ดิน
การอนุรักษ์ดิน
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพังทลายหรือการสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของหน้าดินนั้น จะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ติดตามมา เช่น ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ทำให้เกษตรกรต้องซื้อปุ๋ยเคมีมาบำรุงดินเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล ตะกอนดินที่ถูกชะล้างทำให้แม่น้ำและปากแม่น้ำตื้นเขิน ต้องขุดลอกใช้เงินเป็นจำนวนมาก เราจึงควรป้องกันไม่ให้ดินพังทลายหรือเสื่อมโทรมซึ่งสามารถกระทำได้ด้วยการอนุรักษ์ดิน
1. การใช้ที่ดินอย่างถูกต้องเหมาะสม การปลูกพืชควรต้องคำนึงถึงชนิดของพืชที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของดิน การปลูกพืชและการไถพรวนตามแนวระดับเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน นอกจากนี้ควรจะสงวนรักษาที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไว้ใช้ในกิจการอื่น ๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย เพราะที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมในการเพาะปลูกมีอยู่จำนวนน้อย
2. การปรับปรุงบำรุงดิน การเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดิน เช่น การใส่ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก การปลูกพืชตะกูลถั่ว การใส่ปูนขาวในดินที่เป็นกรด การแก้ไขพื้นที่ดินเค็มด้วยการระบายน้ำเข้าที่ดิน เป็นต้น
3. การป้องกันการเสื่อมโทรมของดิน ได้แก่ การปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชบังลม การไถพรวนตามแนวระดับ การทำคันดินป้องกันการไหลชะล้างหน้าดิน รวมทั้งการไม่เผาป่าหรือการทำไร่เลื่อนลอย
ถ้าผิวดินไม่มีพืชคลุมเมื่อฝนตกน้ำฝนก็จะชะเอาผิวดินที่อุดมสมบูรณ์ให้ไหลไปตามน้ำโดยเร็ว วิธีป้องกันจึงต้องให้มีพืชคลุมดินไว้เสมอ การทำสวนบนเนินหรือไหล่เขาที่มีความลาดเอียง หากไถเป็นร่องจากที่สูงลงไปต่ำแล้วฝนตก จะชะล้างผิวดินลงไปยังที่ต่ำได้เร็วมาก ดินจะเสื่อมความอุดมสมบูรณ์อย่างรวดเร็วด้วย หากจะทำการเพาะปลูกบนเนิน หรือไหล่เขา ก็ควรเลือกวิธีอนุรักษ์ดิน เช่น
ก.การปลูกพืชตามแนวระดับ ใช้วิธีการไถพรวน หว่าน ปลูก และเก็บเกี่ยวพืชขนานไปตามแนวระดับเดียวกัน ขวางความลาดเอียงของพื้นที่
ข.การปลูกพืชแบบขั้นบันได ใช้วิธีการส้รางคันดินหรือแนวหินขวางความลาดเอียงของพื้นที่ แล้วปลูกพืชบนขั้นบันได
วิธีการดังกล่าวจะชะลอการชะล้างพังทลายของดิน เริ่มตั้งแต่การลดความรุนแรงของเม็ดฝนที่ตกลงมากระแทกกับผิวดิน การควบคุมน้ำไหลบ่าทั้งปริมาณและความเร็วและการเพิ่มความต้านทานของดินมิให้แตกตัวได้เร็ว แม้ว่าการปลูก พืชจะเป็นการช่วยอนุรักษ์ดินวิธีหนึ่งแต่การปลูกพืชชนิดเดียวซ้ำซากอยู่ในที่เดิมตลอดเวลาจะทำให้ดินจืดขาดธาตุอาหาร จึงจำเป็นต้องปลูกพืชหมุนเวียนและเพิ่มสารอินทรีย์ในดินอาจกระทำได้โดยใช้ปุ๋ยพืชสด ใส่ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก ซึ่งปุ๋ยอินทรีย์เหล่านี้จะช่วยให้ดินมีความสามารถอุ้มน้ำ ดีขึ้น อากาศแทรกซึมได้สะดวกและลดอัตราการสูญเสียหน้าดิน แต่การใช้ปุ๋ยนั้นก็ต้องใช้ให้พอเหมาะมิฉะนั้นพืชจะไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่
เนื่องจากการเกิดดินโดยกระบวนการตามธรรมชาติต้องใช้เวลานานมาก ไม่ทันความต้องการใช้ดินที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับดินบางส่วนถูกชะล้างพังทลายไป
แหล่งอ้างอิง
http://board.dserver.org/w/wwwt/00000134.html
http://www.swu.ac.th/royal/book1/b1c3t1.html
http://www.ldd.go.th/thaisoils_museum/INDEX.HTM