เด็กกำพร้า
เด็กกำพร้า
คำพูดที่ว่า "เด็กกำพร้า" นั้น ฟังดูแล้วมันก็เป็นคำที่หดหู่ หรือน่าสมเพชหรือเปล่าแล้วแต่จิตสำนึกของคนที่เขาคิดและมองเห็นว่า
สิ่งนั้นมันเป็นไปได้เหรอ หรือเกิดขึ้นได้อย่างไร กับ คำว่าเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง และทำให้เป็นปัญหาของสังคม เกิดขึ้นโดยที่ผู้ตั้งใจทำหรือไม่ได้ตั้งใจทำ ตัวเราเองที่เกิดมานั้นไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่เรามาเรียนรู้ชีวิตของเขากันเถอะว่าเขาเติบโตมาและดำเนินชีวิตอย่างไรบ้างในการแก้ปัญหาต่างๆ
เรื่องเล่าสั้นๆ ของเด็กผู้หญิงคนนึงที่เกิดมาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เธอมีชื่อว่า "อันนา" คุณพ่อคุณแม่ของเธอได้มาคลอด
เธอไว้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แล้วทิ้งเธอไว้ที่นี่เลย เธอเกิดมาลืมตาอ้าปากก็ได้อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า เธอเป็นใคร มาจากไหน กินนอนและเติบโตอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ชุบเลี้ยงชีวิตของเธอมา อันนารู้แต่ว่า คนที่เลี้ยงเธอนั้นเป็นแม่ชีและคุณป้าพยาบาลและคนในโรงพยาบาลที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แต่เธอไม่ได้ถูกทอดทิ้งแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น มีเด็กอีกหลายคนที่ถูกทอดทิ้งประมาณ 20 คนได้ ชาย - หญิง โรงพยาบาลแห่งนี้ก็จะเป็นบ้านของพวกเด็กๆ เหล่านี้ ไปโดยปริยายเลย ช่วงนั้นอันนาเกิดมาก็ยังเด็กอยู่ไม่รู้หรอกว่าชีวิตของเธอ ได้ถูกกำหนดไว้อย่างไรบ้าง รู้แต่เพียงว่าเธอนับถือศาสนาคาทอลิก สวดภาวนาพร้อมกันทุกคืน
แต่ชีวิตของเธอและพวกเพื่อนๆที่อยู่ในบ้านหลังนั้น ก็ได้รับความรัก/ความอบอุ่นที่ดี บ้านหลังนี้ที่เธอได้ถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดนั้นเป็นบ้านของพระเธอรู้แต่เพียงว่าชีวิตในวัยเด็กของเธอ เล่น สนุกสนาน มีร้องไห้บ้าง แต่เมื่ออันนาโตพอที่จะรู้เรื่อง ตอนนั้นเธออายุได้ ประมาณ 12 ปีเธอก็เริ่มสงสัย และอยากรู้อะไรเพิ่มมากขึ้นเธอก็ได้ถามตัวเองว่าเราเป็นใคร มาจากไหน พ่อแม่หล่ะ อยากรู้ชีวิตของตัวเองมากขึ้น สิ่งแรกที่เธอทำคือไปถามคุณแม่พยาบาลที่เลี้ยงเธอมา ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว ไม่เพียงแต่อันนาที่สงสัย เพื่อนๆที่อยู่ในนั้นต่างก็สงสัยชีวิตของตัวเอง ก็เลยตัดสินใจไปถามท่าน รู้เพียงแต่คำตอบว่า พ่อแม่มาทิ้ง ที่สำคัญยังได้รู้จักชื่อท่านทั้ง 2 คน ที่ทำพวกเราเกิดมา ตอนนั้นก็รู้สึกดีใจแล้ว แต่แปลกไม่เคยคิดที่จะไปตามหาเลย อันนารู้แต่เพียงว่าเธอมีความสุขที่ได้อยู่บ้านหลังนี้เธอมีความรู้สึกว่า รักและผูกพันธ์กับคนที่เลี้ยงเธอมา ทั้งๆที่คนที่ดูแลเธอเป็นแม่ชี หรือเรียกอีกอย่างว่า (มาเซอร์) ท่านเป็นคนที่อันนารักมากและอยู่ในใจของเธอเสมอ ท่านเป็นฝรั่ง พูดภาษาไทยได้ ท่านดุ แต่ใจดี บ้านหลังนี้ก็ได้ดูแลเลี้ยงอันนาจนเติบโตมา และได้มีการศึกษาที่ดี และได้ก้าวออกจากรั้วบ้านหลังนั้นด้วยความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะไปผเชิญชีวิตโลกสังคมข้างนอก ต่อสู้กับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในอนาคตที่เธอต้องเจอและเรียนรู้กับมันด้วยตัวของเธอเอง เธอไม่มีใคร เลือกเอง ตัดสินใจเอง แก้ปัญหาเอง พลาดเอง โทษใครไม่ได้ เพราะเธอก้าวขาออกมาพร้อมแล้วที่จะยืนด้วยตัวเอง แล้วชีวิตของเธอคนนี้ ก็น่าอิจฉากว่าเด็กๆหลายๆคนที่เกิดมา เพราะเธอเกิดมาในบ้านของพระ พระก็ดูแลเธอมาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ พระทดลองเธอมากมาย บางครั้งก็ท้อ แต่ไม่ถอย เธอก็สู้และฝ่าฟันมาได้ทุกครั้ง
อันนาก็ได้มีครอบครัว มีลูกสาว 1 คน แต่เธอมีปัญหาได้เลิกกับสามีของเธอตั้งแต่ลูกเธออายุได้ 3 ขวบ เธอก็เลี้ยงดูลูกของเธอมาเองโดยตลอด โดยไม่ท้อ แม้ว่าจะเจอมรสุม มีบ้าง อดบ้าง สุขและทุกข์ปนกัน ยิ้มและหัวเราะในเวลาเดียวกัน มีอยู่วันนึ้งลูกของเธอป่วยมาก ตัวร้อนขึ้นทุกๆวัน โดยที่ไม่รู้สาเหตุ ลูกสาวยังเล็กมาก ไม่รู้จะทำยังงัย เธอเช่าบ้านอยู่ ไม่มีใคร เธอก็ได้โทรมาหาผู้ใหญ่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ บ้านหลังนี้ที่ให้ชีวิตเธอ ท่านก็รับและม่ปฏิเสธเลยให้รีบมาที่โรงพยาบาลนี้เลย รู้สึกได้เลยว่าพระไม่เคยทอดมิ้งครอบครัวของลูกเลย หมอก็ได้บอกว่าลูกสาวเป็นปอดบวมแต่ก็ได้มารักษาท่าน ต้องกราบขอบคุณท่านผู้นี้ที่ได้ให้ชีวิตใหม่กับลูกสาว มีความรู้สึกว่าชีวิตของคนเรานั้นมันก็ไม่ได้ว่าจะหมดหวังเสมอไป
ก็ฝากเรื่องราวสั้นๆของเด็กผู้หญิงคนนึงที่รู้จักคำว่า "เด็กกำพร้า" มาตั้งแต่เกิดนั้น ไม่ทำให้ชีวิตเราของเธอท้อหรือแย่กลับมามีชีวิตที่ดี ไม่เคยต้องการหรือเรียกร้องอะไร เพียงแต่ว่า ตัวเราเองนั้น เกิดมาต้องการอะไร รูปธรรม หรือนามอธรรม ใช่ เมื่อก่อนความคิดของอันนาอยากมีคุณพ่อคุณแม่พร้อม แต่เดี๋ยวนี้ซิ หาทำไม ได้อะไร คิดเสมอ ทุกวันนี้ภูมิใจในตัวเองเสมอว่าทำได้แค่นี้ มีลูกที่น่ารัก และเป็นเพื่อนกับเราได้ทั้งในยามสุขและทุกข์ อันนาก็พอใจแล้วไม่มีอะไรที่ยิ่งใหญ่และมีค่า เท่ากับคำว่า ความกตัญญู และความรักที่เสียสละได้ทุกอย่าง
ทุกวันนี้อันนามีความสุขมีงานทำ มีเงินเลี้ยงลูกถึงแม้ว่าชีวิตอันนาเกิดมาจะไม่ พร้อมหรือสมบูรณ์ แต่อันนาภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพระเจ้า อันนาเชื่อ เชื่อว่าเป็นแผนงานของพระถึงจะไม่ศรัทธาแต่อันนาก็ไม่เคยลืมที่จะอธิษฐานหรือสวดภาวนาให้กับคนที่เลี้ยงอันนามาทุกๆคนที่มีชีวิตอยู่ หรือจากไปแล้ว ก็จะอยู่ในคำภาวนาของอันนาเสมอ และลูก
จำไว้นะ เด็กๆทุกคนใครที่เกิดมาแล้วอย่าท้อไม่มีใครที่เลือกเกิดได้หรอก แต่เราเลือกที่จะดำเนินชีวิตของเราได้ว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนชั่ว ล้มบ้าง ลุกบ้าง ยิ้มหัวเราะ ร้องไห้ เหงา ผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง คลุกเคล้ากันไป นั่นแหละ ชีวิต มันจะเหมือนเหล็กที่แข็งแกร่ง เป็นหนึ่งก็ได้เป็นศูนย์ก็ได้ ทุกย่างมันขึ้นอยู่กับใจของเราเองว่ายืนได้ไหม
http://www.thaigoodview.com/node/19772