• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:a20d6fcebbdee482ddcd347e10185a6a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff0000\"><b>ห้ามลบ</b> </span><span style=\"color: #0610f8\">ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.<br />\nหากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล<br />\nซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง</span> <br />\nครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล\n</p>\n<hr id=\"null\" />\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u2604/atoon57.jpg\" style=\"width: 59px; height: 107px\" border=\"0\" width=\"171\" height=\"257\" />\n</p>\n<p>\nในพระไตรปิฏกสูตรว่าด้วยสิงคาลกมาณพ  ว่าพระผู้มีพระภาคประทับ  ณ เวฬุวัน  (ป่าไผ่)   ใกล้กรุงราชคฤห์    เช้าวันหนึ่งเสด็จสู่กรุงราชคฤห์  เพื่อบิณฑบาต  ได้ทอดพระเนตรเห็นสิงคาลกมานพ   มีผ้าเปียก   มีผมเปียกไหว้ทิศทั้ง   ๖  อยู่  ตรัสถามทราบว่าเป็นการทำตามคำสั่งของบิดา  จึงตรัสว่า  ในอริยวินัยไม่พึงไหว้ทิศแบบนี้  เมื่อมาณพกราบทูลถามว่าพึงไหว้อย่างไร  จึงตรัสแสดงธรรมเป็นลำดับว่าให้ปฏิบัติตามทิศ  ๖  อันได้แก่<br />\n๑.  ปุรัตถิมทิศ  (ทิศเบื้องหน้า)  คือ  ทิศตะวันออก  ได้แก่  มารดา  บิดา  เพราะเป็นผู้มีอุปการะแก่เรามาก่อน<br />\n๒. ทักษิณทิศ  (ทิศเบื้องขวา)  คือ  ทิศใต้  ได้แก่  ครูอาจารย์  เพราะเป็นบุคคลควรแก่การบูชาคุณ<br />\n๓.  ปัจฉิมทิศ (ทิศเบื้องหลัง)  คือ  ตะวันตก  ได้แก่  บุตร  ภรรยา  เพราะติดตามเป็นกำลังสนับสนุนอยู่ข้างหลัง<br />\n๔. อุตตราทิศ (ทิศเบื้องซ้าย)  คือ ทิศเหนือ  ได้แก่  มิตรสหาย  เพราะเป็นผู้<br />\nช่วยให้ข้ามพ้นอุปสรรคภัยอันตราย  และเป็นกำลังสนับสนุนให้บรรลุผลสำเร็จ<br />\n๕. เหฏฐิมทิศ (ทิศเบื้องล่าง)  ได้แก่  คนรับใช้  คนงาน  เพราะเป็นผู้ช่วยทำ<br />\nการงานต่าง ๆ เป็นฐานกำลังให้<br />\n๖. อุปริมทิศ  (ทิศเบื้องบน) ได้แก่  สมณพราหมณ์  คือ พระสงฆ์<br />\nเพราะเป็นผู้สูงด้วยธรรม และเป็นผู้นำทางจิตใจ\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u2604/gtj10.jpg\" style=\"width: 89px; height: 83px\" border=\"0\" width=\"195\" height=\"185\" />  \n</p>\n<p align=\"center\">\n<b><span style=\"color: #ff00ff\">ทิศ ๖</span></b>\n</p>\n<p>\n<br />\n<b><span style=\"color: #ff0000\">ทิศเบื้องหน้า</span></b>\n</p>\n<p>\n<br />\nทิศเบื้องหน้า  คือ  บิดา  มารดา    พระพุทธองค์ท่านตรัสสอนว่า  บุตรและธิดาทั้งหลายต้องมีกตัญญุตา  คือ  รู้คุณท่าน  บำรุงพระคุณของท่านให้มีความเจริญ  และต้องมีกตเวทิตา  คือ  ตอบแทนระคุณของท่าน  โดยเลี้ยงดูอุปการะท่านให้มีความสุข  ทั้งสามารถรักษาทรัพย์ทั้งหลายที่ท่านได้ให้ไว้ไม่ให้สูญไป  หรือ  ทำให้ทรัพย์ที่ท่านให้ไว้ได้เกิดประโยชน์งอกงามมีผลกำไร  และดำรงยศศักดิ์สกุลวงศ์ของท่านให้เจริญรุ่งเรืองในทางที่ดี  เมื่อท่านถึงแก่กรรมไปแล้วควรหมั่นบำเพ็ญกุศลให้ถึงท่านเป็นประจำ<br />\nก. บุตรธิดาพึงบำรุงมารดา บิดา  ผู้เป็นทิศเบื้องหน้า  ดังนี้<br />\n๑) ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว  เลี้ยงท่านตอบ<br />\n๒) ช่วยทำการงานของท่าน<br />\n๓) ดำรงวงศ์สกุล<br />\n๔) ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท<br />\n๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว  ทำบุญอุทิศให้ท่าน<br />\nข. บิดามารดาย่อมอนุเคราะห์บุตรธิดา  ดังนี้<br />\n๑) ห้ามปรามจากความชั่ว<br />\n๒) ให้ตั้งอยู่ในความดี<br />\n๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา<br />\n๔) หาคู่ครองที่สมควรให้<br />\n๕) มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันสมควร<br />\n<b>ทิศเบื้องหน้า<br />\n</b>                มีบุพการี         ที่ควรบูชา<br />\nด้วยกตเวทิตา        มากล้นหฤทัย<br />\nและด้วยกตัญญู     รู้คุณท่านให้ได้<br />\nด้วยรักและอภัย      ตลอดชีวิตนิจกาล\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u2604/cartoon177.jpg\" style=\"width: 75px; height: 98px\" border=\"0\" width=\"375\" height=\"500\" />\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #ff0000\"><b><span style=\"color: #ff00ff\">ทิศเบื้องขวา</span></b></span>\n</p>\n<p>\n<br />\nทิศเบื้องขวา  คือ  คุณอาจารย์  และคุณครูทั้งหลาย  ศิษย์ที่ดีพึงบำรุงท่านให้มีความสุขด้วยความเคารพและนอบน้อม  หมั่นเข้าพบท่านเพื่อรับใช้ด้วยความสุภาพสำรวมให้ท่านรักและเมตตา  เมื่อท่านอบรมสั่งสอนสิ่งใดก็น้อมสมใจ เอาใจใส่จำและรับมาปฏิบัติให้เกิดผล  ทั้งเรียนศิลปวิทยาทั้งหลายด้วยความสุจริต  ด้วยความเคารพ  ไม่ดูแคลนในสภาพชีวิต  ความเป็นอยู่และฐานะของครู<br />\nส่วนครู  และอาจารย์ท่านให้เมตตาต่อศิษย์ด้วยคำแนะนำและสั่งสอนในทางที่ดี  ก่อประโยชน์  ให้การศึกษาดี  บอกศิลปวิทยาให้รู้โดยไม่ล่วงและ<br />\nไม่ปิดบัง  เมื่อศิษย์เรียนดีมีฝีมือก็พึงยินดียกย่องให้มีชื่อเสียงดีงามเป็นที่ปรากฏต่อโลก  ทั้งอภิบาลรักษาศิษย์ไม่ให้ตกอยู่ในโทษใด ๆ<br />\nก. ศิษย์พึงบำรุงครูอาจารย์  ผู้เป็นทิศเบื้องขวา  ดังนี้<br />\n๑) ลุกต้อนรับ<br />\n๒) เข้าไปหา  (เพื่อบำรุง  คอยรับใช้  ปรึกษา  ซักถาม   และรับคำแนะนำ เป็นต้น)<br />\n๓) ใฝ่ใจเรียน  (คือ  มีใจรัก  เรียนด้วยศรัทธา  และรู้จักฟังให้เกิดปัญญา)<br />\n๔) ปรนนิบัติ  ช่วยบริการ<br />\n๕) เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ (คือ เอาจริงเอาจัง  ถือเป็นกิจสำคัญ)<br />\nทิศเบื้องขวา<br />\nมีพลังครู         โปรดอยู่อภิบาล<br />\nวิชชาความชำนาญ    แรงพลังบารมี<br />\nฝีมือความสามารถ     ฉลาดในพิธี<br />\nผลงานเจริญศรี        เสน่ห์แรงวโรดม\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u2604/jaojuk1.jpg\" border=\"0\" width=\"74\" height=\"102\" />\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"color: #ff00ff\">ทิศเบื้องหลัง</span></b>\n</p>\n<p>\n<br />\nทิศเบื้องหลัง  คือ  ครอบครัว  มีสามี  ภริยา  บุตร  และธิดา  ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องยกย่องภริยาให้สังคมได้รู้จักทั้งมีความเคารพนับถือภริยา  ไม่ดูหมิ่นภริยาไม่ล่วงเกินบุพการีของภริยา  ทั้งเพิ่มพูนความรักโดยเฉพาะสำหรับภริยา  ให้ภริยาเห็นได้ชัดเจนโดยไม่เคลือบแคลง  ทั้งให้ภริยามียศศักดิ์  มีความเป็นใหญ่ในครอบครัว  และอภินันทนาการของขวัญสวยงามที่มีราคมเช่นเครื่องแต่งตัวสำหรับภริยาตามสมควรแก่วาระ  และโอกาส  ด้วยความรักและเมตตาโดยไม่มีความเบื่อตลอดชีวิต<br />\nภาระอุปการะบุตรและธิดานั้น  ท่านสอนให้ประพฤติสร้างสมความดี  ให้หมั่นศึกษาวิชา  และศิลปะวิทยา  ให้สมบัติที่เหมาะสมกับอารมณ์และอุปนิสัยของบุตรและธิดา  เพื่อให้บุตรและธิดามีความรักที่จะรักษาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไว้ได้โดยง่าย  เมื่อถึงวัยที่จะมีคู่ก็อบรมปลูกอุปนิสัยให้เลือกคู่ครองที่มีความเหมาะสมทั้งชาติตระกูล  และความประพฤติไม่เป็นที่น่ารังเกียจ<br />\nทางฝ่ายภริยา  ท่านสอนให้ปฏิบัติบำรุงสามีให้มีความสุขโดยจัดระเบียบการงานบ้านเรือนที่อยู่ให้สวยงามน่ารื่นรมย์  มีความเอื้อเฟื้อเมตตาพระคุณทั้งหลายที่ได้กรุณาสามี  มีความขยันกิจการทั้งหลายให้เกิดผลสำเร็จดีงามในทันทีโดยไม่ทิ้งค้างไว้  และด้วยความแคล่วคล่องเรียบร้อย  มีความสุจริตรักษาทรัพย์สมบัติของสามีและที่สามีให้ไว้ให้อยู่ในสภาพดีโดยไม่น่าไปสร้างหนี้<br />\nก. สามีพึงบำรุงภรรยา  ผู้เป็นทิศเบื้องหลัง  ดังนี้<br />\n๑) ยกย่องให้เกียรติสมกับฐานะที่เป็นภรรยา<br />\n๒) ไม่ดูหมิ่น<br />\n๓) ไม่นอกใจ<br />\n๔) มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้านให้<br />\n๕) หาเครื่องประดับมาให้เป็นของขวัญตามโอกาส<br />\nข. ภรรยาย่อมอนุเคราะห์สามี   ดังนี้<br />\n๑) จัดงานบ้านให้เรียบร้อย<br />\n๒) สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี<br />\n๓) ไม่นอกใจ<br />\n๔) รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้<br />\n๕) ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง\n</p>\n<p>\nทิศเบื้องหลัง<br />\nมีครอบครัวพร้อมหน้า ภริยาเหมาะสม<br />\nธิดาสวยน่าชม ทั้งบุตรมีสีลมัย<br />\nความดีงามเด่น ใครเห็นประทับใจ<br />\nสรรเสริญเลื่อมใส ด้วยเห็นแจ้งประจักษ์จริง\n</p>\n<p>\nทิศเบื้องซ้าย<br />\nทิศที่  ๔  ทิศเบื้องซ้าย  คือ  เพื่อนและมิตรทั้งหลาย  ท่านสอนว่าควรบำรุงมิตรให้มีความสุขด้วยวาจา  และด้วยความไพเราะนุ่มนวลประกอบด้วยความจริงใจ  ไม่มีเล่ห์  และด้วยความประพฤติที่งาม  เป็นกุศลในความสัมพันธ์  สิ่งใดที่ทำเป็นการเอื้อประโยชน์แต่มิตรก็จงทำ  ทั้งไม่ใส่ร้ายต่อมิตร  และไม่แกล้งมิตร  ทั้งพร้อมเสมอที่จะได้ช่วยมิตรให้พ้นจากความประมาท  แต่ถ้ามิตรพลั้งเผลอก็ช่วยดูแลไม่ให้ใครมาทุจริตต่อสมบัติของมิตร  และสามารถเป็นที่พึ่งของมิตรได้เป็นอย่างดี  ทั้งให้ความเคารพนับถือสกุลวงศ์ของมิตร  ไม่ดูแคลนในฐานะของมิตร  รวมถึงไม่ข่มมิตรด้อยกว่าตน<br />\nก. บุคคลพึงบำรุงมิตรสหาย  ผู้เป็นทิศเบื้องซ้าย  ดังนี้<br />\n๑) เผื่อแผ่แบ่งปัน<br />\n๒) พูดจามีน้ำใจ<br />\n๓) ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน<br />\n๔) มีตนเสมอ  ร่วมสุขร่วมทุกข์กัน<br />\n๕) ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน<br />\nข. มิตรสหายย่อมอนุเคราะห์ตอบ  ดังนี้<br />\n๑) เมื่อเพื่อนประมาท  ช่วยรักษาป้องกัน<br />\n๒) เมื่อเพื่อนประมาท  ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน<br />\n๓) ในคราวมีภัย  เป็นที่พึ่งได้<br />\n๔) ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก<br />\n๕) นับถือตลอดถึงวงศ์ญาติของมิตร<br />\nทิศเบื้องซ้าย<br />\nมีกัลยาณมิตร        สุจริตครบสิ่ง<br />\nน้ำใจเป็นยอดยิ่ง    น่ารักมหัศจรรย์<br />\nเอื้อเฟื้อสารพัด      เลิศสัตย์ในสัมพันธ์<br />\nด้วยความหฤหรรษ์ แสนสนุกในไมตรี\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u2604/gtj04.jpg\" style=\"width: 46px; height: 71px\" border=\"0\" width=\"134\" height=\"225\" />\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"color: #ff00ff\">ทิศเบื้องบน</span></b>\n</p>\n<p>\n<br />\nทิศเบื้องบน  คือ  สมณพราหมณ์รวมถึงผู้มีศีลทั้งหลาย  ท่านสอนให้คนดีทั้งหลายได้ปฏิบัติรักษาพระคุณของท่านด้วยความเมตตาเปี่ยมอภัยในกรรมและผล  ไม่กล่าวโทษไม่กล่าวร้ายใด  ๆ  สำหรับท่าน  แม้แต่บาปสนองก็มิให้พึงมี  เมื่อท่านมาถึงก็ให้ต้อนรับด้วยวรามิสทาน  เช่น  เงินทอง  สิ่งของเครื่องอุปโภค  บริโภคล้วนเป็นของดีมีราคา  พร้อมน้ำใจไมตรีมีความเคารพนอบน้อมแสดงให้เห็นถึงความปิติที่ได้พบท่าน  และเมื่อท่านได้กล่าวสิ่งใดเป็นบุญก็ให้รับไว้ด้วยความศรัทธา<br />\nส่วนทางสมณพราหมณ์  ท่านสอนว่าให้สอนญาติโยมทั้งหลายให้ตั้งอยู่ในความดี  มีน้ำใจดีงามตอบต่อความศรัทธา  และไมตรีของญาติโยมทั้งหลาย  เมื่อสนทนาก็กล่าวถึงสิ่งที่น่าสนใจที่เป็นเรื่องจริง  หรืออิงปรัชญา  ทำให้บุญเกิดเป็นผลดีจริง  ทั้งไม่มีการปด  และไม่มีความเท็จ<br />\nหน้าที่ของพราหมณ์ทั้งหลายท่านมีหน้าที่บอกทางสวรรค์และบอกผลา-<br />\nนิสงศ์สำหรับญาติและโยมทั้งหลายด้วยสัจจะสุจริต  โดยไม่ล่วงและไม่หลอก<br />\nก. คฤหัสถ์ย่อมบำรุงพระสงฆ์  ผู้เป็นทิศเบื้องบน  ดังนี้<br />\n๑) จะทำสิ่งใด  ก็ทำด้วยเมตตา<br />\n๒) จะพูดสิ่งใด  ก็พูดด้วยเมตตา<br />\n๓) จะคิดสิ่งใด  ก็คิดด้วยเมตตา<br />\n๔) ต้อนรับด้วยความเต็มใจ<br />\n๕) อุปถัมภ์ด้วยปัจจัย  ๔<br />\nข. พระสงฆ์ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์  ดังนี้<br />\n๑) ห้ามปรามจากความชั่ว<br />\n๒) ให้ตั้งอยู่ในความดี<br />\n๓) อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี<br />\n๔) ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง<br />\n๕) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง<br />\n๖) บอกทางสวรรค์คือทางชีวิตที่มีความสุขความเจริญได้<br />\nทิศเบื้องบน<br />\nมีสมณพราหมณ์ อธินามบารมี<br />\nสัมฤทธิ์ความโชคดี มากหลายยิ่งกว่าเดิม<br />\nผลานิสงส์ได้เกิด เป็นเลิศทั้งบุญเพิ่ม<br />\nเทวโลกส่งเสริม ให้สมหวังบริบูรณ์\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"color: #ff00ff\">ทิศเบื้องล่าง</span></b>\n</p>\n<p>\n<br />\nทิศเบื้องล่าง  คือ  คนทำงาน  หรือคนรับใช้  ท่านสอนว่าผู้เป็นนายทั้งชายหรือหญิงต้องจัดงานให้ทำตามความเหมาะสม  ให้อาหาร  ที่อยู่  เครื่องใช้  รายได้  ยา  เครื่องอุปโภคบริโภค  และให้บางสิ่งบางอย่างที่ดีงามเป็นของแปลกที่พวกเขาหรือไม่เคยได้มาก่อน  ให้ทั้งเวลาที่พวกเขาจะได้พักผ่อน  และให้อิสรภาพในการที่เขาจะไปไหนมาไหมได้ตามวันและเวลาที่กำหนดตกลงกันไว้<br />\nส่วนคนงานและคนรับใช้  ท่านให้บำรุงนายด้วยความขยัน  ตื่นก่อนนาย  นอนทีหลังนาย  ประพฤติสุจริต  ไม่เป็นขโมย  นำคุณของนายไปสรรเสริญด้วยความเคารพและพัฒนาทางแรงงานฝีมือความสามารถให้เป็นไปในทางที่ดีกว่าเดิม<br />\nก. นายพึงบำรุงคนรับใช้และคนงาน ผู้เป็นทิศเบื้องล่าง  ดังนี้<br />\n๑) จัดการงานให้ทำตามความเหมาะสมกับกำลังความสามารถ<br />\n๒) ให้ค่าจ้างรางวัลสมควรแก่งานและความเป็นอยู่<br />\n๓) จัดสวัสดิการดี  มีช่วยรักษายาบาลในยามเจ็บไข้  เป็นต้น<br />\n๔) ได้ของแปลก ๆ พิเศษมา  ก็แบ่งปันให้<br />\n๕) ให้มีวันหยุดและพักผ่อนหย่อนใจตามโอกาสอันควร<br />\nข. คนรับใช้และคนงานย่อมอนุเคราะห์นาย  ดังนี้<br />\n๑) เริ่มทำการงานก่อนนาย<br />\n๒) เลิกงานทีหลังนาย<br />\n๓) ถือเอาแต่ของที่นายให้<br />\n๔) ทำการงานให้เรียบร้อยและดียิ่งขึ้น<br />\n๕) นำเกียรติคุณของนายไปเผยแพร่<br />\nทิศเบื้องล่าง<br />\nมีคุณบริวาร       ทำงานไม่เคยสูญ<br />\nน้ำใจมีเกื้อกูล    ปฏิบัติกตัญญู<br />\nเลิศสัตย์สุจริต   เป็นทั้งมิตรเคียงคู่<br />\nใครเห็นและได้รู้ สดุดีว่ามีบุญ\n</p>\n<p align=\"center\">\n<br />\n<b><span style=\"color: #ff00ff\">ความสำคัญของทิศทั้ง  ๖</span></b>\n</p>\n<p>\n<b><span style=\"color: #ff00ff\"></span></b>\n</p>\n<p>\nหน้าที่สำคัญของทิศทั้ง  ๖  ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้โดยย่อมีอยู่  ๓  เรื่องใหญ่  ๆ <br />\n๑. เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังนิสัยใจคอ<br />\nนิสัยของคนเรานั้นได้มาจากทิศ  ๖  ซึ่งเมื่อสรุปแล้วจะเหลือแค่  บ้าน  วัด  โรงเรียนนี่เอง  ไม่ใช่ตกลงมาจากสวรรค์  ไม่ใช่หลั่งไหลมาเองเหมือนอย่างกับน้ำฝนบนท้องฟ้า<br />\nคือตอนเล็ก  ๆ  เราก็ได้คุณพ่อคุณแม่  ครูบาอาจารย์  ลุงป้าน้าอา  หลวงปู่  หลวงพ่อ  ช่วยกันอบรมให้จนกระทั่งกลายมาเป็นนิสัยใจคอของเรา<br />\nส่วนว่าท่านจะอบรมได้ดีขนาดไหน  ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล  เพราะไม่มีใครจะอบรมบ่มนิสัยใจคอ  หรือคุณงามความดี  ให้กับผู้อื่นได้มากกว่าที่ตัวเองมีอยู่  เพราะฉะนั้น  ท่านมีสติปัญญาเท่าไร  ท่านก็อบรมให้เราได้เท่านั้น<br />\nยกตัวอย่าง  เวลาลูกกินข้าวแล้วไม่ล้างจาน  คุณแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไร  เดี๋ยวจะให้คนรับใช้เอาไปล้าง  นั่นเริ่มเพาะนิสัยไม่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองให้ลูกแล้ว<br />\nเด็กคนนี้พอโตขึ้นมาก็เลยรับผิดชอบอะไรไม่เป็น  แล้วอย่างนี้จะหวังให้มารับผิดชอบวงศ์ตระกูล  หวังจะให้รับผิดชอบต่อทรัพย์สมบัติ  เขาจะไปรับผิดชอบได้อย่างไร  ในเมื่อแค่จานข้าวที่ตัวเองกินก็ยังไม่ล้างเลย<br />\n๒. เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดี<br />\nทิศ  ๖  เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดี  หรือความรู้  ความสามารถและคุณธรรมประจำใจ  แต่ว่าอย่างเอาเรื่องของนิสัยใจคอ  กับความเก่งความดีมาปนกัน<br />\nเพราะไม่ว่าใครจะเป็นคนหยาบ  เป็นคนละเอียด  เป็นคนทำอะไรประณีต  เป็นคนทำอะไรทิ้ง ๆ ขว้าง  ๆ  ก็ตาม  นั่นเป็นนิสัยไม่ดีเกี่ยวกับความรู้  ความสามารถ  ยังไม่เกี่ยวกังเรื่องว่าดีหรือเลว<br />\nความรู้ความสามารถตลอดจนความเก่งความดีของมนุษย์  ก็ได้มาจากทิศ  ๖  อีกเหมือนกัน  อย่าคิดว่าเก่งได้ด้วยตัวเอง  ถ้าใครคิดอย่างนั้นแสดงว่าเป็นคนเนรคุณ  ทั้งต่อพ่อแม่และครูบาอาจารย์ทีเดียว<br />\nเพราะว่าคุณพ่อคุณแม่จะอบรมเลี้ยงดูมาก็แทบแย่  กว่าครูบาอาจารย์จะเคี่ยวเข็ญสั่งสอนมาก็แทบแย่  แต่พอโตขึ้นมาเป็นคนที่มีทั้งความรู้ความสามารถ  กลับบอกว่าคนนั้นเก่งได้ด้วยตัวเอง<br />\nเมื่อทิศ ๖  เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดีให้กับเราอย่างนี้  เพราะฉะนั้น  เวลาประสบความสำเร็จในเรื่องอะไรก็ตาม  นึกถึงพระคุณทิศ  ๖  ของเราด้วย<br />\nเช่นเวลากีฬาชนะ  ก็ให้หันหน้าไปทางทิศที่คุณพ่อคุณแม่ของเรอยู่  แล้วกราบท่านสักทีหนึ่ง  โรงเรียนของเราอยู่ทิศไหน  หันหน้าไปทางทิศนั้น  กราบครูบาอาจารย์สักทีหนึ่งแล้วหลวงปู่  หลวงพ่อ  ที่เราเคารพนับถือท่านอยู่ทิศไหน  กราบไปทางทิศนั้นสักทีหนึ่ง  แล้วจะมีแต่ความสุขความเจริญ<br />\nไม่ใช่ไปกระโดดโลดเต้น  ร้องกรี๊ด  ๆ  ดีใจ  อย่างนั้น      \n</p>\n<p>\n๓. เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความสุขความเจริญ<br />\nทิศ  ๖  เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความสุขความเจริญของคนในสังคม  ทั้งชาตินี้และชาติหน้า  ไม่ใช่เพียงเฉพาะของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น<br />\nเพราะจากนิสัยใจคอ  จากความเก่งความดีที่มีอยู่นั่นเอง  ทำให้คน ๆ นั้น  คิด  พูด  ทำ  ในทางที่ดี  ในสิ่งที่ถูก  จึงกลายเป็นความสุขความเจริญ  ทั้งชาตินี้และชาติหน้า<br />\nแต่ถ้าเขาเอาไป  คิด  พูด  ทำ  ในทางไม่ดี  ในสิ่งที่ผิด  ก็จะกลายเป็นความทุกข์ความเสื่อม  ทั้งชาตินี้และชาติหน้าอีกเหมือนกัน\n</p>\n<p>\n<br />\nแหล่งข้อมูล <br />\nเทพปริยัติโมลี,พระ.  ศีล ๕ หน้าที่  ๖.  พิมพ์ครั้งที่  ๒. กาญจนบุรี : สำนักพิมพ์<br />\nธรรมเมธี : สหายพัฒนาการพิมพ์,  ๒๕๔๗.<br />\nเทพเวที,พระ.  พจนานุกรมพุทธศาสตร์  ฉบับประชาชน.  กรุงเทพมหานคร : <br />\nมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๕.\n</p>\n<p>\nภาวนาวิริยคุณ,พระ. ทิศ ๖. เข้าถึงได้จากเว็บไซด์   <a href=\"http://www.kalyanamitra.org/\">WWW.kalyanamitra.org</a><br />\nมหามกุฏราชวิทยาลัย,วิทยาลัย.  พระไตรปิฎก  ฉบับประชาชน.  กรุงเทพมหานคร : <br />\nมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๔.<br />\nวชิรญาณวโรรส,สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา. นวโกวาท.  นครปฐม : <br />\nมหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๔.<br />\nศูนย์พระสงฆ์นักเผยแพร่ธรรมเพื่อพัฒนาสังคม.  คู่มือธรรมศึกษา.  กรุงเทพมหานคร : <br />\nม.ป.ท., ๒๕๔๙.\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1714246238, expire = 1714332638, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:a20d6fcebbdee482ddcd347e10185a6a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ทิศ 6

รูปภาพของ ubon03

ห้ามลบ ขอให้เจ้าของผลงานประกวด แก้ไขข้อมูลได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เวลา 23.30 น.
หากเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ท่านเข้ามาแก้ไขข้อมูล ถือว่าโมฆะในการพิจารณาได้รับรางวัล
ซึ่งระบบของ Thaigoodview สามารถตรวจสอบได้ว่า ผลงานแต่ละชิ้น มีการแก้ไขเวลาใดบ้าง

ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล


ในพระไตรปิฏกสูตรว่าด้วยสิงคาลกมาณพ  ว่าพระผู้มีพระภาคประทับ  ณ เวฬุวัน  (ป่าไผ่)   ใกล้กรุงราชคฤห์    เช้าวันหนึ่งเสด็จสู่กรุงราชคฤห์  เพื่อบิณฑบาต  ได้ทอดพระเนตรเห็นสิงคาลกมานพ   มีผ้าเปียก   มีผมเปียกไหว้ทิศทั้ง   ๖  อยู่  ตรัสถามทราบว่าเป็นการทำตามคำสั่งของบิดา  จึงตรัสว่า  ในอริยวินัยไม่พึงไหว้ทิศแบบนี้  เมื่อมาณพกราบทูลถามว่าพึงไหว้อย่างไร  จึงตรัสแสดงธรรมเป็นลำดับว่าให้ปฏิบัติตามทิศ  ๖  อันได้แก่
๑.  ปุรัตถิมทิศ  (ทิศเบื้องหน้า)  คือ  ทิศตะวันออก  ได้แก่  มารดา  บิดา  เพราะเป็นผู้มีอุปการะแก่เรามาก่อน
๒. ทักษิณทิศ  (ทิศเบื้องขวา)  คือ  ทิศใต้  ได้แก่  ครูอาจารย์  เพราะเป็นบุคคลควรแก่การบูชาคุณ
๓.  ปัจฉิมทิศ (ทิศเบื้องหลัง)  คือ  ตะวันตก  ได้แก่  บุตร  ภรรยา  เพราะติดตามเป็นกำลังสนับสนุนอยู่ข้างหลัง
๔. อุตตราทิศ (ทิศเบื้องซ้าย)  คือ ทิศเหนือ  ได้แก่  มิตรสหาย  เพราะเป็นผู้
ช่วยให้ข้ามพ้นอุปสรรคภัยอันตราย  และเป็นกำลังสนับสนุนให้บรรลุผลสำเร็จ
๕. เหฏฐิมทิศ (ทิศเบื้องล่าง)  ได้แก่  คนรับใช้  คนงาน  เพราะเป็นผู้ช่วยทำ
การงานต่าง ๆ เป็นฐานกำลังให้
๖. อุปริมทิศ  (ทิศเบื้องบน) ได้แก่  สมณพราหมณ์  คือ พระสงฆ์
เพราะเป็นผู้สูงด้วยธรรม และเป็นผู้นำทางจิตใจ

  

ทิศ ๖


ทิศเบื้องหน้า


ทิศเบื้องหน้า  คือ  บิดา  มารดา    พระพุทธองค์ท่านตรัสสอนว่า  บุตรและธิดาทั้งหลายต้องมีกตัญญุตา  คือ  รู้คุณท่าน  บำรุงพระคุณของท่านให้มีความเจริญ  และต้องมีกตเวทิตา  คือ  ตอบแทนระคุณของท่าน  โดยเลี้ยงดูอุปการะท่านให้มีความสุข  ทั้งสามารถรักษาทรัพย์ทั้งหลายที่ท่านได้ให้ไว้ไม่ให้สูญไป  หรือ  ทำให้ทรัพย์ที่ท่านให้ไว้ได้เกิดประโยชน์งอกงามมีผลกำไร  และดำรงยศศักดิ์สกุลวงศ์ของท่านให้เจริญรุ่งเรืองในทางที่ดี  เมื่อท่านถึงแก่กรรมไปแล้วควรหมั่นบำเพ็ญกุศลให้ถึงท่านเป็นประจำ
ก. บุตรธิดาพึงบำรุงมารดา บิดา  ผู้เป็นทิศเบื้องหน้า  ดังนี้
๑) ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว  เลี้ยงท่านตอบ
๒) ช่วยทำการงานของท่าน
๓) ดำรงวงศ์สกุล
๔) ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท
๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว  ทำบุญอุทิศให้ท่าน
ข. บิดามารดาย่อมอนุเคราะห์บุตรธิดา  ดังนี้
๑) ห้ามปรามจากความชั่ว
๒) ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา
๔) หาคู่ครองที่สมควรให้
๕) มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันสมควร
ทิศเบื้องหน้า
                มีบุพการี         ที่ควรบูชา
ด้วยกตเวทิตา        มากล้นหฤทัย
และด้วยกตัญญู     รู้คุณท่านให้ได้
ด้วยรักและอภัย      ตลอดชีวิตนิจกาล


ทิศเบื้องขวา


ทิศเบื้องขวา  คือ  คุณอาจารย์  และคุณครูทั้งหลาย  ศิษย์ที่ดีพึงบำรุงท่านให้มีความสุขด้วยความเคารพและนอบน้อม  หมั่นเข้าพบท่านเพื่อรับใช้ด้วยความสุภาพสำรวมให้ท่านรักและเมตตา  เมื่อท่านอบรมสั่งสอนสิ่งใดก็น้อมสมใจ เอาใจใส่จำและรับมาปฏิบัติให้เกิดผล  ทั้งเรียนศิลปวิทยาทั้งหลายด้วยความสุจริต  ด้วยความเคารพ  ไม่ดูแคลนในสภาพชีวิต  ความเป็นอยู่และฐานะของครู
ส่วนครู  และอาจารย์ท่านให้เมตตาต่อศิษย์ด้วยคำแนะนำและสั่งสอนในทางที่ดี  ก่อประโยชน์  ให้การศึกษาดี  บอกศิลปวิทยาให้รู้โดยไม่ล่วงและ
ไม่ปิดบัง  เมื่อศิษย์เรียนดีมีฝีมือก็พึงยินดียกย่องให้มีชื่อเสียงดีงามเป็นที่ปรากฏต่อโลก  ทั้งอภิบาลรักษาศิษย์ไม่ให้ตกอยู่ในโทษใด ๆ
ก. ศิษย์พึงบำรุงครูอาจารย์  ผู้เป็นทิศเบื้องขวา  ดังนี้
๑) ลุกต้อนรับ
๒) เข้าไปหา  (เพื่อบำรุง  คอยรับใช้  ปรึกษา  ซักถาม   และรับคำแนะนำ เป็นต้น)
๓) ใฝ่ใจเรียน  (คือ  มีใจรัก  เรียนด้วยศรัทธา  และรู้จักฟังให้เกิดปัญญา)
๔) ปรนนิบัติ  ช่วยบริการ
๕) เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ (คือ เอาจริงเอาจัง  ถือเป็นกิจสำคัญ)
ทิศเบื้องขวา
มีพลังครู         โปรดอยู่อภิบาล
วิชชาความชำนาญ    แรงพลังบารมี
ฝีมือความสามารถ     ฉลาดในพิธี
ผลงานเจริญศรี        เสน่ห์แรงวโรดม

ทิศเบื้องหลัง


ทิศเบื้องหลัง  คือ  ครอบครัว  มีสามี  ภริยา  บุตร  และธิดา  ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องยกย่องภริยาให้สังคมได้รู้จักทั้งมีความเคารพนับถือภริยา  ไม่ดูหมิ่นภริยาไม่ล่วงเกินบุพการีของภริยา  ทั้งเพิ่มพูนความรักโดยเฉพาะสำหรับภริยา  ให้ภริยาเห็นได้ชัดเจนโดยไม่เคลือบแคลง  ทั้งให้ภริยามียศศักดิ์  มีความเป็นใหญ่ในครอบครัว  และอภินันทนาการของขวัญสวยงามที่มีราคมเช่นเครื่องแต่งตัวสำหรับภริยาตามสมควรแก่วาระ  และโอกาส  ด้วยความรักและเมตตาโดยไม่มีความเบื่อตลอดชีวิต
ภาระอุปการะบุตรและธิดานั้น  ท่านสอนให้ประพฤติสร้างสมความดี  ให้หมั่นศึกษาวิชา  และศิลปะวิทยา  ให้สมบัติที่เหมาะสมกับอารมณ์และอุปนิสัยของบุตรและธิดา  เพื่อให้บุตรและธิดามีความรักที่จะรักษาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไว้ได้โดยง่าย  เมื่อถึงวัยที่จะมีคู่ก็อบรมปลูกอุปนิสัยให้เลือกคู่ครองที่มีความเหมาะสมทั้งชาติตระกูล  และความประพฤติไม่เป็นที่น่ารังเกียจ
ทางฝ่ายภริยา  ท่านสอนให้ปฏิบัติบำรุงสามีให้มีความสุขโดยจัดระเบียบการงานบ้านเรือนที่อยู่ให้สวยงามน่ารื่นรมย์  มีความเอื้อเฟื้อเมตตาพระคุณทั้งหลายที่ได้กรุณาสามี  มีความขยันกิจการทั้งหลายให้เกิดผลสำเร็จดีงามในทันทีโดยไม่ทิ้งค้างไว้  และด้วยความแคล่วคล่องเรียบร้อย  มีความสุจริตรักษาทรัพย์สมบัติของสามีและที่สามีให้ไว้ให้อยู่ในสภาพดีโดยไม่น่าไปสร้างหนี้
ก. สามีพึงบำรุงภรรยา  ผู้เป็นทิศเบื้องหลัง  ดังนี้
๑) ยกย่องให้เกียรติสมกับฐานะที่เป็นภรรยา
๒) ไม่ดูหมิ่น
๓) ไม่นอกใจ
๔) มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้านให้
๕) หาเครื่องประดับมาให้เป็นของขวัญตามโอกาส
ข. ภรรยาย่อมอนุเคราะห์สามี   ดังนี้
๑) จัดงานบ้านให้เรียบร้อย
๒) สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
๓) ไม่นอกใจ
๔) รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้
๕) ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง

ทิศเบื้องหลัง
มีครอบครัวพร้อมหน้า ภริยาเหมาะสม
ธิดาสวยน่าชม ทั้งบุตรมีสีลมัย
ความดีงามเด่น ใครเห็นประทับใจ
สรรเสริญเลื่อมใส ด้วยเห็นแจ้งประจักษ์จริง

ทิศเบื้องซ้าย
ทิศที่  ๔  ทิศเบื้องซ้าย  คือ  เพื่อนและมิตรทั้งหลาย  ท่านสอนว่าควรบำรุงมิตรให้มีความสุขด้วยวาจา  และด้วยความไพเราะนุ่มนวลประกอบด้วยความจริงใจ  ไม่มีเล่ห์  และด้วยความประพฤติที่งาม  เป็นกุศลในความสัมพันธ์  สิ่งใดที่ทำเป็นการเอื้อประโยชน์แต่มิตรก็จงทำ  ทั้งไม่ใส่ร้ายต่อมิตร  และไม่แกล้งมิตร  ทั้งพร้อมเสมอที่จะได้ช่วยมิตรให้พ้นจากความประมาท  แต่ถ้ามิตรพลั้งเผลอก็ช่วยดูแลไม่ให้ใครมาทุจริตต่อสมบัติของมิตร  และสามารถเป็นที่พึ่งของมิตรได้เป็นอย่างดี  ทั้งให้ความเคารพนับถือสกุลวงศ์ของมิตร  ไม่ดูแคลนในฐานะของมิตร  รวมถึงไม่ข่มมิตรด้อยกว่าตน
ก. บุคคลพึงบำรุงมิตรสหาย  ผู้เป็นทิศเบื้องซ้าย  ดังนี้
๑) เผื่อแผ่แบ่งปัน
๒) พูดจามีน้ำใจ
๓) ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
๔) มีตนเสมอ  ร่วมสุขร่วมทุกข์กัน
๕) ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน
ข. มิตรสหายย่อมอนุเคราะห์ตอบ  ดังนี้
๑) เมื่อเพื่อนประมาท  ช่วยรักษาป้องกัน
๒) เมื่อเพื่อนประมาท  ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน
๓) ในคราวมีภัย  เป็นที่พึ่งได้
๔) ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก
๕) นับถือตลอดถึงวงศ์ญาติของมิตร
ทิศเบื้องซ้าย
มีกัลยาณมิตร        สุจริตครบสิ่ง
น้ำใจเป็นยอดยิ่ง    น่ารักมหัศจรรย์
เอื้อเฟื้อสารพัด      เลิศสัตย์ในสัมพันธ์
ด้วยความหฤหรรษ์ แสนสนุกในไมตรี

ทิศเบื้องบน


ทิศเบื้องบน  คือ  สมณพราหมณ์รวมถึงผู้มีศีลทั้งหลาย  ท่านสอนให้คนดีทั้งหลายได้ปฏิบัติรักษาพระคุณของท่านด้วยความเมตตาเปี่ยมอภัยในกรรมและผล  ไม่กล่าวโทษไม่กล่าวร้ายใด  ๆ  สำหรับท่าน  แม้แต่บาปสนองก็มิให้พึงมี  เมื่อท่านมาถึงก็ให้ต้อนรับด้วยวรามิสทาน  เช่น  เงินทอง  สิ่งของเครื่องอุปโภค  บริโภคล้วนเป็นของดีมีราคา  พร้อมน้ำใจไมตรีมีความเคารพนอบน้อมแสดงให้เห็นถึงความปิติที่ได้พบท่าน  และเมื่อท่านได้กล่าวสิ่งใดเป็นบุญก็ให้รับไว้ด้วยความศรัทธา
ส่วนทางสมณพราหมณ์  ท่านสอนว่าให้สอนญาติโยมทั้งหลายให้ตั้งอยู่ในความดี  มีน้ำใจดีงามตอบต่อความศรัทธา  และไมตรีของญาติโยมทั้งหลาย  เมื่อสนทนาก็กล่าวถึงสิ่งที่น่าสนใจที่เป็นเรื่องจริง  หรืออิงปรัชญา  ทำให้บุญเกิดเป็นผลดีจริง  ทั้งไม่มีการปด  และไม่มีความเท็จ
หน้าที่ของพราหมณ์ทั้งหลายท่านมีหน้าที่บอกทางสวรรค์และบอกผลา-
นิสงศ์สำหรับญาติและโยมทั้งหลายด้วยสัจจะสุจริต  โดยไม่ล่วงและไม่หลอก
ก. คฤหัสถ์ย่อมบำรุงพระสงฆ์  ผู้เป็นทิศเบื้องบน  ดังนี้
๑) จะทำสิ่งใด  ก็ทำด้วยเมตตา
๒) จะพูดสิ่งใด  ก็พูดด้วยเมตตา
๓) จะคิดสิ่งใด  ก็คิดด้วยเมตตา
๔) ต้อนรับด้วยความเต็มใจ
๕) อุปถัมภ์ด้วยปัจจัย  ๔
ข. พระสงฆ์ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์  ดังนี้
๑) ห้ามปรามจากความชั่ว
๒) ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓) อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี
๔) ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๕) ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง
๖) บอกทางสวรรค์คือทางชีวิตที่มีความสุขความเจริญได้
ทิศเบื้องบน
มีสมณพราหมณ์ อธินามบารมี
สัมฤทธิ์ความโชคดี มากหลายยิ่งกว่าเดิม
ผลานิสงส์ได้เกิด เป็นเลิศทั้งบุญเพิ่ม
เทวโลกส่งเสริม ให้สมหวังบริบูรณ์

 

ทิศเบื้องล่าง


ทิศเบื้องล่าง  คือ  คนทำงาน  หรือคนรับใช้  ท่านสอนว่าผู้เป็นนายทั้งชายหรือหญิงต้องจัดงานให้ทำตามความเหมาะสม  ให้อาหาร  ที่อยู่  เครื่องใช้  รายได้  ยา  เครื่องอุปโภคบริโภค  และให้บางสิ่งบางอย่างที่ดีงามเป็นของแปลกที่พวกเขาหรือไม่เคยได้มาก่อน  ให้ทั้งเวลาที่พวกเขาจะได้พักผ่อน  และให้อิสรภาพในการที่เขาจะไปไหนมาไหมได้ตามวันและเวลาที่กำหนดตกลงกันไว้
ส่วนคนงานและคนรับใช้  ท่านให้บำรุงนายด้วยความขยัน  ตื่นก่อนนาย  นอนทีหลังนาย  ประพฤติสุจริต  ไม่เป็นขโมย  นำคุณของนายไปสรรเสริญด้วยความเคารพและพัฒนาทางแรงงานฝีมือความสามารถให้เป็นไปในทางที่ดีกว่าเดิม
ก. นายพึงบำรุงคนรับใช้และคนงาน ผู้เป็นทิศเบื้องล่าง  ดังนี้
๑) จัดการงานให้ทำตามความเหมาะสมกับกำลังความสามารถ
๒) ให้ค่าจ้างรางวัลสมควรแก่งานและความเป็นอยู่
๓) จัดสวัสดิการดี  มีช่วยรักษายาบาลในยามเจ็บไข้  เป็นต้น
๔) ได้ของแปลก ๆ พิเศษมา  ก็แบ่งปันให้
๕) ให้มีวันหยุดและพักผ่อนหย่อนใจตามโอกาสอันควร
ข. คนรับใช้และคนงานย่อมอนุเคราะห์นาย  ดังนี้
๑) เริ่มทำการงานก่อนนาย
๒) เลิกงานทีหลังนาย
๓) ถือเอาแต่ของที่นายให้
๔) ทำการงานให้เรียบร้อยและดียิ่งขึ้น
๕) นำเกียรติคุณของนายไปเผยแพร่
ทิศเบื้องล่าง
มีคุณบริวาร       ทำงานไม่เคยสูญ
น้ำใจมีเกื้อกูล    ปฏิบัติกตัญญู
เลิศสัตย์สุจริต   เป็นทั้งมิตรเคียงคู่
ใครเห็นและได้รู้ สดุดีว่ามีบุญ


ความสำคัญของทิศทั้ง  ๖

หน้าที่สำคัญของทิศทั้ง  ๖  ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้โดยย่อมีอยู่  ๓  เรื่องใหญ่  ๆ
๑. เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังนิสัยใจคอ
นิสัยของคนเรานั้นได้มาจากทิศ  ๖  ซึ่งเมื่อสรุปแล้วจะเหลือแค่  บ้าน  วัด  โรงเรียนนี่เอง  ไม่ใช่ตกลงมาจากสวรรค์  ไม่ใช่หลั่งไหลมาเองเหมือนอย่างกับน้ำฝนบนท้องฟ้า
คือตอนเล็ก  ๆ  เราก็ได้คุณพ่อคุณแม่  ครูบาอาจารย์  ลุงป้าน้าอา  หลวงปู่  หลวงพ่อ  ช่วยกันอบรมให้จนกระทั่งกลายมาเป็นนิสัยใจคอของเรา
ส่วนว่าท่านจะอบรมได้ดีขนาดไหน  ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล  เพราะไม่มีใครจะอบรมบ่มนิสัยใจคอ  หรือคุณงามความดี  ให้กับผู้อื่นได้มากกว่าที่ตัวเองมีอยู่  เพราะฉะนั้น  ท่านมีสติปัญญาเท่าไร  ท่านก็อบรมให้เราได้เท่านั้น
ยกตัวอย่าง  เวลาลูกกินข้าวแล้วไม่ล้างจาน  คุณแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไร  เดี๋ยวจะให้คนรับใช้เอาไปล้าง  นั่นเริ่มเพาะนิสัยไม่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองให้ลูกแล้ว
เด็กคนนี้พอโตขึ้นมาก็เลยรับผิดชอบอะไรไม่เป็น  แล้วอย่างนี้จะหวังให้มารับผิดชอบวงศ์ตระกูล  หวังจะให้รับผิดชอบต่อทรัพย์สมบัติ  เขาจะไปรับผิดชอบได้อย่างไร  ในเมื่อแค่จานข้าวที่ตัวเองกินก็ยังไม่ล้างเลย
๒. เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดี
ทิศ  ๖  เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดี  หรือความรู้  ความสามารถและคุณธรรมประจำใจ  แต่ว่าอย่างเอาเรื่องของนิสัยใจคอ  กับความเก่งความดีมาปนกัน
เพราะไม่ว่าใครจะเป็นคนหยาบ  เป็นคนละเอียด  เป็นคนทำอะไรประณีต  เป็นคนทำอะไรทิ้ง ๆ ขว้าง  ๆ  ก็ตาม  นั่นเป็นนิสัยไม่ดีเกี่ยวกับความรู้  ความสามารถ  ยังไม่เกี่ยวกังเรื่องว่าดีหรือเลว
ความรู้ความสามารถตลอดจนความเก่งความดีของมนุษย์  ก็ได้มาจากทิศ  ๖  อีกเหมือนกัน  อย่าคิดว่าเก่งได้ด้วยตัวเอง  ถ้าใครคิดอย่างนั้นแสดงว่าเป็นคนเนรคุณ  ทั้งต่อพ่อแม่และครูบาอาจารย์ทีเดียว
เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่จะอบรมเลี้ยงดูมาก็แทบแย่  กว่าครูบาอาจารย์จะเคี่ยวเข็ญสั่งสอนมาก็แทบแย่  แต่พอโตขึ้นมาเป็นคนที่มีทั้งความรู้ความสามารถ  กลับบอกว่าคนนั้นเก่งได้ด้วยตัวเอง
เมื่อทิศ ๖  เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดีให้กับเราอย่างนี้  เพราะฉะนั้น  เวลาประสบความสำเร็จในเรื่องอะไรก็ตาม  นึกถึงพระคุณทิศ  ๖  ของเราด้วย
เช่นเวลากีฬาชนะ  ก็ให้หันหน้าไปทางทิศที่คุณพ่อคุณแม่ของเรอยู่  แล้วกราบท่านสักทีหนึ่ง  โรงเรียนของเราอยู่ทิศไหน  หันหน้าไปทางทิศนั้น  กราบครูบาอาจารย์สักทีหนึ่งแล้วหลวงปู่  หลวงพ่อ  ที่เราเคารพนับถือท่านอยู่ทิศไหน  กราบไปทางทิศนั้นสักทีหนึ่ง  แล้วจะมีแต่ความสุขความเจริญ
ไม่ใช่ไปกระโดดโลดเต้น  ร้องกรี๊ด  ๆ  ดีใจ  อย่างนั้น      

๓. เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความสุขความเจริญ
ทิศ  ๖  เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความสุขความเจริญของคนในสังคม  ทั้งชาตินี้และชาติหน้า  ไม่ใช่เพียงเฉพาะของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
เพราะจากนิสัยใจคอ  จากความเก่งความดีที่มีอยู่นั่นเอง  ทำให้คน ๆ นั้น  คิด  พูด  ทำ  ในทางที่ดี  ในสิ่งที่ถูก  จึงกลายเป็นความสุขความเจริญ  ทั้งชาตินี้และชาติหน้า
แต่ถ้าเขาเอาไป  คิด  พูด  ทำ  ในทางไม่ดี  ในสิ่งที่ผิด  ก็จะกลายเป็นความทุกข์ความเสื่อม  ทั้งชาตินี้และชาติหน้าอีกเหมือนกัน


แหล่งข้อมูล 
เทพปริยัติโมลี,พระ.  ศีล ๕ หน้าที่  ๖.  พิมพ์ครั้งที่  ๒. กาญจนบุรี : สำนักพิมพ์
ธรรมเมธี : สหายพัฒนาการพิมพ์,  ๒๕๔๗.
เทพเวที,พระ.  พจนานุกรมพุทธศาสตร์  ฉบับประชาชน.  กรุงเทพมหานคร :
มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๕.

ภาวนาวิริยคุณ,พระ. ทิศ ๖. เข้าถึงได้จากเว็บไซด์   WWW.kalyanamitra.org
มหามกุฏราชวิทยาลัย,วิทยาลัย.  พระไตรปิฎก  ฉบับประชาชน.  กรุงเทพมหานคร :
มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๒๔.
วชิรญาณวโรรส,สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา. นวโกวาท.  นครปฐม :
มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๔.
ศูนย์พระสงฆ์นักเผยแพร่ธรรมเพื่อพัฒนาสังคม.  คู่มือธรรมศึกษา.  กรุงเทพมหานคร :
ม.ป.ท., ๒๕๔๙.

 

 

สร้างโดย: 
ครูอุบล

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 438 คน กำลังออนไลน์