สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ( พระพันปีหลวง )
ในส่วนตัวของเรานี้ ท่านทั้งหลายย่อมจะเข้าใจได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปรียบดุจดวงชีวิตของเรา ที่ท่านทั้งหลายได้ช่วยกันพิทักษ์รักษาสนอง พระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงเป็นสุขสำราญตลอดทางกันดาร จนเสด็จกลับคืนพระนครฉะนี้ ก็เหมือนหนึ่งท่านทั้งหลายได้ช่วยป้องกันชีวิต ของเราตลอดมา จึงขอบคุณท่านทั้งหลายเป็นอันมากเมื่อเราระลึกถึงคุณของท่านทั้งหลายที่มีแก่เราดังว่ามานี้ จึงได้สร้างเหรียญราชินี * ขึ้นโดยเฉพาะ แลได้รับพระ ราชทานพระบรมราชานุญาตในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะได้ให้แก่ท่านทั้งหลายในเวลานี้ จงรับไว้ประดับกายเป็นที่ระลึกถึงที่เราขอบคุณท่านทั้งหลาย ใน ครั้งนี้สืบไปทุก ๆ คนเทอญ " สมเด็จฯ ทรงมีพระราชโอรสธิดาคือ
1. สมเด็จเจ้าฟ้าพหุรัดมณีมัย พ.ศ. 2421-2430 ในรัชกาลที่หก ทรงสถาปนาเป็นกรมพระเทพนารีรัตน์
2. พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติ พ.ศ. 2423 ทรงราชย์ พ.ศ. 2453 สวรรคต พ.ศ. 2468
3. สมเด็จเจ้าฟ้าชายตรีเพชรตมธำรง พ.ศ. 2424-2430
4. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ พ.ศ. 2425-2463
5. สมเด็จเจ้าฟ้าชายศิริราชกกุธภัณฑ์ พ.ศ. 2428-2430
6. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง สิ้นพระชนม์ในวันที่ประสูติ พ.ศ. 2430
7. สมเด็จเจ้าฟ้าชายอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา พ.ศ. 2432-2467
8. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย พ.ศ. 2435-2466
9. พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติ พ.ศ. 2436 ทรงราชย์พ.ศ. 2468 สละราชสมบัติ พ.ศ. 2477
สวรรคต พ.ศ. 2484l
สมเด็จ ฯ ทรงพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงได้ทรงทะนุบำรุงโดยการบำเพ็ญพระราชกุศลอยู่เสมอมิได้ขาด ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อสร้างเจดีย์วัตถุ มีพระพุทธรูป และพระธรรมคัมภีร์ เช่น พระไตรปิฎกสยามรัฐในรัชกาลที่ห้า ทรงสร้างพระวิหารสมเด็จที่วัดเบญจมบพิตร และทรงปฏิสังขรณ์พระ อารามต่าง ๆ ทั้งในพระนคร ทั้งในหัวเมืองในพระราชอาณาจักร แม้พระพุทธเจดียฐาน นอกพระราชอาณาจักรก็ได้ทรงปฏิสังขรณ์ด้วยกัน กับได้ถวายนิตยภัตแก่พระ สงฆ์บางองค์ ถวายข้าวสารเป็นอาหารบิณฑบาต แก่ภิกษุสามเณร
ทั้งพระอารามอีกหลายพระอาราม รวมทั้งค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า และค่าชำระปัดกวาดรักษาพระ อารามบางแห่งอีกด้วย ในส่วนสาธารณประโยชน์นั้น พระองค์ได้ทรงสร้างสะพานพระราชเสาวนีย์ริมทางรถไฟสายเหนือเชื่อมถนนศรีอยุธยาให้ติดต่อกันตลอดเมื่อทรงบำเพ็ญ พระราช กุศลฉลองพระชนมายุครบ 48พรรษาต่อมายังโปรดให้สร้างนางพระธรณีให้น้ำเป็นอุทกทานที่หัวมุมสนามใกล้สะพานผ่านพิภพลีลากับที่โรงพยาบาลปัญจมาธิราชอุทิศ ที่พระนครศรีอยุธยา และบ่อน้ำที่หัวหิน เป็นต้น อนึ่งพระองค์ทรงตระหนักแน่ในพระราชหฤทัยว่าความเจริญของบ้านเมืองย่อมอาศัยความที่ได้ศึกษาเล่าเรียนอันดีทั้งชายและหญิงแต่โรงเรียนสำหรับเด็กชาย นั้น ทางรัฐบาลได้จัดตั้งไว้มากแล้ว จึงได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้จัดตั้งโรงเรียนขึ้น เริ่มด้วยโรงเรียนเสาวภา เมื่อ พ.ศ. 2440 ต่อมายังได้โปรดให้จัด ตั้งขึ้นอีก เช่น โรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ (อยุธยา) ราชินีบูรณะ (นครปฐม) สำหรับเด็กชายมีโรงเรียนวิเชียรมาตุ ที่ตรังแห่งหนึ่ง โรงเรียนที่กล่าวนามมานี้ พระราช ทานไว้แก่กระทรวงธรรมการ (คือ กระทรวงศึกษาธิการบัดนี้)
สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในชั้นเดิมมีพระสรีรานามัยดีมาก แต่ต่อมาบรรทมหลับยากดั่งได้กล่าวมาแล้ว ทั้งพระบังคมเบามีไข่ขาวด้วย เนื่องจากพระวักกะไม่ เป็นปรกติ ครั้นเมื่อพระชนมายุบรรจบ 4 รอบ ล่วงมาแล้ว ประกอบทั้งทรงประสบวิปโยคทุกข์เมื่อตอนสิ้นรัชกาลที่ห้า ก็มีพระโรคามารบกวนบ่อย ๆ พระอาการมีทรงกับทรุด เป็นเหตุให้พระกำลังลดน้อยถอยลงไปทุกที ปีหลัง ๆ ถึงกับทรงพระดำเนินโดยลำพังพระองค์ไม่ได้ ในกลางปี พ.ศ. 2462 ได้ประชวรไข้ติด ๆ กันหลายครั้ง ครั้ง ที่สุดได้เริ่มประชวรเมื่อเวลาเที่ยง วันที่ 19 ตุลาคม 2462 ไข้นั้นเกิดแต่พิษในพระอันตะ กำลังพระหทัยทนพิษไข้ไม่ได้ เสด็จสวรรคตที่ตำหนักพญาไท เวลา 7.50 นาฬิกา วันที่ 20 ตุลาคม นั้นเอง
จัดทำโดย ด.ญ.กรกมล พยุหเกียรติ และ น.ส.มินท์ตา พิพัฒน์สุกลภาคย์
- « แรก
- ‹ หน้าก่อน
- 1
- 2
- 3