0128 จรวด
เผยโฉมจรวดใหม่ของนาซ่า .........
ในช่วงที่กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี่เตรียมตัวออกสู่อวกาศ นาซ่าได้ประกาศชื่อของจรวดที่จะใช้แทนคือ Ares I หรือ Crew Launch Vehicle(CLV) เดิมซึ่งจะนำนักบินอวกาศขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกได้เร็วที่สุดในปี 2011 ขณะที่จรวดผลักดันขนาดใหญ่ซึ่งถูกออกแบบมาให้นำระวางมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ในช่วงปลายทศวรรษหน้าจะใช้ชื่อว่า Ares V
เครื่องยนต์ RS-68 ที่เห็นในระหว่างทดสอบนี้ เป็นเครื่องยนต์ไฮโดรเจน/ออกซิเจนที่มีพลังมากที่สุดในโลก เมื่อทำงานเต็มที่ ในแต่ละวินาทีจะมีเชื้อเพลิง 370 กิโลกรัมไหลเข้าสู่ห้องสันดาปของ RS-68 เครื่องยนต์นี้จะแทนที่เครื่องยนต์ SSME บนจรวด Ares I และ Ares V ของนาซ่า
Ares ซึ่งเป็นคำกรีกหมายความถึงดาวอังคาร เป็นวิสัยทัศน์ขององค์กรที่จะส่งนักบินอวกาศสู่ดาวเคราะห์สีแดงในวันหน้า การออกแบบสืบเนื่องมาจากจรวด Saturn I และ Saturn V ในยุคปฏิบัติการยานอพอลโล่ ซึ่งเป็นจรวดนำส่งขนาดใหญ่ลำแรกของสหรัฐอเมริกาที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการบินอวกาศโดยมนุษย์ Scott Horowitz ผู้ช่วยผู้บริหารกองอำนวยการระบบสำรวจขององค์กร กล่าวว่า เรายกความดีให้กับการออกแบบในอดีตและเชื่อมโยงถึงอนาคตด้วยชื่อที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการสำรวจของนาซ่า
จรวดทั้งสองใช้องค์ประกอบที่ปรับปรุงมาจากโครงการกระสวยอวกาศเดิม แต่ในเดือนพฤษภาคม องค์กรก็พยายามออกแบบจรวดให้ประหยัดเงิน เมื่อนาซ่าเผยแผนเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งจะกลับมาใช้เครื่องยนต์หลักกระสวยอวกาศ(SSMEs) กับจรวดท่อนบนของ Ares I SSMEs แต่ละอันมีค่าใช้จ่าย 80 ล้านดอลลาร์และต้องมีการพัฒนาเพิ่มเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้เพียงพอกับจรวดที่ใช้แล้วทิ้ง แม้ว่าการใช้ SSME บนจรวดท่อนบนซึ่งจะจุดระเบิดที่ระดับความสูงมาก แทนที่จะจุดจากพื้น จะยิ่งทำให้ค่าใช้จ่ายยิ่งสูงขึ้นก็ตาม ดังนั้น นาซ่าจึงเปลี่ยนเครื่องยนต์จรวดท่อนบนของ Ares I เป็นเครื่องยนต์ J-2S ที่ใช้ออกซิเจนเหลว/ไฮโดรเจนเหลว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่พัฒนาจากเครื่องยนต์ที่ส่งกำลังให้กับจรวดท่อนบนของ Saturn จรวดท่อนแรกของ Ares I ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ด้วยเช่นกัน แผนเดิมจะใช้จรวดเชื้อเพลิงแข็ง(SRB) 4 ท่อนที่คล้ายกับจรวดซึ่งใช้ในกระสวยอวกาศ แต่ Ares I จะใช้ SRB รุ่นใหม่ที่มี 5 ท่อนแทนการเปลี่ยน SSMEs ใน Ares I จะช่วยเปิดทางให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน Ares V จรวดท่อนแรกของจรวดนำส่งระวางหนักอันนี้เดิมทีถูกออกแบบให้เป็นกลุ่มเครื่องยนต์ SSME 5 ตัว แต่ในขณะนี้จะใช้เครื่องยนต์ที่ปรับปรุงจาก RS-68 จากจรวด Delta IV ของบริษัทโบอิ้งแทน นี่เป็นเครื่องยนต์เชื้อเพลิงเหลวขนาดใหญ่อันแรกที่พัฒนาในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยุคของ SSMEs
Ares I หรือก่อนหน้านี้คือ Crew Launch Vehicle ซึ่งจะนำนักบินอวกาศขึ้นสู่วงโคจรโลกได้เร็วถึงปี 2011 และจรวด Ares V จะนำอุปกรณ์ขึ้นสู่วงโคจร ซึ่งรวมถึงจรวดส่วนออกจากโลก(Earth Departure Stage) ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์กลับไปดวงจันทร์ได้
RS-68 รุ่นปกติส่งผลต่อระบบต่างๆ น้อยกว่าเครื่องยนต์ขนาดเท่ากัน และเครื่องยนต์ก็จุดระเบิดที่ระดับน้ำทะเลได้ดีกว่าเครื่องยนต์หลักของกระสวย 55 % แต่ก็เป็นเรื่องราคาที่ดึงดูดใจมากกว่า นาซ่าสามารถซื้อ RS-68s ได้ 4 ตัวด้วยเงินที่ใช้ซื้อ SSME เพียงตัวเดียว การเปลี่ยนแปลงยังเกิดกับจรวดท่อนแรกของ Ares V ด้วย ขณะที่ RS-68 พัฒนาการจุดระเบิดได้ดีขึ้น แต่มันก็มีประสิทธิภาพน้อยกว่า SSME จรวดท่อนแรกของ Ares V จะต้องกว้างเป็น 10 เมตรเพื่อให้จุเชื้อเพลิงได้มากขึ้น
CEV(Crew Exploration Vehicle) จะนำนักบินอวกาศขึ้นสู่วงโคจรและ Lunar Surface Access Module(LSAM) ที่ร่อนลงจอดบนดวงจันทร์จะเป็นองค์ประกอบเพียงอันเดียวที่ยังไม่มีชื่อในโครงการใหม่ของนาซ่า รายงานบอกว่าองค์กรกำลังเลือกชื่อ Altair ให้กับ CEV และ Artemis ให้ LSAM
แหล่งอ้างอิง: โครงการเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ (LESA)
http://203.172.208.242/tatalad/subject/Science/Earth%20Science/space/rocket/rocket_index.htm