- user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:ede22ee7c922e37e722bf6bb9692f73f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
- user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff0000\"><strong>ห้ามลบ</strong> </span><span style=\"color: #0610f8\">ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.<br />\nหากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล<br />\nซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง</span> <br />\nครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล\n</p>\n<hr id=\"null\" />\n<span style=\"color: #000000\"><strong><span style=\"color: #0000ff; font-size: medium\">\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"86\" width=\"229\" src=\"/files/u3080/WELCOME5.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n<p>\n<img height=\"50\" width=\"50\" src=\"/files/u3080/pucca1.gif\" border=\"0\" style=\"width: 33px; height: 36px\" /><span style=\"background-color: #00ff00\">การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต</span></p></span></strong><br />\nสิ่งมีชีวิตต้องมีการแบ่งเซลล์ เพื่อ<br />\n1.เพิ่มจำนวนเซลล์ เมื่อมีการเจริญเติบโต<br />\n2.ทดแทนเซลล์เก่าที่ตายไป<br />\n3.เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์<br />\n</span>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">การแบ่งเซลล์ ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ<br />\n1.การแบ่งนิวเคลียส (karyokinesis)<br />\n2.การแบ่งไซโทพลาสซึม (cytokinesis)<br />\n</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">การแบ่งนิวเคลียส แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ<br />\n1.การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิส (mitosis)<br />\n2.การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโอซิส (meiosis)</span>\n</p>\n<p><span style=\"color: #000000\"><strong><span style=\"color: #800000; font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\"><img height=\"35\" width=\"40\" src=\"/files/u3080/42158.gif\" border=\"0\" style=\"width: 31px; height: 27px\" /><span style=\"background-color: #00ffff\">การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (mitosis)</span><img height=\"35\" width=\"40\" src=\"/files/u3080/42158.gif\" border=\"0\" style=\"width: 31px; height: 27px\" /></span></span></strong><br />\n <br />\n</span><span style=\"color: #000000\"> การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เป็นการแบ่งเซลล์ เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ของร่างกาย ในการเจริญเติบโต ในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ หรือในการแบ่งเซลล์ เพื่อการสืบพันธุ์ ในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว และหลายเซลล์บางชนิด เช่น พืช <br />\n<img src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-smile.gif\" alt=\"Smile\" border=\"0\" title=\"Smile\" />ไม่มีการลดจำนวนชุดโครโมโซม (2n ไป 2n หรือ n ไป n ) <br />\n<img src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-smile.gif\" alt=\"Smile\" border=\"0\" title=\"Smile\" />เมื่อสิ้นสุดการแบ่งเซลล์จะได้ 2 เซลล์ใหม่ที่มีโครโมโซมเท่าๆ กัน และเท่ากับเซลล์ตั้งต้น <br />\n<img src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-smile.gif\" alt=\"Smile\" border=\"0\" title=\"Smile\" />พบที่เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด, ปลายราก, แคมเบียม ของพืชหรือเนื้อเยื่อบุผิว, ไขกระดูกในสัตว์, การสร้างสเปิร์ม และไข่ของพืช <br />\n<img src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-smile.gif\" alt=\"Smile\" border=\"0\" title=\"Smile\" />มี 5 ระยะ คือ อินเตอร์เฟส (interphase), โพรเฟส (prophase), เมทาเฟส (metaphase), แอนาเฟส (anaphase) และเทโลเฟส (telophase)</span></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p><span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #800000; font-size: medium\"><strong><img height=\"40\" width=\"80\" src=\"/files/u3080/cute17_0.gif\" border=\"0\" /> <span style=\"background-color: #ff00ff\">วัฏจักรของเซลล์ (cell cycle)</span> <br />\n</strong></span><span style=\"color: #008000\"><br />\n <span style=\"color: #000000\"> <strong><span style=\"color: #800080\"></span></strong>หมายถึง ช่วงระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ในขณะที่เซลล์มีการแบ่งตัว ซึ่งประกอบด้วย 2 ระยะได้แก่ การเตรียมตัวให้พร้อม ที่จะแบ่งตัว และกระบวนการแบ่งเซลล์ <br />\n</span><span style=\"color: #ff0000\"><strong><br />\n1. ระยะอินเตอร์เฟส (Interphase)</strong> <br />\n</span><span style=\"color: #000000\">ระยะนี้เป็นระยะเตรียมตัว ที่จะแบ่งเซลล์ในวัฏจักรของเซลล์ แบ่งออกเป็น 3 ระยะย่อย คือ <br />\n 1.1 ระยะ G1 เป็นระยะก่อนการสร้าง DNA ซึ่งเซลล์มีการเจริญเติบโตเต็มที่ ระยะนี้ จะมีการสร้างสารบางอย่าง เพื่อใช้สร้าง DNA ในระยะต่อไป <br />\n 1.2 ระยะ S เป็นระยะสร้าง DNA (DNA replication) โดยเซลล์มีการเจริญเติบโต และมีการสังเคราะห์ DNA อีก 1 ตัว หรือมีการจำลองโครโมโซม อีก 1 เท่าตัว แต่โครโมโซมที่จำลองขึ้น ยังติดกับท่อนเก่า ที่ปมเซนโทรเมียร์ (centromere) หรือไคเนโตคอร์ (kinetochore) ระยะนี้ใช้เวลานานที่สุด <br />\n 1.3 ระยะ G2 เป็นระยะหลังสร้าง DNA ซึ่งเซลล์มีการเจริญเติบโต และเตรียมพร้อม ที่จะแบ่งโครโมโซม และไซโทพลาสซึมต่อไป</span> <br />\n<span style=\"color: #008000\"><strong><br />\n2. ระยะ M (M-phase)</strong></span> <br />\n <span style=\"color: #000000\"> ระยะ M (M-phase) เป็นระยะที่มีการแบ่งนิวเคลียส และแบ่งไซโทพลาสซึม ซึ่งโครโมโซม จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายขั้นตอน ก่อนที่จะถูกแบ่งแยกออกจากกัน ประกอบด้วย 4 ระยะย่อย คือ โพรเฟส เมทาเฟส แอนาเฟส และเทโลเฟส <br />\n ในเซลล์บางชนิด เช่น เซลล์เนื้อเยื่อเจริญของพืช เซลล์ไขกระดูก เพื่อสร้างเม็ดเลือดแดง เซลล์บุผิว พบว่า เซลล์จะมีการแบ่งตัว อยู่เกือบตลอดเวลา จึงกล่าวได้ว่า เซลล์เหล่านี้ อยู่ในวัฏจักรของเซลล์ตลอด แต่เซลล์บางชนิด เมื่อแบ่งเซลล์แล้ว จะไม่แบ่งตัวอีกต่อไป นั่นคือ เซลล์จะไม่เข้าสู่วัฏจักรของเซลล์อีก เข้าสู่ G0 จนกระทั่งเซลล์ชราภาพ (cell aging) และตายไป (cell death) ในที่สุด แต่เซลล์บางชนิด จะพักตัวหรืออยู่ใน G0 ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ถ้าจะกลับมาแบ่งตัวอีก ก็จะเข้าวัฏจักรของเซลล์ต่อไป <br />\n</span> </span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #008000\"></span></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #008000\"></span></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"14\" width=\"400\" src=\"/files/u3080/star02_yellow.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #0000ff; font-size: medium\"><strong></strong></span></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p><span style=\"font-size: small\"><img height=\"40\" width=\"40\" src=\"/files/u3080/thaitokenzero010.gif\" border=\"0\" /><span style=\"background-color: #ffff00\">ขั้นตอนต่างๆของโมโทซิส</span></span> <br />\n<span style=\"color: #0000ff\"><br />\n<strong>1. ระยะอินเตอร์เฟส (interphase) <br />\n</strong></span> เป็นระยะที่เซลล์เติบโตเติมที่ เซลล์มีการเปลี่ยนแปลง ทางเคมีมากที่สุด หรือมีเมแทบอลิซึมสูงมาก จึงเรียก Metabolic stage <br />\nใช้เวลานานที่สุด ดังนั้น ถ้าศึกษาการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส จากกล้องจุลทรรศน์ จะพบเซลล์ปรากฏ อยู่ในระยะนี้มากที่สุด <br />\nโครโมโซม มีลักษณะเป็นเส้นใยยาวขดไปมา เรียกว่า เส้นใยโครมาทิน (chromation) มีการสังเคราะห์ DNA ขึ้นมาอีก 1 เท่าตัว หรือมีการจำลองโครโมโซมอีก 1 ชุด แต่ยังติดกันอยู่ ที่ปมเซนโทรเมียร์ (centromere) หรือไคเนโตคอร์ (kinetochore) ดังนั้นโครโมโซม 1 แท่ง จะมี 2 ขา เรียกแต่ละขานั้น เรียกว่า โครมาทิด (chromatid) โดยโครมาทิดทั้งสองขา ของโครโมโซมท่อนเดียวกัน เรียกว่า sister chromatid ดังนั้น ถ้าโครโมโซมในเซลล์ 8 แท่งก็จะมี 16 โครมาทิด หรือในคนเรา มีโครโมโซม 46 แท่ง ก็จะมี 92 โครมาทิด ระยะนี้ โครโมโซมจะมีความยาวมากที่สุด <br />\n<span style=\"color: #0000ff\"><br />\n<strong>2. ระยะโฟรเฟส (prophase)</strong> <br />\n</span> ระยะนี้โครมาทิดจะหดตัว โดยการบิดเป็นเกลียวสั้นลง ทำให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่า โครโมโซม 1 แท่งมี 2 โครมาทิด <br />\nเยื่อหุ้มนิวเคลียส และนิวคลีโอลัสสลายไป เซนทริโอล (centrioles) ในเซลล์สัตว์ และโพรติสท์บางชนิด เช่น สาหร่าย รา จะเคลื่อนที่ แยกไปอยู่ตรงข้ามกัน ในแต่ละขั้วเซลล์ และสร้างเส้นใยโปรตีน (microtubule) เรียกว่า ไมโทติก สปินเดิล (mitotic spindle) และสปินเดิล ไฟเบอร์ (spindle fiber) ไปเกาะที่เซนโทรเมียร์ ของทุกโครมาทิก ดังนั้น รอบๆ เซนโทรโอล จึงมีไมโทติก สปินเดิล ยื่นออกมาโดยรอบมากมาย เรียกว่า แอสเทอร์ (Aster) สำหรับใช้ในเซลล์พืช ไม่มีเซนทริโอล แต่มีไมโทติก สปินเดิล การกระจายออก จากขั้วที่อยู่ตรงข้ามกัน (polar cap) <br />\n**ข้อควรทราบพิเศษ ระยะโฟรเฟสนี้ พบว่า ในเซลล์สัตว์ จะมีเซนทริโอล 2 อัน หรือมีแอสเทอร์ 2 อัน **<br />\n<span style=\"color: #0000ff\"><br />\n<strong>3. ระยะเมทาเฟส (metaphase)</strong></span><strong> <br />\n</strong> ระยะนี้ไมโทติก สปินเดิลจะหดตัว ดึงให้โครมาทิดไปเรียงตัวอยู่ในแนวกึ่งกลางเซลล์ (equatorial plate) โครมาทิดหดสั้นมากที่สุด จึงสะดวกต่อการเคลื่อนที่ ของโครมาทิดมาก ระยะนี้เหมาะมากที่สุด ต่อการนับจำนวนโครโมโซม, จัดเรียงโครโมโซมเป็นคู่ๆ หรือที่เรียกว่าแครีโอไทป์ (karyotype) หรือเหมาะต่อการศึกษารูปร่าง ความผิดปกติ ของโครโมโซม ตอนปลายของระยะนี้ มีการแบ่งตัว ของเซนโทรเมียร์ ทำให้โครมาทิดพร้อมที่จะแยกจากกัน </p>\n<p><span style=\"color: #0000ff\"><strong>4. ระยะแอนาเฟส (anaphase)</strong> <br />\n</span> ระยะนี้ไมโทติก สปินเดิล หดสั้นเข้า ดึงให้โครมาทิดแยกตัวออกจากกัน แล้วโครมาทิด จะค่อยๆ เคลื่อนไปยังแต่ละขั้ว ของเซลล์ <br />\nโครโมโซม ในระยะนี้จะเพิ่มจาก 2n เป็น4n เป็นระยะเวลาที่ใช้สั้นที่สุด ระยะนี้จะเห็นโครโมโซม มีรูปร่างคล้ายอักษรตัววี (V), ตัวเจ (J) และตัวไอ (I) ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเซนโทรเมียร์ ว่าอยู่กึ่งกลางของโครโมโซม หรือค่อนข้างปลาย หรือเกือบปลายสุด </p>\n<p><span style=\"color: #0000ff\"><strong>5. ระยะเทโลเฟส (telophase)</strong></span> <br />\n เป็นระยะสุดท้ายของการแบ่งเซลล์ โดยโครมาทิดที่แยกออกจากกัน จะเรียกเป็น โครโมโซมลูก (daughter chromosome) ซึ่งจะไปรวมกลุ่มในแต่ละขั้วของเซลล์ มีการสร้างเยื่อหุ้มนิวเคลียส ล้อมรอบโครโมโซม และนิวคลีโอลัสปรากฏขึ้น ไมโทติก สปินเดิล สลายไป มีการแบ่งไซโทพลาสซึมออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. ในเซลล์สัตว์ จะเกิดโดย เยื่อหุ้มเซลล์จะคอดกิ่วจาก 2 ข้าง เข้าใจกลางเซลล์ จนเกิดเป็นเซลล์ 2 เซลล์ใหม 2. ในเซลล์พืช จะเกิดโดย กอลจิคอมเพลกซ์สร้างเซลลูโลส มาก่อตัวเป็นเซลล์เพลท (cell plate) หรือแผ่นกั้นเซลล์ ตรงกลางเซลล์ ขยายไป 2 ข้างของเซลล์ ซึ่งต่อมาเซลล์เพลท จะกลายเป็นส่วนของผนังเซลล์ ผลสุดท้าย จะได้เซลล์ใหม่ 2 เซลล์ ที่มีขนาดเท่ากันเสมอ โดยนิวเคลียสของเซลล์ใหม่ มีองค์ประกอบ และสมบัติเหมือนกัน และมีสภาพเหมือนกับนิวเคลียส ในระยะอินเตอร์เฟส ของเซลล์เริ่มต้น <span style=\"color: #000000\"> </span></p>\n<table width=\"600\" borderColor=\"#0000ff\" border=\"1\">\n<tbody>\n<tr>\n<td width=\"192\">\n<p align=\"center\">\n <span style=\"font-size: small\"><b><span style=\"color: #990000\">ระยะการแบ่ง</span></b> </span>\n </p>\n</td>\n<td width=\"392\">\n<p align=\"center\">\n <span style=\"font-size: small\"><b><span style=\"color: #990000\">การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ</span></b> </span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"192\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif; color: #990099\"><b><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #000080\"><span style=\"color: #993300\">อินเตอร์เฟส (Interphase)</span></span> </span></b></span>\n </p>\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif; color: #990099\"></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <img height=\"293\" width=\"389\" src=\"/files/u3080/inter.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 103px; height: 80px\" />\n </div>\n<p> \n </p>\n</td>\n<td width=\"392\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif\"> เพิ่มจำนวนโครโมโซม (Duplication) ขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง และติดกันอยู่ที่เซนโทรเมียร์ (1โครโมโซม มี 2โครมาทิด) มีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีมากที่สุด (metabolic stage) เซนตริโอ แบ่งเป็น 2 อัน ใช้เวลานานที่สุด , โครโมโซมมีความยาวมากที่สุด </span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"192\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif; color: #990099\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #000080\"><span style=\"color: #993300\">โพรเฟส (Prophase)</span></span></span> </strong></span>\n </p>\n<p align=\"center\">\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif; color: #990099\"><img height=\"354\" width=\"400\" src=\"/files/u3080/pro.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 104px; height: 84px\" /></span>\n </p>\n</td>\n<td width=\"392\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif\"> โครมาทิดหดสั้น ทำให้มองเห็นเป็นแท่งชัดเจน เยื่อหุ้มนิวเคลียส และนิวคลีโอลัสหายไป เซนตริโอลเคลื่อนไป 2 ข้างของเซลล์ และสร้างไมโทติก สปินเดิลไปเกาะที่เซนโทรเมียร์ ระยะนี้จึงมีเซนตริโอล 2 อัน </span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"192\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif; color: #990099\"><b><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #000080\"><span style=\"color: #993300\">เมตาเฟส (Metaphase)</span></span></span> </b></span>\n </p>\n<p align=\"center\">\n <span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #000000\"><strong><span style=\"color: #0000ff; font-size: medium\"><img height=\"460\" width=\"453\" src=\"/files/u3080/meta1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 105px; height: 82px\" /> </span></strong></span></span>\n </p>\n</td>\n<td width=\"392\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif\"> โครโมโซมเรียงตัวตามแนวกึ่งกลางของเซลล์เหมาะต่อการ นับโครโมโซม และศึกษารูปร่างโครงสร้างของโครโมโซม เซนโทรเมียร์จะแบ่งครึ่ง ทำให้โครมาทิดเริ่มแยกจากกัน โครโมโซมหดสั้นมากที่สุด สะดวกต่อการเคลื่อนที่ </span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"192\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif; color: #990099\"><b><span style=\"color: #000080\"><span style=\"color: #993300\">แอนาเฟส (Anaphase)</span></span> </b></span>\n </p>\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif; color: #990099\"></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <img height=\"372\" width=\"475\" src=\"/files/u3080/ana.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 104px; height: 78px\" /><atomicelement id=\"ms__id10880\"></atomicelement>\n </div>\n<p> \n </p>\n</td>\n<td width=\"392\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif\"> โครมาทิดถูกดึงแยกออกจากกัน กลายเป็นโครโมโซมอิสระ โครโมโซมภายในเซลล์เพิ่มเป็น 2 เท่าตัว หรือจาก 2n เป็น 4n (tetraploid) มองเห็นโครโมโซม มีรูปร่างคล้ายอักษรรูปตัว V , J , I ใช้เวลาสั้นที่สุด </span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"192\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif; color: #990099\"><b><span style=\"color: #000080\"><span style=\"color: #993300\">*เทโลเฟส (Telophase)</span></span></b></span>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <img height=\"406\" width=\"319\" src=\"/files/u3080/telo.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 105px; height: 81px\" />\n </div>\n</td>\n<td width=\"392\">\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif\">โครโมโซมลูก (daughter chromosome) จะไปรวมอยู่ขั้วตรงข้ามของเซลล์ เยื่อหุ้มนิวเคลียส และนิวคลีโอลัสเริ่มปรากฏ มีการแบ่งไซโทพลาสซึม เซลล์สัตว์ เยื่อหุ้มเซลล์คอดเข้าไปบริเวณกลางเซลล์ เซลล์พืช เกิดเซลล์เพลท (Cell plate) กั้นแนวกลางเซลล์ ขยายออกไปติดกับผนังเซลล์เดิม ได้ 2 เซลล์ใหม่ เซลล์ละ 2n เหมือนเดิมทุกประการ </span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n</tbody>\n</table>\n<p>\n<u>หมายเหตุ</u> ภาพการแบ่งเซลล์ปลายรากกระเทียม โดยครูลัมภู เขียวเหลือง กำลังขยาย 100 เท่า<br />\n* ภาพจากการแบ่งเซลล์ของละอองเรณูดอกว่านกาบหอย\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"14\" width=\"400\" src=\"/files/u3080/star02_yellow.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #000000\"></span></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p><span style=\"color: #800000\"><span style=\"font-size: small\"><strong><img height=\"50\" width=\"50\" src=\"/files/u3080/year_02.gif\" border=\"0\" /><span style=\"background-color: #00ffff\">การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส (meiosis)</span></strong></span><br />\n</span> การแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส เป็นการแบ่งเซลล์เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ของสัตว์ ซึ่งเกิดในวัยเจริญพันธุ์ ของสิ่งมีชีวิต โดยพบในอัณฑะ (testes), รังไข่ (ovary), และเป็นการแบ่ง เพื่อสร้างสปอร์ (spore) ในพืช ซึ่งพบในอับละอองเรณู (pollen sac) และอับสปอร์ (sporangium) หรือโคน (cone) หรือในออวุล (ovule) <br />\nมีการลดจำนวนชุดโครโมโซมจาก 2n เป็น n ซึ่งเป็นกลไกหนึ่ง ที่ช่วยให้จำนวนชุดโครโมโซมคงที่ ในแต่ละสปีชีส์ ไม่ว่าจะเป็นโครโมโซม ในรุ่นพ่อ - แม่ หรือรุ่นลูก - หลานก็ตาม มี 2 ขั้นตอน คือ <br />\n<span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #000080\"><br />\n<strong><span style=\"font-size: small\">1. ไมโอซิส I (Meiosis - I)</span></strong></span><strong> <br />\n</strong></span><strong><br />\n ไมโอซิส I (Meiosis - I) หรือ Reductional division</strong> ขั้นตอนนี้จะมีการแยก homologous chromosome ออกจากกันมี 5 ระยะย่อย คือ <br />\n <img height=\"76\" width=\"69\" src=\"/files/u3080/PLAMTREE.gif\" border=\"0\" style=\"width: 32px; height: 22px\" />Interphase- I<br />\n<span style=\"color: #000000\"> <img height=\"76\" width=\"69\" src=\"/files/u3080/PLAMTREE.gif\" border=\"0\" style=\"width: 32px; height: 22px\" /> Prophase - I <br />\n</span><span style=\"color: #000000\"> <img height=\"76\" width=\"69\" src=\"/files/u3080/PLAMTREE.gif\" border=\"0\" style=\"width: 32px; height: 22px\" /> Metaphase - I <br />\n <img height=\"76\" width=\"69\" src=\"/files/u3080/PLAMTREE.gif\" border=\"0\" style=\"width: 32px; height: 22px\" /> </span><span style=\"color: #000000\">Anaphase - I <br />\n <img height=\"76\" width=\"69\" src=\"/files/u3080/PLAMTREE.gif\" border=\"0\" style=\"width: 32px; height: 22px\" /> Telophase - I </span></p>\n<p><span style=\"color: #000080; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: small\">2. ไมโอซิส II (Meiosis - II)</span> <br />\n</strong></span> <strong> ไมโอซิส II (Meiosis - II) หรือ Equational division </strong>ขั้นตอนนี้จะมีการแยกโครมาทิด ออกจากกันมี 4 - 5 ระยะย่อย คือ <br />\n <img height=\"37\" width=\"41\" src=\"/files/u3080/FLOWER_2.gif\" border=\"0\" /> Interphase - II<br />\n <img height=\"37\" width=\"41\" src=\"/files/u3080/FLOWER_2.gif\" border=\"0\" /> Prophase - II<br />\n <img height=\"37\" width=\"41\" src=\"/files/u3080/FLOWER_2.gif\" border=\"0\" />Metaphase - II<br />\n <img height=\"37\" width=\"41\" src=\"/files/u3080/FLOWER_2.gif\" border=\"0\" />Anaphase - II<br />\n <img height=\"37\" width=\"41\" src=\"/files/u3080/FLOWER_2.gif\" border=\"0\" />Telophase - II <br />\n เมื่อสิ้นสุดการแบ่งจะได้ 4 เซลล์ที่มีโครโมโซมเซลล์ละ n (Haploid) ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของเซลล์ตั้งต้น และเซลล์ที่ได้เป็นผลลัพธ์ ไม่จำเป็นต้องมีขนาดเท่ากัน \n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span><span style=\"color: #000000\"><span style=\"color: #0000ff\"><strong>ขั้นตอนต่างๆของ Meiosis มีเหตุการณ์ ดังต่อไปนี้ <br />\n</strong></span></span>\n</p>\n<p><span style=\"color: #000000\"></span><span style=\"color: #000000\"></span><span style=\"color: #000000\"></span></p>\n<table width=\"600\" borderColorDark=\"#0000ff\" borderColorLight=\"#000099\" borderColor=\"#0000ff\" border=\"1\">\n<tbody>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p align=\"center\">\n <span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: medium\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"color: #800000\"><span style=\"font-size: medium\"><span style=\"color: #800080\"><b><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\">ระยะ</span></b> </span></span></span></span></span></span></span>\n </p>\n</td>\n<td width=\"411\">\n<p align=\"center\">\n <span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: medium\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: medium\"><span style=\"color: #800080\"><b><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><span style=\"color: #800000\">การเปลี่ยนแปลงสำคัญ</span></span></b> </span></span></span></span></span></span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <strong><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"font-size: medium\"><span style=\"color: #0000ff\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">อินเตอร์เฟส I</span></span></span></span></span></span> </span></strong>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <span style=\"font-size: small\"><img height=\"324\" width=\"320\" src=\"/files/u3080/in1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 112px; height: 82px\" /> </span>\n </div>\n</td>\n<td width=\"411\">\n<p>\n <span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><span style=\"font-size: medium\"><span style=\"font-size: small\">มีการสังเคราะห์ DNA อีก 1 เท่าตัว หรือมีการจำลองโครโมโซม อีก 1 ชุด และยังติดกันอยู่ ที่ปมเซนโทรเมียร์ ดังนั้น โครโมโซม 1 ท่อน จึงมี 2 โครมาทิด </span></span></span></span></span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #0000ff\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">โปรเฟส I</span></span></span></span></strong></span> </span>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <span style=\"font-size: small\"><img height=\"262\" width=\"264\" src=\"/files/u3080/p1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 111px; height: 84px\" /> </span>\n </div>\n</td>\n<td width=\"411\">เป็นระยะที่ใช้เวลานานที่สุด มีความสำคัญ ต่อการเกิดวิวัฒนาการ ของสิ่งมีชีวิตมากที่สุด เนื่องจากมีการแปรผัน ของยีนเกิดขึ้น โครโมโซมที่เป็นคู่กัน (Homologous Chromosome) จะมาเข้าคู่ และแนบชิดติดกัน เรียกว่า เกิดไซแนปซิส (Synapsis) ซึ่งคู่ของโฮโมโลกัส โครโมโซม ที่เกิดไซแนปซิสกันอยู่นั้น เรียกว่า ไบแวเลนท์ (bivalent) ซึ่งแต่ละไบแวเลนท์มี 4 โครมาทิดเรียกว่า เทแทรด (tetrad) ในคน มีโครโมโซม 23 คู่ จึงมี 23 ไบแวเลนท์ โฮโมโลกัส โครโมโซม ที่ไซแนปซิสกัน จะผละออกจากกัน บริเวณกลางๆ แต่ตอนปลาย ยังไขว้กันอยู่ เรียกว่า เกิดไคแอสมา (chiasma) มีการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนโครมาทิด ระหว่างโครโมโซมที่เป็นโฮโมโลกัสกัน กับบริเวณที่เกิดไคแอสมา เรียกว่า ครอสซิ่งโอเวอร์ (crossing over) หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลง ชิ้นส่วนของโครมาทิด ระหว่างโครโมโซม ที่ไม่เป็นโฮโมโลกัสกัน (nonhomhlogous chromosome) เรียกว่าทรานส-โลเคชัน (translocation) กรณีทั้งสอง ทำให้เกิดการผันแปรของยีน (geng variation) ซึ่งทำให้เกิดการแปรผัน ของลักษณะสิ่งมีชีวิต (variation) \n </td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #0000ff\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">เมตาเฟส I</span></span></span></span></strong></span> </span>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <span style=\"font-size: small\"><img height=\"250\" width=\"307\" src=\"/files/u3080/m1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 111px; height: 82px\" /> </span>\n </div>\n</td>\n<td width=\"411\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"> <span style=\"font-size: small\">ไบแวเลนท์จะมาเรียงตัวกัน อยู่ในแนวกึ่งกลางเซลล์ (โฮโมโลกัส โครโมโซม ยังอยู่กันเป็นคู่ๆ) <br />\n </span></span></span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #0000ff\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">แอนาเฟส I</span></span></span></span></strong></span> </span>\n </p>\n<p>\n <span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\"></span></span>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <span style=\"font-size: small\"><img height=\"306\" width=\"334\" src=\"/files/u3080/ana1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 109px; height: 85px\" /> </span>\n </div>\n<p> <span style=\"font-size: small\"> </span></p></td>\n<td width=\"411\">ไมโทติก สปินเดิล จะหดตัวดึงให้ โฮโมโลกัส โครโมโซม ผละแยกออกจากกัน จำนวนชุดโครโมโซมในเซลล์ ระยะนี้ยังคงเป็น 2n เหมือนเดิม (2n เป็น 2n) \n </td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #0000ff\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">ทีโลเฟส I</span></span></span></span></strong></span> </span>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <span style=\"font-size: small\"><img height=\"318\" width=\"394\" src=\"/files/u3080/t1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 113px; height: 86px\" /> </span>\n </div>\n</td>\n<td width=\"411\">โครโมโซมจะไปรวมอยู่ แต่ละขั้วของเซลล์ และในเซลล์บางชนิด ในระยะนี้ จะมีการสร้างเยื่อหุ้มนิวเคลียส มาล้อมรอบโครโมโซม และแบ่งไซโทพลาสซึม ออกเป็น 2 เซลล์ เซลล์ละ n แต่ในเซลล์บางชนิด จะไม่แบ่งไซโทพลาสซึม โดยจะมีการเปลี่ยนแปลง ของโครโมโซม เข้าสู่ระยะโพรเฟส II เลย \n </td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #ff0000\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">อินเตอร์เฟส II</span></span></span></span></strong></span> </span>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <span style=\"font-size: small\"> <img height=\"380\" width=\"375\" src=\"/files/u3080/in2.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 114px; height: 87px\" /> </span>\n </div>\n</td>\n<td width=\"411\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\">เป็นระยะพักตัว ซึ่งมีหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์ ไม่มีการสังเคราะห์ DNA หรือจำลองโครโมโซมแต่อย่างใด </span></span><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\"> </span></span></span></span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #ff0000\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">โปรเฟส II</span></span></span></span></strong></span> </span>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <span style=\"font-size: small\"><img height=\"343\" width=\"491\" src=\"/files/u3080/pro2.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 115px; height: 85px\" /> </span>\n </div>\n</td>\n<td width=\"411\">\n<p>\n <span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\">โครมาทิดจะหดสั้นมากขึ้น ทำให้เห็นแต่ละโครโมโซม มี 2 โครมาทิด ไม่มีการเกิดไซแนปซิส, ไคแอสมา, ครอสซิ่งโอเวอร์ แต่อย่างใด <br />\n </span></span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #ff0000\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">เมตาเฟส II</span></span></span></span></strong></span> </span>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <span style=\"font-size: small\"><img height=\"388\" width=\"458\" src=\"/files/u3080/m2.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 111px; height: 83px\" /> </span>\n </div>\n</td>\n<td width=\"411\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\">โครมาทิดมาเรียงตัว อยู่ในแนวกึ่งกลางเซลล์</span> </span><span style=\"font-size: x-small\"> </span></span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #ff0000\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">แอนาเฟส II</span></span></span></span></strong></span> </span>\n </p>\n<p align=\"center\">\n <span style=\"font-size: small\"><strong><img height=\"161\" width=\"213\" src=\"/files/u3080/ana2.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 110px; height: 84px\" /></strong> </span>\n </p>\n</td>\n<td width=\"411\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\">เกิดการแยกของโครมาทิด ที่อยู่ในโครโมโซมเดียวกัน ไปยังขั้วแต่ละข้างของเซลล์ ทำให้โครโมโซม เพิ่มจาก n เป็น 2n</span></span></span><span style=\"font-size: x-small\"> </span></span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"173\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"><strong><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"color: #ff0000\"><span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-size: x-small\">ทีโลเฟส II</span></span></span></span></strong></span> </span>\n </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n <span style=\"font-size: small\"><img height=\"379\" width=\"414\" src=\"/files/u3080/t2.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 111px; height: 85px\" /> </span>\n </div>\n</td>\n<td width=\"411\">\n<p>\n <span style=\"font-size: small\"><span style=\"font-family: MS Sans Serif; font-size: x-small\"> <span style=\"font-size: small\">มีการแบ่งไซโทพลาสซึม จนได้เซลล์ใหม่ 4 เซลล์ ซึ่งแต่ละเซลล์ มีโครโมโซม เป็น n ใน 4 เซลล์ที่เกิดขึ้นนั้น จะมียีนเหมือนกันอย่างละ 2 เซลล์ ถ้าไม่เกิดครอสซิ่งโอเวอร์ หรืออาจจะมียีนต่างกันทั้ง 4 เซลล์ ถ้าเกิดครอสซิ่งโอเวอร์<br />\n </span></span><span style=\"font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\"></span></span></span>\n </p>\n</td>\n</tr>\n</tbody>\n</table>\n<p></p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><u>หมายเหตุ</u> ภาพการแบ่งเซลล์ของละอองเรณูดอกว่านกาบหอย โดยครูลัมภู เขียวเหลือง กำลังขยาย 100 เท่า</span>\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p><span style=\"color: #000000\">ข้อเปรียบเทียบการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส </span><span style=\"color: #000000\"> </span><span style=\"color: #000000\"></span></p>\n<table width=\"608\" borderColor=\"#ff00ff\" border=\"1\">\n<tbody>\n<tr>\n<td width=\"283\">\n<p align=\"center\">\n ไมโทซิส\n </p>\n</td>\n<td width=\"309\">\n<p align=\"center\">\n ไมโอซิส\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"283\">\n<p>\n 1. โดยทั่วไป เป็นการแบ่งเซลล์ของร่างกาย เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ เพื่อการเจริญเติบโต หรือการสืบพันธุ์ ในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว\n </p>\n</td>\n<td width=\"309\">\n<p>\n 1. โดยทั่วไป เกิดกับเซลล์ ที่จะทำหน้าที่ ให้กำเนิดเซลล์สืบพันธุ์ จึงเป็นการแบ่งเซลล์ เพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"283\">\n<p>\n 2. เริ่มจาก 1 เซลล ์แบ่งครั้งเดียวได้เป็น 2 เซลล์ใหม่\n </p>\n</td>\n<td width=\"309\">\n<p>\n 2. เริ่มจาก 1 เซลล์ แบ่ง 2 ครั้ง ได้เป็น 4 เซลล์ใหม่\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"283\">\n<p>\n 3. เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้น 2 เซลล์ สามารถแบ่งตัวแบบไมโทซิสได้อีก\n </p>\n</td>\n<td width=\"309\">\n<p>\n 3. เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้น 4 เซลล์ ไม่สามารถแบ่งตัวแบบ<br />\n ไมโอซิสได้อีก แต่อาจแบ่งตัวแบบไมโทซิสได้\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"283\">\n<p>\n 4. การแบ่งแบบไมโทซิส จะเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ ระยะไซโกต และสืบเนื่องกันไปตลอดชีวิต\n </p>\n</td>\n<td width=\"309\">\n<p>\n 4. ส่วนใหญ่จะแบ่งไมโอซิส เมื่ออวัยวะสืบพันธุ์เจริญเต็มที่แล้ว หรือเกิดในไซโกต ของสาหร่าย และราบางชนิด\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"283\">\n<p>\n 5. จำนวนโครโมโซม หลังการแบ่งจะเท่าเดิม (2n) เพราะไม่มีการแยกคู่ ของโฮโมโลกัสโครโมโซม\n </p>\n</td>\n<td width=\"309\">\n<p>\n 5. จำนวนโครโมโซม จะลดลงครึ่งหนึ่งในระยะไมโอซิส เนื่องจากการแยกคู่ ของโฮโมโลกัสโครโมโซม ทำให้เซลล์ใหม่มีจำนวนโครโมโซมครึ่งหนึ่ง ของเซลล์เดิม (n)\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"283\">\n<p>\n 6. ไม่มีไซแนปซิส ไม่มีไคแอสมา และไม่มี<br />\n ครอสซิงโอเวอร์\n </p>\n</td>\n<td width=\"309\">\n<p>\n 6. เกิดไซแนปซิส ไคแอสมา และมักเกิดครอสซิงโอเวอร์\n </p>\n</td>\n</tr>\n<tr>\n<td width=\"283\">\n<p>\n 7. ลักษณะของสารพันธุ์กรรม (DNA) และโครโมโซมในเซลล์ใหม่ ทั้งสองจะเหมือนกันทุกประการ\n </p>\n</td>\n<td width=\"309\">\n<p>\n 7. ลักษณะของสารพันธุกรรม และโครโมโซมในเซลล์ใหม่ อาจเปลี่ยนแปลง และแตกต่างกัน ถ้าเกิดครอสซิงโอเวอร์\n </p>\n</td>\n</tr>\n</tbody>\n</table>\n<p> </p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"37\" width=\"491\" src=\"/files/u3080/flower_wind.gif\" border=\"0\" style=\"width: 491px; height: 29px\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"55\" width=\"180\" src=\"/files/u3080/3d_goodbye02_darkbg.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n<p></p>\n', created = 1714489960, expire = 1714576360, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:ede22ee7c922e37e722bf6bb9692f73f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
- user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d4cfb825ce87d1f7c181bfbca77f9d68' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
- user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff0000\"><strong>ห้ามลบ</strong> </span><span style=\"color: #0610f8\">ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.<br />\nหากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล<br />\nซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง</span> <br />\nครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล\n</p>\n<hr id=\"null\" />\n<span style=\"color: #000000\"><strong><span style=\"color: #0000ff; font-size: medium\">\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"86\" width=\"229\" src=\"/files/u3080/WELCOME5.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n<p>\n<img height=\"50\" width=\"50\" src=\"/files/u3080/pucca1.gif\" border=\"0\" style=\"width: 33px; height: 36px\" /><span style=\"background-color: #00ff00\">การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต</span></p></span></strong><br />\nสิ่งมีชีวิตต้องมีการแบ่งเซลล์ เพื่อ<br />\n1.เพิ่มจำนวนเซลล์ เมื่อมีการเจริญเติบโต<br />\n2.ทดแทนเซลล์เก่าที่ตายไป<br />\n3.เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์<br />\n</span>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">การแบ่งเซลล์ ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ<br />\n1.การแบ่งนิวเคลียส (karyokinesis)<br />\n2.การแบ่งไซโทพลาสซึม (cytokinesis)<br />\n</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">การแบ่งนิวเคลียส แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ<br />\n1.การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิส (mitosis)<br />\n2.การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโอซิส (meiosis)</span>\n</p>\n<p><span style=\"color: #000000\"><strong><span style=\"color: #800000; font-size: x-small\"><span style=\"font-size: small\"><img height=\"35\" width=\"40\" src=\"/files/u3080/42158.gif\" border=\"0\" style=\"width: 31px; height: 27px\" /><span style=\"background-color: #00ffff\">การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (mitosis)</span><img height=\"35\" width=\"40\" src=\"/files/u3080/42158.gif\" border=\"0\" style=\"width: 31px; height: 27px\" /></span></span></strong><br />\n <br />\n</span><span style=\"color: #000000\"> การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เป็นการแบ่งเซลล์ เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ของร่างกาย ในการเจริญเติบโต ในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ หรือในการแบ่งเซลล์ เพื่อการสืบพันธุ์ ในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว และหลายเซลล์บางชนิด เช่น พืช <br />\n<img src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-smile.gif\" alt=\"Smile\" border=\"0\" title=\"Smile\" />ไม่มีการลดจำนวนชุดโครโมโซม (2n ไป 2n หรือ n ไป n ) <br />\n<img src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-smile.gif\" alt=\"Smile\" border=\"0\" title=\"Smile\" />เมื่อสิ้นสุดการแบ่งเซลล์จะได้ 2 เซลล์ใหม่ที่มีโครโมโซมเท่าๆ กัน และเท่ากับเซลล์ตั้งต้น <br />\n<img src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-smile.gif\" alt=\"Smile\" border=\"0\" title=\"Smile\" />พบที่เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด, ปลายราก, แคมเบียม ของพืชหรือเนื้อเยื่อบุผิว, ไขกระดูกในสัตว์, การสร้างสเปิร์ม และไข่ของพืช <br />\n<img src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-smile.gif\" alt=\"Smile\" border=\"0\" title=\"Smile\" />มี 5 ระยะ คือ อินเตอร์เฟส (interphase), โพรเฟส (prophase), เมทาเฟส (metaphase), แอนาเฟส (anaphase) และเทโลเฟส (telophase)</span></p>\n', created = 1714489960, expire = 1714576360, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d4cfb825ce87d1f7c181bfbca77f9d68' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
เมื่อ จันทร์, 03/11/2008 - 02:31 | แก้ไขล่าสุด พุธ, 22/09/2010 - 10:34| โดย 
lamphu
ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
การแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิตต้องมีการแบ่งเซลล์ เพื่อ
1.เพิ่มจำนวนเซลล์ เมื่อมีการเจริญเติบโต
2.ทดแทนเซลล์เก่าที่ตายไป
3.เมื่อมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์
การแบ่งเซลล์ ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ
1.การแบ่งนิวเคลียส (karyokinesis)
2.การแบ่งไซโทพลาสซึม (cytokinesis)
การแบ่งนิวเคลียส แบ่งออกได้เป็น 2 แบบ คือ
1.การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโทซิส (mitosis)
2.การแบ่งนิวเคลียสแบบไมโอซิส (meiosis)
การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส (mitosis)
การแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เป็นการแบ่งเซลล์ เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ของร่างกาย ในการเจริญเติบโต ในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ หรือในการแบ่งเซลล์ เพื่อการสืบพันธุ์ ในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว และหลายเซลล์บางชนิด เช่น พืช
ไม่มีการลดจำนวนชุดโครโมโซม (2n ไป 2n หรือ n ไป n )
เมื่อสิ้นสุดการแบ่งเซลล์จะได้ 2 เซลล์ใหม่ที่มีโครโมโซมเท่าๆ กัน และเท่ากับเซลล์ตั้งต้น
พบที่เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด, ปลายราก, แคมเบียม ของพืชหรือเนื้อเยื่อบุผิว, ไขกระดูกในสัตว์, การสร้างสเปิร์ม และไข่ของพืช
มี 5 ระยะ คือ อินเตอร์เฟส (interphase), โพรเฟส (prophase), เมทาเฟส (metaphase), แอนาเฟส (anaphase) และเทโลเฟส (telophase)
สร้างโดย:
ครูลัมภู เขียวเหลือง
แหล่งอ้างอิง:
http://www.cil.th.gs/web-c/il/e-learning-cell4.html 
ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น | 
อ่าน 78759 ครั้ง | 
Tags: ช่วงชั้น 2 (ป.4-6), วิทยาศาสตร์, ช่วงชั้น 3 (ม.1-3), ช่วงชั้น 4 (ม.4-6), เนื้อหาแนะนำ
ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง
ช่วยกันนะครับ
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ
ไม่ถูกปิดเสียก่อน
ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ
ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
มีผลบังคับใช้แล้ว
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ
สมาชิกที่ออนไลน์
ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 430 คน กำลังออนไลน์
