Power Bank เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า
แบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) คืออุปกรณ์ที่ไว้จ่ายไฟให้กับ อุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่รองรับ ผ่านทางพอร์ต USB เพื่อความสะดวก Power Bank จะทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ จากนั้นเมื่อใช้งาน มันจะจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่คุณนำมาเชื่อมต่อ เหมือนกับกำลังเสียบอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ หรือเสียบสายชาร์จเข้ากับ USB ของคอมพิวเตอร์นั่นเอง
ซื้อดีมั๊ย ?
ถ้าลองเดินตามท้องตลาดที่ขายอุปกรณ์เสริมสำหรับโทรศัพท์มือถือ จะเห็นว่า Power Bank มีขายกันเกลื่อน ซึ่งมีอยู่หลายราคา หลายรูปแบบ หลายสีสัน หลายขนาด หากใครกำลังเจอกับปัญหาสมาร์ตโฟนมีความตะกละมากเกินเหตุ ทำให้แบตฯ หมดอย่างรวดเร็ว และกำลังมองหา Power Bank อยู่ เชื่อได้ว่าจะต้องสับสน ไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหน รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี คำตอบอยู่ที่คุณจะต้องถามความต้องการของ ตัวคุณเองก่อนว่าต้องการ Power Bank มาเพื่ออะไร หากเอกสารสำคัญ ข้อมูลสำคัญ ธุรกรรมการเงินทั้งหลายแหล่ของคุณถูกบรรจุเก็บไว้ในสมาร์ทโฟน และจำเป็นต้องทำงานบางส่วนในสมาร์ทโฟนบ่อยๆ การมีแบตฯ สำรองไว้ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง
จุไฟเท่าไหร่ดี ?
Power Bank นั้นเป็นแบตฯ ชนิดหนึ่ง จะต้องมีค่าความจุ ซึ่งบอกถึงปริมาณไฟฟ้าที่มันสามารถกักเก็บไว้ให้เราพกพาไปใช้งานที่อื่นๆ ได้ Power Bank ที่ขายอยู่ในท้องตลาดเองก็มีหลายรุ่นหลายขนาด และหลายความจุ โดยความจุไฟฟ้านั้นจะนับหน่วยเป็น mAh (มิลลิแอมป์อาวเออร์) โดยค่าความจุนี้จะถูกระบุ อยู่ในสเปกของตัว Power Bank การเลือกดูความจุของ Power Bank นั้นสามารถคำนวณได้ง่ายๆ เช่น สมาร์ตโฟนที่ใช้งานอาจจะมีแบตฯ ขนาด 2000mAh โดยที่การใช้งานใน แบบของคุณอาจจะใช้งานได้ประมาณ 7 ชั่วโมง
ราคาต่างกันนิดเดียว ซื้อความจุสูงๆ ไปเลยดีกว่าไหม ?
คุณสามารถหาซื้อ Power Bank ความจุระดับ 10000+mAh ได้ในราคาไม่ถึงพันบาท ในขณะที่รุ่นเล็กความจุประมาณ 2200mAh อาจมีราคา 4-5 ร้อยบาทแล้ว ดูแล้วยังไงรุ่นที่มีความจุสูงกว่าก็ต้องคุ้มกว่าแน่นอน ข้อดีของ Power Bank รุ่นที่มีความจุสูงก็คือสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้หลายตัว หรือถ้ามีสมาร์ตโฟนแค่ตัวเดียว ก็สามารถชาร์จได้หลายครั้ง โดยที่ไม่ต้องชาร์จ Power Bank ทุกวัน หรือสามารถแบ่งเพื่อนให้ชาร์จด้วยกันก็ได้ ส่วนข้อเสียคือ ความจุที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้ขนาดและน้ำหนักของ Power Bank มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็แล้วแต่การออกแบบของผู้ผลิต แค่ถ้าหากมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ออกแบบให้พกพาได้สะดวกก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
เลือกที่ความจุอย่างเดียวจะพอรึเปล่า ?
ปัจจัยตัวหนึ่งที่สำคัญ คือ ปริมาณกระแสไฟ ซึ่งจะแทนที่หน่วยด้วยตัวอักษร A (แอมป์) หมายถึงปริมาณไฟฟ้าที่ อุปกรณ์จำเป็นต้องใช้เพื่อการทำงานในช่วงที่อุปกรณ์เปิดอยู่ ในที่นี้หมายถึงระบบชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ของอุปกรณ์ Power Bank เองก็เช่นกัน หากไม่มีความสามารถในการจ่ายพลังงานให้ได้ปริมาณกระแสตามที่อุปกรณ์นั้นๆ ต้องการ ก็จะไม่สามารถชาร์จอุปกรณ์ตัวนั้นได้หรืออาจจะชาร์จช้ามากจนแทบไมเห็นว่ามีการชาร์จ อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ อย่างสมาร์ตโฟน มีเดียเพลเยอร์แบบพกพาจะกินกระแสไฟ อยู่ที่ประมาณ 0.5-1A ในขณะที่อุปกรณ์พวกแท็บเล็ตจะกินกระแสไฟอยู่ราวๆ 1-2.1A แต่ทั้งนี้ ต้องไปดูที่อุปกรณ์ด้วยว่ากินกระแสไฟเท่าไหร่ แล้วเลือก Power Bank ที่จ่ายกระแสไฟเท่าๆ กับอุปกรณ์ตัวนั้นๆ
จ่ายไฟแรงเกิน เครื่องจะพังมั๊ย?
การเลือกซื้อ Power Bank ต้องดูที่ความสามารถในการจ่ายกระแสไฟด้วยว่ามีเพียงพอต่อการชาร์จอุปกรณ์ของคุณหรือไม่ ในกรณีที่ Power Bank จ่ายกระแสไฟให้เกินที่ตัวอุปกรณ์ต้องการ จะมีการระบุว่าสามารถจ่าย กระแสไฟได้มากถึง 2.1A หากเรานำมาชาร์จโทรศัพท์ มือถือที่ต้องการเพียงแค่ 0.75A หลายๆ คนกังวลว่า อุปกรณ์จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า คำตอบคือ สามารถชาร์จได้ไม่มีปัญหา และในหลายๆ กรณีมันทำให้สามารถชาร์จไฟได้เร็วขึ้นด้วย
แบตชนิดไหนเป็นยังไง ?
แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เก็บพลังงานสำรอง ซึ่งถ้าพูดง่ายๆ ก็เหมือนกับถ่านชาร์จที่เราใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ของโทรศัพท์ หรือถ่านชาร์จ จะเห็นว่ามีการแบ่งชนิดหรือเทคโนโลยีกันออก ไป เช่น แบตฯ ชนิดที่นิยมในตอนนี้ก็คงจะเป็น Li-Ion (ลิเธียม ไอออน) หรือแบตฯ รุ่นเก่าที่มีราคาถูกหน่อย ก็คือ Ni-MH (นิกเกิล เมทัลไฮดราย) มีเพียงแค่ 2 ชนิด ที่ผู้ผลิต Power Bank นิยมนำมาใช้กัน ชนิดแรกคือ Ni-HM ชนิดนี้ราคาค่อนข้างถูก แต่พอมาทำเป็น Power Bank แล้วก็ไม่ได้ถูกมากนัก โดยแบตฯ ชนิดนี้จะมีน้ำหนักที่มาก ยิ่งเป็นรุ่นที่มีความจุพลังงานสูงๆ จะยิ่งหนักขึ้น อย่างเห็นได้ชัด แบตฯชนิดนี้ เวลาใช้งานควรจะต้องใช้ให้แบตฯ หมด เกลี้ยงแล้วจึงชาร์จ จะทำให้แบตฯ เสื่อมช้าลง แบตฯ อีกชนิดที่นิยมกันมากคือ Li- Ion ซึ่งเป็นแบตฯ รุ่นใหม่มีความเบา และที่สำคัญ คือสามารถชาร์จได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอให้หมดก่อน และจริงๆ แล้วไม่ควรปล่อยให้มันหมดด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นแบตฯ จะเสื่อมเร็วขึ้น แบตฯ ชนิด Li-Ion มีดีที่น้ำหนักเบา ทำให้พกพาสะดวก แต่ก็มาพร้อมกับราคาที่แพงขึ้น
มีหัวชาร์จแบบไหนบ้าง ?
หัวชาร์จ ส่วนมากมักออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ USB ในแง่ของแรงดันไฟ และกระแสไฟ แต่เนื่องจากอุปกรณ์ที่สามารถชาร์จผ่านพอร์ต USB นั้นมีหลากหลายมาก และแต่ละชนิดก็มีหัวต่อที่หลากหลายเช่นกัน การออกแบบ Power Bank จึงมีหลากหลายตามไปด้วย ประเภทแรกนั้นเป็น Power Bank ที่มีหัวตายตัว คือไม่มีพอร์ต USB แต่จะเป็นหัวต่อเข้ากับอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะ เช่น Power Bank สำหรับ iPhone ที่ต่อเข้ากับตัวเครื่องได้ทันที หรือออกแบบมาเป็นเคสสวมกับ iPhone ซึ่ง แปลว่าใช้งานได้กับ iPhone เท่านั้น ประเภทที่มีพอร์ต USB มาให้พร้อมสายและหัวต่อแยกต่างหากทำให้สามารถชาร์จกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย โดยสายพ่วงที่มีหัวมาให้หลายๆ ชนิดนั้นเป็นเพียงสายที่ช่วย อำนวยความสะดวกเฉยๆ เพราะหากคุณมีสายชาร์จหรือ Data Link ของตัวเครื่องอยู่เป็นประจำอยู่แล้วก็สามารถนำมาใช้งานได้เลย
ยี่ห้อมาจากโซนไหนดีสุด ?
ปัจจุบันมีผู้ผลิต Power Bank ออกมาจำหน่ายมากมาย ทั้งคุ้นชื่อบ้าง ไม่คุ้นชื่อบ้าง ถ้าให้วิจารณ์ทีละยี่ห้อคงจะยาวเกินไป เอาเป็นว่าแบ่ง Power Bank ออกเป็น 3 ประเภทดังนี้ 1. ยี่ห้อจากญี่ปุ่น ระดับความน่าเชื่อถือถือว่าดีที่สุด ทั้งตัวอุปกรณ์ที่วัสดุดูดี น้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับความจุ และ น่าจะมีระบบ QC ที่ดีกว่า แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่แพงที่สุดเช่นกัน 2. ยี่ห้อจากไต้หวัน เท่าที่เห็นมีเพียง 1 หรือ 2 ยี่ห้อเท่านั้น แต่ที่น่าสนใจคือ ยี่ห้อนี้เขียนที่หน้ากล่องว่า ใช้ Battery ของญี่ปุ่น และยังออกแบบให้มีพอร์ต 2 ช่อง ที่จ่ายไฟได้สูงถึง 1.2 A และ 2.1 A เลยทีเดียว 3. ยี่ห้อจากจีน ถือเป็นยี่ห้อที่มีรูปแบบและความจุให้เลือกมากที่สุด รวมไปถึงราคาที่ถูกกว่าอีก 2 ยี่ห้ออย่างเห็นได้ชัด แต่ขนาดและน้ำหนักยังทำได้ไม่ดี รวมไปถึงความน่า เชื่อถือของระบบ QC ที่ด้อยกว่ามาก