ชนิดของคำ
1. คำนาม
คำนาม คือ คำที่ใช้เรียกชื่อสิ่งต่างๆ
1.1 สามานยนาม = คำเรียกชื่อทั่วไป เช่น คน นางพยาบาล นางฟ้า นางงาม ดารา สัตว์ งู หมา กบ ยีราฟ หมู ขนมปัง ตะเกียง ต้นไม้
1.2 วิสามานยนาม = คำเรียกชื่อเฉพาะเจาะจง เช่น นายสะอาด คุณฉุย ไอ้ด่าง กทม. สะพานพุทธ
1.3 ลักษณนาม = คำเรียกลักษณะสิ่งต่างๆ เช่น รถ 3 คัน ม้า 4 ตัว บุหรี่ 1 มวน ขลุ่ย 2 เลา แสตมป์ 3 ดวง
1.4 สมุหนาม = คำเรียกหมวดหมู่สิ่งต่างๆ เช่น คณะ ฝูง หมู่ นิกาย สำรับ ก๊ก กลุ่ม ชุด พวก
1.5 อาการนาม = การ, ความ + กริยา, วิเศษณ์
2. สรรพนาม
คำสรรพนาม คือ คำที่ใช้แทนนาม
2.1 บุรุษสรรพนาม
- บุรุษที่ 1 แทนคนพูด เช่น ฉัน ผม ดิฉัน เรา อาตมา ข้าพระพุทธเจ้า
- บุรุษที่ 2 แทนคนฟัง เช่น เธอ คุณ ท่าน ใต้เท้า พระคุณเจ้า ใต้ฝ่าละอองพระบาท
- บุรุษที่ 3 แทนคนที่เราพูดถึง เช่น เขา พวกมัน พระองค์
2.2 ประพันธสรรพนาม = ที่ ซึ่ง อัน ผู้ ที่แทนนามข้างหน้า และใช้เชื่อมประโยคด้วย
เช่น - คนที่พูดมากจะถูกหักคะแนน
- วิทยุที่เธอซื้อมาใหม่ทันสมัยสุดสุด
2.3 วิภาคสรรพนาม (แสดงการแยก) = ต่าง บ้าง กัน ที่แทนนามข้างหน้า
เช่น - ทุกคนต่างดีใจ
- ใครบ้างชอบเตะบอล
- เธอคุยกันซะเสียงดัง
2.4 นิยมสรรพนาม (แสดงความเจาะจง) = นี่ นี้ นั่น นั้น โน่น โน้น เช่น นี่คือฉัน นั่นคือเธอ โน่นคือลา
2.5 อนิยมสรรพนาม (ไม่เจาะจง) = ใคร ใครๆ อะไร อะไรๆ ไหน ไหนๆ
เช่น - ใครๆเขาก็ทำได้
- เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
2.6 ปฤจฉาสรรพนาม (แสดงคำถาม) = ใคร อะไร ไหน
เช่น - อะไรอยู่ในตะกร้า
- ใครจะกินพิซซ่าบ้าง
3. กริยา
กริยา คือ คำแสดงอาการต่างๆ
3.1 สกรรม : ต้องมีกรรม เช่น กิน หิ้ว ขาย แจก ให้ ถวาย
3.2 อกรรม : ไม่ต้องมีกรรม เช่น ยืน นั่ง เห่า หอม เหม็น สกปรก กระเซ็น
3.3 วิกตรรถ : กริยา “คือ เป็น คล้าย เท่า เหมือน (ดุจ ประดุจ ประหนึ่ง เสมือน)”
เช่น เขาเป็นอาของฉันเอง หน้าเธอเหมือนริกกี้ จมูกเขาคล้ายลีโอนาร์โด
3.4 กริยานุเคราะห์ : กริยาช่วย ได้แก่ ย่อม กำลัง คงจะ อาจจะ จะ ต้อง ได้ แล้ว ถูก
เช่น เขาอาจจะไปแล้ว เพราะต้องไปหาพ่อ เมื่อวานก็เพิ่งถูกพ่อดุเอง
3.5 กริยาสภาวมาลา : กริยาที่ทำหน้าที่เหมือนนาม
เช่น - นอนหลับมากๆทำให้ร่างกายแข็งแรง
- เขามาเพื่อดูหนัง
4. วิเศษณ์
วิเศษณ์ คือ คำขยาย
4.1 ลักษณะ : วิเศษณ์บอกลักษณะ เช่น ดี ชั่ว ใหญ่ เล็ก ขาว กลม แบน หอม หวาน
4.2 กาละ : วิเศษณ์บอกเวลา เช่น เช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ อดีต ปัจจุบัน อนาคต
4.3 สถานะ : วิเศษณ์บอกสถานที่ เช่น ใกล้ ไกล บน ล่าง เหนือ ใต้ ขวา ซ้าย
ตัวอย่าง - เขาอยู่ไกล ฉันอยู่ใกล้
- เธออยู่ซ้าย ฉันอยู่ขวา
- เขาอยู่บน เธออยู่ล่าง
4.4 ประมาณ : วิเศษณ์บอกจำนวน เช่น หนึ่ง สอง สาม มาก น้อย หลาย บรรดา หมด บาง บ้าง คนละ
4.5 นิยม : วิเศษณ์ชี้เฉพาะ เช่น นี้ นั้น โน้น ทั้งนี้ ทั้งนั้น เอง เฉพาะ แน่นอน
เช่น ฉันเองที่ผิด คนแบบฉัน เป็นฉันทั้งนั้น คือเธอแน่นอน
4.6 อนิยม : วิเศษณ์ไม่เจาะจง เช่น ใด อะไร กี่ ไหน อย่างไร อื่นๆ
เช่น เธอพูดอย่างไร คนอื่นๆเชื่อเธอแน่ อ่านหนังสืออะไร
4.7 ปฤจฉา : วิเศษณ์แสดงคำถาม เช่น ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไม
เช่น เขาจะทำอย่างไร สิ่งไหนที่เธอต้องการ รู้ไหมใครแอบรักเธอ
4.8 ประติชญา : วิเศษณ์แสดงหางเสียงลงท้าย เช่น จ๊ะ ค่ะ ครับ ขอรับ โว้ย
เช่น ท่านเจ้าขา คุนท่านครับ คุณผู้ชายขา แจ๋วจ๊ะ ไอ้มากโว้ย
4.9 ประติเษธ : วิเศษณ์แสดงความปฏิเสธ เช่น ไม่ ไม่ใช่ หาไม่ หามิได้ ใช่
เช่น เขาใช่จะรักเธอ เขาไม่เคยมองคนอื่นเลย เขาไม่ได้กินโค้กแคน
4.10 ประพันธ์ : วิเศษณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อม ได้แก่ ที่ ซึ่ง อัน ที่เชื่อมประโยคและตามหลังคำวิเศษณ์
เช่น เธอมีค่ามากซึ่งมิอาจประมาณได้ จุกเป็นเด็กฉลาดที่หาไม่ได้อีกแล้ว
5. บุพบท
บุพบท คือ คำเชื่อมที่ตามด้วยคำหรือวลี เช่น ของ สำหรับ เพื่อ ใน แก่ กับ บน ล่าง
ตัวอย่าง - เขากินมะม่วงในจาน
- บ้านของเธอใหญ่มาก
- พ่อให้รางวัลแก่ฉัน
- เขานั่งอยู่บนเก้าอี้
- ข้าแต่ท่านทั้งหลาย
- ปลาหมอตายเพราะปาก
6. สันธาน
สันธาน คือ คำเชื่อมที่ตามด้วยประโยค
ตัวอย่าง - เขาเตะบอลแต่เธอเล่นบาส
- แม่ดุจนลูกร้องไห้
- ปลาหมอตายเพราะปากไม่ดี
7. อุทาน
อุทาน คือ คำแสดงอารมณ์ต่างๆ
7.1 อุทานบอกอาการ เช่น ตกใจ : คุณพระช่วย ตาเถร
ประหลาดใจ : อ๊ะ ฮ้า บ๊ะ เอ
ดีใจ : ไชโย
เจ็บปวด : โอ้ย
สงสาร : อนิจจา พุทโธ่
7.2 อุทานเสริมบท เช่น ได้ดิบได้ดี ชงชาม ละคงละคร อาหงอาหาร รถรา