี้มีสถานที่สำคัญๆ ในประวัติศาสตร์กรีกอยู่หลายแห่ง เช่น นครเทบีส นครเลฟิ เทอร์มอปิเล (thermopylae) และยอดเขาพาร์นาซุด (Parnasus) อันเป็นที่สิงสถิตของแอโปโล (Apollo) สุริยเทพ ตรงปลายสุดด้านตะวันออกของบริเวณนี้คือแคว้นอันติก (Attica ) อันมีเมืองหลวงคือนครรัฐเอเธนส์ ที่กำเนิดของศิลปวิทยาการ ปรัชญาและระบอบการปกครองอันมีชื่อเสียง
3. เพลอปปอนเนซุส (Peloponnesus) ได้แก่ บริเวณคาบสมุทร ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ อ่าวคอรินธ์ บริเวณนี้เชื่อมติดกับภาคกลาง และภาคเหนือด้วยคอคอดคอรินธ์ ซึ่งมีความกว้างประมาณ 30 ไมล์ใต้บริเวณคอคอดนี้ลงมาคือที่ตั้งของเมืองอาร์กอลิส (Argolis) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอารยธรรม กรีกที่ได้เจริญขึ้นเป็นครั้งแรก ใจกลางของคาบสมุทรแห่งนี้เป็นที่ตั้งของนครรัฐสปาร์ตา (Sparta) ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการรบและการทหาร เมืองโอลิมเปีย (Olympia) ที่สิงสถิตของบรรดาเทพเจ้ากรีกอยู่ชิดกับฝั่งทะเลไอโอเนีย ด้านตะวันตกของคาบสมุทรเพลอปปอนเนซุส
4. ภูเขา ในประเทศกรีกเต็มไปด้วยภูเขา ภูเขาเหล่านี้แบ่งกรีกออกเป็นที่ราบในหุบเขาเล็ก แยกออกจากกันมากมาย ภูเขาเป็นอุปสรรคสำคัญในการติดต่อคมนาคมระหว่างคนที่อาศัยตามที่ราบในหุบเขาดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ หมู่บ้านตามหุบเขาเหล่านี้จึงมักปกครองตนเองเป็นอิสระต่อกัน คนที่อาศัยอยู่ตามแต่ละหมู่บ้านก็เป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน บางครั้งเกิดการสงสัยอิจฉาริษยากัน จนกระทั่งเกิดการทะเลาะวิวาทกลายเป็นสงคราม พวกที่อาศัยอยู่ตามเกาะต่างๆ ในทะเลเอเจียนก็มีลักษณะแยกกันอยู่เช่นเดียวกัน
5. สภาพพื้นดิน สภาพพื้นดินส่วนใหญ่ของกรีกขาดความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้นสภาพภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงและเนินเขา ทำให้กรีกขาดดินที่จะเก็บเกี่ยว หว่าน ไถได้ถึง 1 ใน 3 พื้นดิน ที่เหลืออีก 2 ส่วน ถึงแม้จะพอทำการเพาะปลูกได้ ก็ต้องอาศัยแรงงานอย่างมากมาย กรีกมีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์อยู่บ้าง แต่ก็เป็นทุ่งหญ้าที่เหมาะแก่การเลี้ยงแพะและแกะเท่านั้น ไม่เหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์จำพวกวัวควายหรือม้า บริเวณที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของกรีก ได้แก่ที่ราบระหว่างหุบเขา ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบ กับความอุดมสมบูรณ์ของที่ราบล่มแม่น้ำไนล์ หรือแม่น้ำไทกรีส และยูเฟรตีสแล้วก็ด้อยกว่ามาก
แม่น้ำในกรีกเป็นแม่น้ำสายสั้นๆ ไหลเชี่ยวในฤดูที่มีฝนตกมาก กระแสน้ำจะพัดพาเอาดินอุดมตามเชิงเขาไป ส่วนในฤดูแล้งน้ำไม่มีการถ่ายเท แม่น้ำจึงกลายเป็นแหล่งเพาะยุง ด้วยสภาพพื้นดินดังกล่าว เมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้น พลเมืองเพิ่มขึ้น อาหารก็ไม่พอเพียงกับจำนวนพลเมือง ระดับการครองชีพในกรีก จึงค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตามชาวกรีกสมัยโบราณได้ปรับปรุงตนเองในการมีชีวิตอยู่ในสภาพที่ขาดแคลนได้เป็นอย่างดีและได้สร้างสมอารยธรรมอยู่บนรากฐานของเศรษฐกิจที่มั่นคงพอสมควร
6. ทะเลกรีกจัดเป็นประเทศที่มีความสะดวกสบายในทางออกทะเล ส่วนใหญ่ของแผ่นดินมีลักษณะคล้ายแหลมยื่นไปในทะเล และส่วนที่ลึกเข้าไปในแผ่นดินไม่ไกลจากทะเลมากนัก ชาวกรีกมีโอกาสมองเห็นทะเลได้จากเกือบทุกๆ ส่วนของประเทศ ประกอบกับพื้นดินแห้งแล้งและขาดความอุดมสมบูรณ์ ชาวกรีกจึงหันเหความสนใจไปสู่ทะเล อนึ่ง ชายฝั่งทะเลกรีกก็มักเว้าๆ แหว่งๆ ใช้เป็นอ่าวธรรมชาติสำหรับจอดเรือกำบังคลื่นลมได้เป็นอย่างดี และบรรดาเกาะเล็กเกาะน้อยในทะเลเอเจียนก็เป็นเครื่องส่งเสริมให้ชาวกรีกแล่นเรือออกไปไกลๆ ไปสู่เอเซียไมเนอร์และดินแดนตะวันออก
ความเจิญด้านต่างๆของอารยธรรมกรีก
1. ความเจริญด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์สาขาต่างๆ เช่น
-
- ผู้ริเริ่มวิชาชีววิทยา คือ อริสโตเติล
- แพทย์กรีกคนแรกที่ค้นพบว่าหัวใจ คืออวัยวะที่ทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตคือ อเลเมออน
- ผู้นำทางวิชาการแพทย์ของกรีก คือ เอมพีโดคลีส
- คนแรกที่ริเริ่มทำศัลยกรรม และการใช้ยาบำบัดโรคคือ ฮิพพอคราตีส ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งการแพทย์ -
2. ความเจริญด้านอักษรศาสตร์
-
- ร้อยกรอง กรีกเป็นผู้ให้กำเนิดการประพันธ์ประเภทกาพย์ และกลอน(ซึ่งยุโรปรับถ่ายทอดในสมัยต่อมา) กาพย์ที่สำคัญที่ดีเด่นลีลาการใช้ภาษา และสำนวนได้แก่มหาหาพย์ชื่ออีเลียด และโอดีสซี ของกวีเอกชื่อ โอเมอร์ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสดุดีวีรกรรมของวีรบุรุษ
- การละคร มีการกำเนิดมาจากการละเล่นเพื่อบูชาเทพเจ้า ภายหลังมีผู้นำมาใช้แสดงละคร
- โคลงและกลอน กวีกรีกที่มีชื่อเสียง ได้แก่ เฮซอย ได้รับสมญานาณว่า นักประพันธ์ขวัญใจชาวนา พินดาร์ แซฟโฟ เป็นต้น
- - การเขียนประวัติศาสตร์ ปราชญ์กรีกได้รับการยกย่องว่าเป็น บิดาแห่งประวัติศาสตร์ คือ เฮโรโดตุส
- 3. ความเจริญด้านศิลป์ ศิลปะของกรีกมีชื่อเรื่องความงาม ความละเอียดอ่อนและความประณีต เป็นความเจริญที่มีพร้อมทั้งในด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรมและวิจิตรศิลป์
สถาปัตยกรรมกรีก
- 4. ด้านคณิตศาสตร์ ปราชญ์กรีกชื่อ พีธากอรัส เป็นผู้สร้างทฤษฎีบททางเรขาคณิต ที่ว่าพื้นที่จัตุรัสบนด้านทแยงของสามเหลี่ยมมุมฉาก เท่ากับผลบวกของพื้นที่สี่เหลี่ยมจุตุรัสบนด้านที่เหลืออีกสองด้าน
-
5. ด้านภูมิศาสตร์ ปราชญ์กรีกที่ชื่อเอราทอสทีเทส ใช้ความรู้วิชาตรีโกณมิติคำนวณขนาดของโลกได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง (สมัยปัจจุบัน) มากที่สุดเป็นคนแรก และต่อมา คลอดอุส ทอเลมี นำผลงานของเอราทอสทีเนสมาใช้ในการทำแผนที่โลก ทำให้ได้แผนที่โลกที่ดีที่สุดมีใช้กันในยุคนั้น
ตรวจแล้ว
แหม...แม่คุณวลัยลักษณ์ จะเอาเต็ม 10 เลยรึไงห๊ะ
มาทำให้บ้างสิ สวยดีนะเนี่ย อิอิ...