สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ( พระพันปีหลวง )
ที่มา : http://www.rachineeburana.net/main/images/stories/pic_school/sripatcharin1.jpg
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ( พระพันปีหลวง ) ประสูติ ในพระบรมมหาราชวังเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2406 เป็นพระราชธิดาในพระ บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ เจ้าจอมมารดาเปี่ยม (ซึ่งในรัชกาล ที่ 5 ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นเจ้าคุณจอมมารดา และในรัชกาลที่ 6 เป็นสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา) ในการสมโภชเมื่อ ประสูติได้ ครบเดือนหนึ่ง พระองค์ได้รับพระราชทานพระนามว่า พระองค์เจ้าเสาวภา ผ่องศรี
สมเด็จฯ ทรงมีพระปัญญาเฉียบแหลมมาแต่ยังทรงพระเยาว์ แต่บางทีก็ดื้อมาก เช่น เวลาทรงพระอักษร ก็ไม่ยอมทรงอ่านดัง ๆ พระอาจารย์อ่านถวายไปเท่าใด ท่านก็ทอดพระเนตรตามไปเฉย ๆ พระอาจารย์ไม่อาจทราบว่าสามารถทรงได้เพียงไหน จึงต้องไปร้องทุกข์ต่อเจ้าจอมมารดา ครั้นเจ้า จอมมารดาทูลต่อว่า ก็ตรัสว่า " ฉันอ่านได้แล้ว " เจ้าจอมมารดาบังคับให้ทรงอ่านให้ฟังก็ได้จริงดั่งที่ตรัสมา พระองค์เป็นพระราชธิดาที่สมเด็จพระบรมชนกนาถ ทรง พระเมตตามาก ดั่งปรากฏในพระนิพนธ์เรื่อง ความทรงจำของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า เมื่อเสด็จทรงพระราชทานประพาสในที่ใด ๆ ก็โปรดให้สมเด็จฯ ประทับบนพระเพลา คู่กับพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา ( สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าในรัชกาลปัจจุบัน ) ถ้าไปทางไกลหน่อยก็ประทับที่ ซอกพระขนอง แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตเสียเมื่อพระองค์มีพระชันษาเพียง 5 ปี ครั้นเมื่อมีพระชันษาได้ 13 ปี ได้เสด็จเข้า พระราชพิธี โสกันต์ พร้อมด้วยพระราชโอรสธิดาในรัชกาลที่สี่อีก 5 พระองค์ อาทิ คือ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ( สมเด็จพระเจ้าบรม วงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวิตติวงศ์ ) ครั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดเป็นการพิเศษ คือมีกระบวนแห่รอบนอกด้วย
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ ได้ทรงกล่าวไว้ในพระราชประวัติของพระองค์ที่พิมพ์ไว้ต้นหนังสือแจกงาน พระบรมศพว่า " ในปลาย รัชกาลที่ 4 นั้น ยังหาได้มีที่จะศึกษาเล่าเรียนได้ดีเสมอเหมือนอย่างทุกวันนี้ไม่ และพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในซึ่งทรงชำนาญในการอักษร เคยเป็นที่ศึกษาเล่าเรียน ของเจ้านายชั้นหลังนั้นก็สิ้นพระชนม์ไปเสียหมดแล้ว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ จึงมีโอกาสที่จะทรงศึกษาเล่าเรียนได้น้อยนัก แต่หากว่าทรงมีพระวิริยะพระปัญญา แตก ตั้งแต่ประสูติมาเดิมแล้ว และพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงพระเมตตากรุณาใช้สอยติดตามเสด็จ มาแต่ยังทรงพระเยาว์ได้ทรงเห็นทรงฟังพระกระแส รับสั่ง และการงานในพระราชสำนักมาก อีกทั้งได้ทรงพระอุตสาหะหมั่นฟังหมั่นถาม เล่าเรียน หมั่นเขียน หมั่นตริตรองตามวิสัยบัณฑิตยชาติ จึงได้ทรงทราบสรรพ วิชาอันควรจะทราบได้ ถ้าแม้จะไม่ดีกว่า ก็เสมอเหมือนผู้ที่มีความรู้และศึกษาเล่าเรียนอย่างดีแล้วก็ได้ ความข้อนี้มีพยานที่จะให้เห็นปรากฏชัด ในลายพระราชหัตถ์ ที่ทรงไว้เป็นอันมาก กับทั้งในราชการบ้านเมืองอันสำคัญที่สุด ซึ่งได้ทรงสำเร็จราชการแผ่นดินต่างพระองค์ ในเวลาซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เสด็จพระ ราชดำเนินประพาสยุโรปใน พ.ศ. 2440 ย่อมปรากฏชัดเจนแก่คนทั้งปวงทั่วหน้ากันแล้ว ทรงพระปัญญาสามารถที่จะวินิจฉัยราชการได้ทั่วไป แม้ที่สุดในข้อสำคัญ ๆ ซึ่งเกิดมีความเห็นแตกต่างกันในระหว่างเจ้ากระทรวงทบวงการนั้น ๆ ก็ยังทรงพระราชวินิจฉัยได้แต่โดยลำพังพระองค์ให้เป็นที่พอใจกันได้ทั่วหน้าแล้ว และมิให้ เป็นที่เสียประโยชน์ราชการอย่างหนึ่งอย่างใดได้เลย "