• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:90134eab3d62d6f984ad207e217721a8' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"text-align: center; margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">    ดินเป็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ<br />\nเกิดจากการสลายตัวผุพังของหินชนิดต่าง ๆ โดยใช้เวลาที่นานมาก<br />\nหินที่สลายตัวผุกร่อนนี้จะมีขนาดต่าง ๆ กัน เมื่อผสมรวมกับซากพืช ซากสัตว์ น้ำ<br />\nอากาศ ก็กลายเป็นเนื้อดินซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้จะมากน้อยแตกต่างกันไปตามชนิดของดิน</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"text-align: center; margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<img src=\"/files/u87607/013.jpg\" width=\"233\" height=\"210\" />\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif; color: #a52a2a\">ประโยชน์ของดิน</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ดินมีประโยชน์มากมายมหาศาลต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น<br />\nๆ คือ</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">1. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ประโยชน์ต่อการเกษตรกรรม<br />\nเพราะดินเป็นต้นกำเนิดของการเกษตรกรรมเป็นแหล่งผลิตอาหารของมนุษย์<br />\nในดินจะมีอินทรียวัตถุและธาตุอาหารรวมทั้งน้ำที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช<br />\nอาหารที่คนเราบริโภคในทุกวันนี้มาจากการเกษตรกรรมถึง </span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">90%<o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">2. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">การเลี้ยงสัตว์<br />\nดินเป็นแหล่งอาหารสัตว์ทั้งพวกพืชและหญ้าที่ขึ้นอยู่<br />\nตลอดจนเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์บางชนิด เช่น งู แมลง นาก ฯลฯ</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">3. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย แผ่นดินเป็นที่ตั้งของเมือง<br />\nบ้านเรือน ทำให้เกิดวัฒนธรรมและอารยธรรมของชุมชนต่าง ๆ มากมาย</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">4. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">เป็นแหล่งเก็บกักน้ำ เนื้อดินจะมีส่วนประกอบสำคัญ<br />\nๆ คือ ส่วนที่เป็นของแข็ง ได้แก่ กรวด ทราย ตะกอน และส่วนที่เป็นของเหลว คือ<br />\nน้ำซึ่งอยู่ในรูปของความชื้นในดินซึ่งถ้ามีอยู่มาก ๆ<br />\nก็จะกลายเป็นน้ำซึมอยู่คือน้ำใต้ดิน น้ำเหล่านี้จะค่อย ๆ ซึมลงที่ต่ำ เช่น<br />\nแม่น้ำลำคลองทำให้เรามีน้ำใช้ได้ตลอดปี</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif; color: #a52a2a\">ชนิดของดิน</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">อนุภาคของดินจะรวมตัวกันเข้าเกิดเป็นเม็ดดิน<br />\nอนุภาคเหล่านี้จะมีขนาดไม่เท่ากัน ขนาดเล็กที่สุดคืออนุภาคดินเหนียว<br />\nอนุภาคขนาดกลางเรียกอนุภาคทรายแป้ง อนุภาคขนาดใหญ่เรียกว่า อนุภาคทรายเนื้อดิน<br />\nจะมีอนุภาคทั้ง </span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">3 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">กลุ่มนี้ผสมกันอยู่ในสัดส่วนที่ไม่เท่ากันทำให้เกิดลักษณะของดิน<br />\n</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">3 </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ชนิดใหญ่ ๆ คือ ดินเหนียว ดินทราย และดินร่วน</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">1. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ดินเหนียว เป็นดินที่เมื่อเปียกแล้วมีความยืดหยุ่น<br />\nอาจปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้เหนียวเหนอะหนะติดมือ<br />\nเป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้ดี<br />\nมีความสามารถในการจับยึดและแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้สูง หรือค่อนข้างสูง<br />\nเป็นดินที่มีก้อนเนื้อละเอียด เพราะมีปริมาณอนุภาคดินเหนียวอยู่มาก<br />\nเหมาะที่จะใช้ทำนาปลูกข้าวเพราะเก็บน้ำได้นาน</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">2. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ดินทราย เป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศดีมาก<br />\nมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ<br />\nเพราะความสามารถในการจับยึดธาตุอาหารพืชมีน้อย<br />\nพืชที่ชั้นบนดินทรายจึงมักขาดทั้งอาหารและน้ำเป็นดินที่มีเนื้อดินทรายเพราะมีปริมาณอนุภาคทรายมาก</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">3. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ดินร่วน<br />\nเป็นดินที่มีเนื้อดินค่อนข้างละเอียดนุ่มมือ ยืดหยุ่นได้บ้าง มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง<br />\nจัดเป็นเนื้อดินที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกในธรรมชาติมักไม่ค่อยพบ<br />\nแต่จะพบดินที่มีเนื้อดินใกล้เคียงกันมากกว่า</span><span style=\"font-size: 18pt; text-align: center; font-family: IrisUPC, sans-serif\">สีของดิน<br />\nสีของดินจะทำให้เราทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ปริมาณอินทรียวัตถุที่ปะปนอยู่และแปรสภาพเป็นฮิวมัสในดิน<br />\nทำให้สีของดินต่างกันถ้ามีฮิวมัสน้อยสีจะจางลงมีความอุดมสมบูรณ์น้อย</span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"text-align: center; margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<img src=\"/files/u87607/d2.gif\" width=\"208\" height=\"240\" />\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"text-align: center; margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" align=\"center\" style=\"margin-left: 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 16pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ลักษณะโครงสร้างที่ดีของดิน ได้แก่<br />\nสภาพที่เม็ดดินเกาะกันเป็นก้อนเล็ก ๆ อยู่รวมกันอย่างหลวม ๆ ตลอดชั้นของหน้าดิน</span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" align=\"center\" style=\"margin-left: 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif; color: #a52a2a\">ปัญหาทรัพยากรดิน</span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ดินส่วนใหญ่ถูกทำลายให้สูญเสียความอุดมสมบูรณ์<br />\nหรือตัวเนื้อดินไปเนื่องจากการกระทำของมนุษย์<br />\nและการสูญเสียตามธรรมชาติทำให้เราไม่อาจใช้ประโยชน์จากดินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ<br />\nการสูญเสียดินเกิดได้จาก</span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\"></span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"> 1. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">การกัดเซาะและพังทลายโดยน้ำ<br />\nน้ำจำนวนมากที่กระทบผิวดินโดยตรงจะกัดเซาะผิวดิน ให้      หลุดลอยไปตามน้ำ การสูญเสียบริเวณผิวดินจะเป็นพื้นที่กว้าง<br />\nหรือถูกกัดเซาะเป็นร่องเล็ก ๆ ก็ขึ้นอยู่กับความแรง และบริเวณของน้ำที่ไหลบ่าลงมาก</span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">2. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">การตัดไม้ทำลายป่า การเผาป่า<br />\nถางป่าทำให้หน้าดินเปิด และถูกชะล้างได้ง่ายโดยน้ำและลมเมื่อฝนตกลงมา<br />\nน้ำก็ชะล้างเอาหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ไปกับน้ำ ทำให้ดินมีคุณภาพเสื่อมลง</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">3. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">การเพาะปลูกและเตรียมดินอย่างไม่ถูกวิธี<br />\nการเตรียมที่ดินทำการเพาะปลูกนั้นถ้าไม่ถูกวิธีก็จะก่อความเสียหายกับดินได้มากตัวอย่างเช่น<br />\nการไถพรวนขณะดินแห้งทำให้หน้าดินที่สมบูรณ์หลุดลอยไปกับลมได้<br />\nหรือการปลูกพืชบางชนิดจะทำให้ดินเสื่อมเร็ว การเผาป่าไม้ หรือตอข้าวในนา<br />\nจะทำให้ฮิวมัสในดินเสื่อมสลายเกิดผลเสียกับดินมาก</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" align=\"center\" style=\"margin-left: 36pt\">\n<img src=\"/files/u87607/30.gif\" width=\"257\" height=\"258\" />\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"text-align: center; margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\"></span> <span style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ดินที่เป็นกรด<br />\nเกษตรกรแก้ไขได้โดยการใช้ปูนขาวหว่าน และไถพรวนให้เข้ากับดิน</span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif; color: #a52a2a\">การอนุรักษ์ดิน</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพังทลายหรือการสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของหน้าดินนั้น<br />\nจะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ติดตามมา เช่น<br />\nดินขาดความอุดมสมบูรณ์ทำให้เกษตรกรต้องซื้อปุ๋ยเคมีมาบำรุงดินเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล<br />\nตะกอนดินที่ถูกชะล้างทำให้แม่น้ำและปากแม่น้ำตื้นเขิน<br />\nต้องขุดลอกใช้เงินเป็นจำนวนมาก เราจึงควรป้องกันไม่ให้ดินพังทลายหรือเสื่อมโทรมซึ่งสามารถกระทำได้ด้วยการอนุรักษ์ดิน</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">1. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">การใช้ที่ดินอย่างถูกต้องเหมาะสม<br />\nการปลูกพืชควรต้องคำนึงถึงชนิดของพืชที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของดิน<br />\nการปลูกพืชและการไถพรวนตามแนวระดับเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน<br />\nนอกจากนี้ควรจะสงวนรักษาที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไว้ใช้ในกิจการอื่น ๆ เช่น<br />\nโรงงานอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย<br />\nเพราะที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมในการเพาะปลูกมีอยู่จำนวนน้อย</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">2. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">การปรับปรุงบำรุงดิน การเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดิน<br />\nเช่น การใส่ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก การปลูกพืชตะกูลถั่ว การใส่ปูนขาวในดินที่เป็นกรด<br />\nการแก้ไขพื้นที่ดินเค็มด้วยการระบายน้ำเข้าที่ดิน เป็นต้น</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">3. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">การป้องกันการเสื่อมโทรมของดิน ได้แก่<br />\nการปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชบังลม การไถพรวนตามแนวระดับ<br />\nการทำคันดินป้องกันการไหลชะล้างหน้าดิน รวมทั้งการไม่เผาป่าหรือการทำไร่เลื่อนลอย</span><span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\">4. </span><span lang=\"TH\" style=\"font-size: 18pt; font-family: IrisUPC, sans-serif\">การให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน<br />\nการระบายน้ำในดินที่มีน้ำขังออกการจัดส่งเข้าสู่ที่ดินและการใช้วัสดุ เช่น<br />\nหญ้าหรือฟางคลุมหน้าดินจะช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์</span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" style=\"margin: 0cm 0cm 0.0001pt 36pt\">\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<u><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">สรุป</span></u><u><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span></u>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<b><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">    ดิน</span></b><span class=\"apple-converted-space\"><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\"> </span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">คือ<br />\nวัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการสลายตัวทางกายภาพ และทางเคมีของหินและแร่<br />\nรวมกับสารอินทรีย์<br />\nที่เกิดจากการสลายตัวของซากพืชซากสัตว์เป็นผิวชั้นบนที่หุ้มห่อโลก<br />\nซึ่งดินจะมีลักษณะและคุณสมบัติต่างกันไปในที่ต่างๆ ตามสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ<br />\nวัตถุต้นกำเนิด สิ่งมีชีวิตและระยะเวลาการสร้างตัวของดิน</span></span><u><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span></u>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<u><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">ข้อสอบ<o:p></o:p></span></u>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\">1. <span lang=\"TH\">สิ่งใดทำหน้าที่ย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์ที่ตายแล้ว</span></span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">   ก.จุลินทรีย์</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">   ข.กรด</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">   ค.สารเคมี</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">   ง.แร่ธาตุ</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\">2.<span lang=\"TH\"> </span></span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">สิ่งใดเป็นองค์ประกอบหลักของดิน</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">    ก.น้ำ</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">    ข.อินทรีย์วัตถุ</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">    ค.อากาศ</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">    ง.อนินทรีย์วัตถุ</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\">3.<span lang=\"TH\"> </span></span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; background-color: white; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">ดินข้อใดเหมาะแก่การปลูกพืชส่วนใหญ่</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">    ก.ดินเหนียว</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">    ข.ดินร่วน</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">    ค.ดินทราย</span><span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\">    ง.ดินโคลน<o:p></o:p></span>\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\">\n<span style=\"font-size: 18pt; line-height: 115%; font-family: IrisUPC, sans-serif\" lang=\"TH\"> </span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"MsoNormal\" align=\"center\" style=\"margin-left: 36pt; text-align: center\">\n<span style=\"font-size: 18pt; font-family: \'TH Mali Grade 6\'\"><o:p></o:p></span>\n</p>\n', created = 1728024746, expire = 1728111146, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:90134eab3d62d6f984ad207e217721a8' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ดิน

 

 

    ดินเป็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ
เกิดจากการสลายตัวผุพังของหินชนิดต่าง ๆ โดยใช้เวลาที่นานมาก
หินที่สลายตัวผุกร่อนนี้จะมีขนาดต่าง ๆ กัน เมื่อผสมรวมกับซากพืช ซากสัตว์ น้ำ
อากาศ ก็กลายเป็นเนื้อดินซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้จะมากน้อยแตกต่างกันไปตามชนิดของดิน

 

ประโยชน์ของดิน

ดินมีประโยชน์มากมายมหาศาลต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น
ๆ คือ

1. ประโยชน์ต่อการเกษตรกรรม
เพราะดินเป็นต้นกำเนิดของการเกษตรกรรมเป็นแหล่งผลิตอาหารของมนุษย์
ในดินจะมีอินทรียวัตถุและธาตุอาหารรวมทั้งน้ำที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช
อาหารที่คนเราบริโภคในทุกวันนี้มาจากการเกษตรกรรมถึง
90%

2. การเลี้ยงสัตว์
ดินเป็นแหล่งอาหารสัตว์ทั้งพวกพืชและหญ้าที่ขึ้นอยู่
ตลอดจนเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์บางชนิด เช่น งู แมลง นาก ฯลฯ

3. เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย แผ่นดินเป็นที่ตั้งของเมือง
บ้านเรือน ทำให้เกิดวัฒนธรรมและอารยธรรมของชุมชนต่าง ๆ มากมาย

4. เป็นแหล่งเก็บกักน้ำ เนื้อดินจะมีส่วนประกอบสำคัญ
ๆ คือ ส่วนที่เป็นของแข็ง ได้แก่ กรวด ทราย ตะกอน และส่วนที่เป็นของเหลว คือ
น้ำซึ่งอยู่ในรูปของความชื้นในดินซึ่งถ้ามีอยู่มาก ๆ
ก็จะกลายเป็นน้ำซึมอยู่คือน้ำใต้ดิน น้ำเหล่านี้จะค่อย ๆ ซึมลงที่ต่ำ เช่น
แม่น้ำลำคลองทำให้เรามีน้ำใช้ได้ตลอดปี

ชนิดของดิน

อนุภาคของดินจะรวมตัวกันเข้าเกิดเป็นเม็ดดิน
อนุภาคเหล่านี้จะมีขนาดไม่เท่ากัน ขนาดเล็กที่สุดคืออนุภาคดินเหนียว
อนุภาคขนาดกลางเรียกอนุภาคทรายแป้ง อนุภาคขนาดใหญ่เรียกว่า อนุภาคทรายเนื้อดิน
จะมีอนุภาคทั้ง
3 กลุ่มนี้ผสมกันอยู่ในสัดส่วนที่ไม่เท่ากันทำให้เกิดลักษณะของดิน
3 ชนิดใหญ่ ๆ คือ ดินเหนียว ดินทราย และดินร่วน

1. ดินเหนียว เป็นดินที่เมื่อเปียกแล้วมีความยืดหยุ่น
อาจปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้เหนียวเหนอะหนะติดมือ
เป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้ดี
มีความสามารถในการจับยึดและแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้สูง หรือค่อนข้างสูง
เป็นดินที่มีก้อนเนื้อละเอียด เพราะมีปริมาณอนุภาคดินเหนียวอยู่มาก
เหมาะที่จะใช้ทำนาปลูกข้าวเพราะเก็บน้ำได้นาน

2. ดินทราย เป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศดีมาก
มีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ
เพราะความสามารถในการจับยึดธาตุอาหารพืชมีน้อย
พืชที่ชั้นบนดินทรายจึงมักขาดทั้งอาหารและน้ำเป็นดินที่มีเนื้อดินทรายเพราะมีปริมาณอนุภาคทรายมาก

3. ดินร่วน
เป็นดินที่มีเนื้อดินค่อนข้างละเอียดนุ่มมือ ยืดหยุ่นได้บ้าง มีการระบายน้ำได้ดีปานกลาง
จัดเป็นเนื้อดินที่เหมาะสมสำหรับการเพาะปลูกในธรรมชาติมักไม่ค่อยพบ
แต่จะพบดินที่มีเนื้อดินใกล้เคียงกันมากกว่า
สีของดิน
สีของดินจะทำให้เราทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ปริมาณอินทรียวัตถุที่ปะปนอยู่และแปรสภาพเป็นฮิวมัสในดิน
ทำให้สีของดินต่างกันถ้ามีฮิวมัสน้อยสีจะจางลงมีความอุดมสมบูรณ์น้อย

 

ลักษณะโครงสร้างที่ดีของดิน ได้แก่
สภาพที่เม็ดดินเกาะกันเป็นก้อนเล็ก ๆ อยู่รวมกันอย่างหลวม ๆ ตลอดชั้นของหน้าดิน

ปัญหาทรัพยากรดิน

ดินส่วนใหญ่ถูกทำลายให้สูญเสียความอุดมสมบูรณ์
หรือตัวเนื้อดินไปเนื่องจากการกระทำของมนุษย์
และการสูญเสียตามธรรมชาติทำให้เราไม่อาจใช้ประโยชน์จากดินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การสูญเสียดินเกิดได้จาก

 1. การกัดเซาะและพังทลายโดยน้ำ
น้ำจำนวนมากที่กระทบผิวดินโดยตรงจะกัดเซาะผิวดิน ให้      หลุดลอยไปตามน้ำ การสูญเสียบริเวณผิวดินจะเป็นพื้นที่กว้าง
หรือถูกกัดเซาะเป็นร่องเล็ก ๆ ก็ขึ้นอยู่กับความแรง และบริเวณของน้ำที่ไหลบ่าลงมาก

2. การตัดไม้ทำลายป่า การเผาป่า
ถางป่าทำให้หน้าดินเปิด และถูกชะล้างได้ง่ายโดยน้ำและลมเมื่อฝนตกลงมา
น้ำก็ชะล้างเอาหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์ไปกับน้ำ ทำให้ดินมีคุณภาพเสื่อมลง

3. การเพาะปลูกและเตรียมดินอย่างไม่ถูกวิธี
การเตรียมที่ดินทำการเพาะปลูกนั้นถ้าไม่ถูกวิธีก็จะก่อความเสียหายกับดินได้มากตัวอย่างเช่น
การไถพรวนขณะดินแห้งทำให้หน้าดินที่สมบูรณ์หลุดลอยไปกับลมได้
หรือการปลูกพืชบางชนิดจะทำให้ดินเสื่อมเร็ว การเผาป่าไม้ หรือตอข้าวในนา
จะทำให้ฮิวมัสในดินเสื่อมสลายเกิดผลเสียกับดินมาก

 

 ดินที่เป็นกรด
เกษตรกรแก้ไขได้โดยการใช้ปูนขาวหว่าน และไถพรวนให้เข้ากับดิน

การอนุรักษ์ดิน

ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการพังทลายหรือการสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของหน้าดินนั้น
จะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ติดตามมา เช่น
ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ทำให้เกษตรกรต้องซื้อปุ๋ยเคมีมาบำรุงดินเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล
ตะกอนดินที่ถูกชะล้างทำให้แม่น้ำและปากแม่น้ำตื้นเขิน
ต้องขุดลอกใช้เงินเป็นจำนวนมาก เราจึงควรป้องกันไม่ให้ดินพังทลายหรือเสื่อมโทรมซึ่งสามารถกระทำได้ด้วยการอนุรักษ์ดิน

1. การใช้ที่ดินอย่างถูกต้องเหมาะสม
การปลูกพืชควรต้องคำนึงถึงชนิดของพืชที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของดิน
การปลูกพืชและการไถพรวนตามแนวระดับเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน
นอกจากนี้ควรจะสงวนรักษาที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไว้ใช้ในกิจการอื่น ๆ เช่น
โรงงานอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย
เพราะที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และเหมาะสมในการเพาะปลูกมีอยู่จำนวนน้อย

2. การปรับปรุงบำรุงดิน การเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดิน
เช่น การใส่ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก การปลูกพืชตะกูลถั่ว การใส่ปูนขาวในดินที่เป็นกรด
การแก้ไขพื้นที่ดินเค็มด้วยการระบายน้ำเข้าที่ดิน เป็นต้น

3. การป้องกันการเสื่อมโทรมของดิน ได้แก่
การปลูกพืชคลุมดิน การปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชบังลม การไถพรวนตามแนวระดับ
การทำคันดินป้องกันการไหลชะล้างหน้าดิน รวมทั้งการไม่เผาป่าหรือการทำไร่เลื่อนลอย

4. การให้ความชุ่มชื้นแก่ดิน
การระบายน้ำในดินที่มีน้ำขังออกการจัดส่งเข้าสู่ที่ดินและการใช้วัสดุ เช่น
หญ้าหรือฟางคลุมหน้าดินจะช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์

 

สรุป

    ดิน คือ
วัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากการสลายตัวทางกายภาพ และทางเคมีของหินและแร่
รวมกับสารอินทรีย์
ที่เกิดจากการสลายตัวของซากพืชซากสัตว์เป็นผิวชั้นบนที่หุ้มห่อโลก
ซึ่งดินจะมีลักษณะและคุณสมบัติต่างกันไปในที่ต่างๆ ตามสภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ
วัตถุต้นกำเนิด สิ่งมีชีวิตและระยะเวลาการสร้างตัวของดิน

ข้อสอบ

1. สิ่งใดทำหน้าที่ย่อยสลายซากพืชและซากสัตว์ที่ตายแล้ว

   ก.จุลินทรีย์

   ข.กรด

   ค.สารเคมี

   ง.แร่ธาตุ

2. สิ่งใดเป็นองค์ประกอบหลักของดิน

    ก.น้ำ

    ข.อินทรีย์วัตถุ

    ค.อากาศ

    ง.อนินทรีย์วัตถุ

3. ดินข้อใดเหมาะแก่การปลูกพืชส่วนใหญ่

    ก.ดินเหนียว

    ข.ดินร่วน

    ค.ดินทราย

    ง.ดินโคลน

 

 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 443 คน กำลังออนไลน์