• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:53485df290cdb1b5201565ae8f00e467' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\nคำอุทาน คือ<span style=\"color: #3366ff\"> </span><span style=\"color: #000080\">คำที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกของผู้พูด มักจะเป็นคำที่ไม่มีความหมาย แต่เน้นความรู้สึก <br />\nและอารมณ์ของผู้พูด เสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำอุทานนี้ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ<br />\n</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #3366ff\"><br />\n1. เป็นคำ เช่น โอ๊ย ว้าย แหม โถ เป็นต้น <br />\n2. เป็นวลี เช่น พุทโธ่เอ๋ย คุณพระช่วย ตายละว้า เป็นต้น <br />\n3. เป็นประโยค เช่น ไฟไหมเจ้าข้า ป้าถูกรถชน เป็นต้น<br />\n</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #333399\">     คำอุทานแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ<br />\n</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #333399\"><br />\n1.อุทานบอกอาการ ใช้เปล่งเสียงเพื่อบอกอาการและความรู้สึกต่างๆของผู้พูด เช่น ร้องเรียกหรือบอกเพื่อให้รู้สึกตัว เช่น แน่น เฮ้ โว้ย<br />\n</span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #3366ff\"><br />\nตัวอย่าง</span><br />\n<span style=\"color: #3366ff\"><br />\n๑. แสดงอาการร้องเรียกหรือบอกให้รู้ตัว   ได้แก่  แน่ะ!,นี่แน่ะ!,เฮ้!,เฮ้อ!<br />\n๒. แสดงอาการโกรธเคือง  ได้แก่ เหม่ !,อุเหม่!,ฮึ่ม!,ชิชะ!,ดูดู๋!<br />\n๓.แสดงอาการตกใจ  ได้แก่ ว้าย!,ตาย !,ช่วยด้วย !,คุณพระช่วย!<br />\n๔.แสดงอาการประหลาดใจ ได้แก่ ฮ้า !,แหม!,โอ้โฮ!,แม่เจ้าโว้ย!<br />\n๕.แสดงอาการสงสารหรือปลอบโยน ได้แก่  โถ!,โธ่!,อนิจจัง!,พุทโธ่!<br />\n๖.แสดงอาการเข้าใจหรือรับรู้  เช่น อือ!,อ้อ!,เออ!,เออน่ะ!<br />\n๗.แสดงอาการเจ็บปวด  เช่น อุ๊ย!,โอย!,โอ๊ย!<br />\n๘.แสดงอาการดีใจ เช่น ไชโย!<br />\n</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #333399\"><br />\n2.อุทานเสริมบท คือ คำพูดเสริมขึ้นมาโดยไม่มีความหมาย อาจอยู่หน้าคำ หลังคำหรือแทรกกลางคำ เพื่อเน้นความหมาย ของคำที่จะพูดให้ชัดเจนขึ้น เช่น อาบน้ำอาบท่า ลืมหูลืมตา กินน้ำกินท่า ถ้าเนื้อความมีความหมายในทางเดียวกัน เช่น ไม่ดูไม่แล ร้องรำทำเพลง เราเรียกคำเหล่านี้ว่า คำซ้อน<br />\n</span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"color: #3366ff\"><br />\nตัวอย่าง<br />\nแบ่งเป็น ๒ ประเภท  คือ<br />\n๑.คำที่กล่าวเสริมขึ้นเพื่อให้คล้องจอง หรือมีความหมายในการพูดดีขึ้น เช่น หนังสือ,หนังหา,ส้มสุกลูกไม้,กางกุ้งกางเกง ฯลฯ<br />\n๒.คำที่แทรกลงในระหว่างคำประพันธ์  เพื่อให้เกิดความสละสลวยและให้มีคำครบถ้วนตามต้องการในคำประพันธ์นั้นๆ  คำอุทานชนิดนี้ใช้     เฉพาะในคำประพันธ์    ไม่นำมาใช้ในการพูดสนทนา  เช่น  อ้า ,โอ้ ,โอ้ว่า,แล,นา ,ฤา , แฮ, เอย ,เฮย ฯลฯ<br />\n</span>\n</p>\n', created = 1715809181, expire = 1715895581, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:53485df290cdb1b5201565ae8f00e467' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

คำอุทาน

คำอุทาน คือ คำที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกของผู้พูด มักจะเป็นคำที่ไม่มีความหมาย แต่เน้นความรู้สึก
และอารมณ์ของผู้พูด เสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำอุทานนี้ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ


1. เป็นคำ เช่น โอ๊ย ว้าย แหม โถ เป็นต้น
2. เป็นวลี เช่น พุทโธ่เอ๋ย คุณพระช่วย ตายละว้า เป็นต้น
3. เป็นประโยค เช่น ไฟไหมเจ้าข้า ป้าถูกรถชน เป็นต้น

     คำอุทานแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ


1.อุทานบอกอาการ ใช้เปล่งเสียงเพื่อบอกอาการและความรู้สึกต่างๆของผู้พูด เช่น ร้องเรียกหรือบอกเพื่อให้รู้สึกตัว เช่น แน่น เฮ้ โว้ย



ตัวอย่าง


๑. แสดงอาการร้องเรียกหรือบอกให้รู้ตัว   ได้แก่  แน่ะ!,นี่แน่ะ!,เฮ้!,เฮ้อ!
๒. แสดงอาการโกรธเคือง  ได้แก่ เหม่ !,อุเหม่!,ฮึ่ม!,ชิชะ!,ดูดู๋!
๓.แสดงอาการตกใจ  ได้แก่ ว้าย!,ตาย !,ช่วยด้วย !,คุณพระช่วย!
๔.แสดงอาการประหลาดใจ ได้แก่ ฮ้า !,แหม!,โอ้โฮ!,แม่เจ้าโว้ย!
๕.แสดงอาการสงสารหรือปลอบโยน ได้แก่  โถ!,โธ่!,อนิจจัง!,พุทโธ่!
๖.แสดงอาการเข้าใจหรือรับรู้  เช่น อือ!,อ้อ!,เออ!,เออน่ะ!
๗.แสดงอาการเจ็บปวด  เช่น อุ๊ย!,โอย!,โอ๊ย!
๘.แสดงอาการดีใจ เช่น ไชโย!


2.อุทานเสริมบท คือ คำพูดเสริมขึ้นมาโดยไม่มีความหมาย อาจอยู่หน้าคำ หลังคำหรือแทรกกลางคำ เพื่อเน้นความหมาย ของคำที่จะพูดให้ชัดเจนขึ้น เช่น อาบน้ำอาบท่า ลืมหูลืมตา กินน้ำกินท่า ถ้าเนื้อความมีความหมายในทางเดียวกัน เช่น ไม่ดูไม่แล ร้องรำทำเพลง เราเรียกคำเหล่านี้ว่า คำซ้อน



ตัวอย่าง
แบ่งเป็น ๒ ประเภท  คือ
๑.คำที่กล่าวเสริมขึ้นเพื่อให้คล้องจอง หรือมีความหมายในการพูดดีขึ้น เช่น หนังสือ,หนังหา,ส้มสุกลูกไม้,กางกุ้งกางเกง ฯลฯ
๒.คำที่แทรกลงในระหว่างคำประพันธ์  เพื่อให้เกิดความสละสลวยและให้มีคำครบถ้วนตามต้องการในคำประพันธ์นั้นๆ  คำอุทานชนิดนี้ใช้     เฉพาะในคำประพันธ์    ไม่นำมาใช้ในการพูดสนทนา  เช่น  อ้า ,โอ้ ,โอ้ว่า,แล,นา ,ฤา , แฮ, เอย ,เฮย ฯลฯ

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 199 คน กำลังออนไลน์