คำนาม
คำนาม คือ คำที่แสดงความหมายถึง คน สัตว์ สิ่งของ สภาพ อาการ สถานที่ ลักษณะซึ่งรวมทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต
ชนิดของคำนาม
คำนามทั่วไป หรือ สามานยนาม เป็นคำที่ไม่ชี้เฉพาะว่าเป็นสิ่งไหน เช่น สมุด ดินสอ ปากกา
ตัวอย่างของสามานยนาม เช่น
ดอกไม้อยู่ในแจกัน
แมวชอบกินปลา
คำนามเฉพาะ หรือ วิสามานยนาม เป็นคำที่ชี้เฉพาะลงไปว่าเป็นใครหรือสิ่งใด เช่น นายแดง วัดพระแก้ว
ตัวอย่างของวิสามานยนาม เช่น
นิดและน้อยเป็นพี่น้องกัน
อิเหนาได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดของกลอนบทละคร
คำนามบอกลักษณะ หรือ ลักษณนาม เป็นคำตามหลังจำนวนบอกลักษณะของนามนั้น ๆ เช่น ปากกา ๓ ด้าม ไข่ ๓ ฟอง
ตัวอย่างของลักษณนาม เช่น
คน 6 คน นั่งรถ 2 คน
ผ้า 20 ผืน เรียกว่า 1 กุลี
คำนามบอกหมวดหมู่ หรือ สมุหนาม เป็นคำที่บอกว่ามีหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง รวมกัน เช่น ฝูง กอง
ตัวอย่างของสมุหนาม เช่น
กองยุวกาชาดมาตั้งค่ายอยู่ที่นี่
พวกเราไปต้อนรับคณะรัฐมนตรี
คำนามบอกอาการ หรือ อาการนาม เป็นคำที่บอกการกระทำหรือการแสดงมักมีคำว่า การ ความ นำหน้า เช่น การกิน การนอน ความดี ความชั่ว
ตัวอย่างของอาการนาม เช่น
การวิ่งเพื่อสุขภาพไม่ต้องใช้ความเร็ว การเรียนช่วยให้มีความรู้
ข้อสังเกต คำว่า “การ” และ “ความ” ถ้านำหน้าคำชนิดอื่นที่ไม่ใช่คำกริยา หรือวิเศษณ์จะไม่นับว่าเป็นอาการนาม เช่น การรถไฟ , การประปา , ความแพ่ง เป็นต้น คำเหล่านี้จัดเป็นสามานยนาม
หน้าที่ของคำนาม
ทำหน้าที่เป็นประธาน เช่น ตำรวจจับผู้ร้าย พ่อขับรถจักรยานยนต์
ทำหน้าที่เป็นกรรม เช่น แมวไล่หนู ฉัตรชัยกินข้าว
ทำหน้าที่เป็นกรรมตรงและกรรมรอง เช่น แม่ทำทองหยิบให้นิด
(ทองม้วน ทำหน้าที่เป็นกรรมตรงของกริยา ทำ และ นิด เป็นกรรมรองของกริยา ทำ )
ทำหน้าที่ขยายคำนามอื่น
ทำหน้าที่ขยายกริยา บอกสถานที่ ทิศทาง หรือเวลา เช่น เขาไปตลาด นิดชอบทำงานกลางคืน