คำไทยแท้
ลักษณะคำไทยแท้
๑.คำไทยแท้ส่วนมากมีพยางค์เดียว ไม่ว่าจะเป็นคำนาม สรรพนาม วิเศษณ์ บุพบท สันธาน อุทาน ฯลฯ ซึ่งเรียกว่าภาษาคำโดด เช่น ลุง ป้า น้า อา กา ไก่ ฯลฯ มีคำไทยแท้หลายคำที่มีหลายพยางค์ เช่น มะม่วง สะใภ้ ตะวัน กระโดด มะพร้าว ทั้งนี้เพราะสาเหตุที่เกิดจาก
๑.๑ การกร่อนเสียง คำ ๒ พยางค์เมื่อพูดเร็วๆ เข้า คำแรกจะกร่อนลง เช่น
มะม่วง - หมากม่วง
ตะคร้อ – ต้นคร้อ
สะดือ - สายดือ
มะตูม - หมากตูม
๑.๒ การแทรกเสียง คือคำ ๒ พยางค์เรียงกันแล้วมีเสียงแทรกตรงกลาง เช่น
ลูกกระดุม - ลูกดุม
ผักกระถิน - ผักถิน
นกกระจอก - นกจอก
ลูกกระเดือก - ลูกเดือก
๑.๓ การเติมพยางค์หน้าคำมูลโดยเติมคำให้มีความหมายใกล้เคียงกัน เช่น
จุ๋มจิ๋ม - กระจุ๋มกระจิ๋ม
เดี๋ยว - ประเดี๋ยว
ท้วง - ประท้วง
ทำ - กระทำ
๒.คำไทยแท้ไม่มีตัวการันต์ ไม่นิยมคำควบกล้ำแต่มีเสียงควบกล้ำอยู่บ้างเป็นการควบกล้ำด้วย ร,ล,ว และมีตัวสะกดตรงตามมาตรา เช่น เชย สาว จิก กัด ฯลฯ
๓.คำไทยแท้มีวรรณยุกต์ทั้งมีรูปและไม่มีรูป เพื่อแสดงความหมาย เช่น ฉันอ่านข่าวเรื่องข้าว
๔.การเรียงคำในภาษาไทยสับที่กันทำให้ความหมายเปลี่ยนไป เช่น ใจน้อย - น้อยใจ กลัวไม่จริง - จริงไม่กลัว
๕.คำไทยจะใช้รูป “ไอ” กับ “ใอ” จะไม่ใช้รูป “อัย” เลย และจะไม่พบพยัญชนะต่อไปนี้ ฆ ณ ฌ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ธ ศ ษ ฬ ยกเว้นคำบางคำที่เป็นคำไทย คือ ฆ่า เฆี่ยน ศึก ศอก เศิก เศร้า ธ ณ ฯพณฯ ใหญ่ หญ้า เป็นต้น
คำไทยแท้มีตัวสะกดตรงตามมาตราตัวสะกด มาตราตัวสะกดมี 8 มาตรา คำไทยจะสะกดตรงตามมาตราตัวสะกดและไม่มีการันต์ เช่น
มาตราแม่กก ใช้ ก สะกด เช่น มาก จาก นก จิก รัก
มาตราแม่กด ใช้ ด สะกด เช่น กัด ตัด ลด ปิด พูด
มาตราแม่กบ ใช้ บ สะกด เช่น จับ จบ รับ พบ ลอบ
มาตราแม่กน ใช้ น สะกด เช่น ขึ้น อ้วน รุ่น นอน กิน
มาตราแม่กง ใช้ ง สะกด เช่น ลง ล่าง อ่าง จง พุ่ง แรง
มาตราแม่กม ใช้ ม สะกด เช่น ลาม ริม เรียม ซ้อม ยอม
มาตราแม่เกย ใช้ ย สะกด เช่น ยาย โรย เลย รวย เฉย
มาตราแม่เกอว ใช้ ว สะกด เช่น ดาว เคียว ข้าว เรียว เร็ว
คำที่มีมาตราตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด จะเป็นคำที่เป็นภาษาอื่นที่ยืมมาใช้ในภาษาไทย
การพิจารณาว่าคำใดเป็นคำไทยแท้
ปัจจุบันนั้นมีคำศัพท์ใหม่เกิดขึ้นมากมาย จึงเป็นที่กังขากันว่าเราจะทราบได้อย่างไรว่า
คำไหนคือคำไทยแท้
- ภาษาไทยเป็นคำโดด ซึ่งหมายถึง คำที่ใช้ได้โดยอิสระ คือแต่ละคำใช้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปคำ
- คำภาษาไทยโดยมากเป็นคำพยางค์เดียว ส่วนเหตุที่มีคำไทยหลายคำที่มีหลายพยางค์นั้น เพราะ
คำเหล่านั้นเกิดขึ้นในชั้นที่สอง ไม่ใช่คำไทยเดิม คำไทยแท้เริ่มจากคำมูล ( คำที่มีความหมายในตัวสมบูรณ์
และไม่อาจแยกพยางค์ออกไปโดยให้มีความหมายได้อีก ) ซึ่งมักมีพยางค์เดียว คือ เปล่งเสียงออกมาครั้งเดียว
- คำที่ใช้เรียกเครือญาติมาแต่เดิม เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง พี่ ป้า น้า อา
- คำที่เป็นสรรพนาม เช่น มึง กู สู เรา เขา แก เอ็ง อี
- คำที่บอกกิริยาอาการโดยทั่วๆไปซึ่งใช้มาก่อน เช่น นั่ง นอน คลาน ย่าง ย่ำ ก้ม เงย เกิด ตาย
- คำที่บอกจำนวน เช่น อ้าย ยี่ ร้อย เอ็ด ล้าน จ้าน จัง
- คำที่ใช้เรียกเครื่องมือเครื่องใช้ หรือสัตว์สิ่งของที่ใช้ประกอบอาชีพมาแต่โบราณ เช่น บ้าน เรือน ครัว วัว
ควาย หม้อ เสา
- คำเรียกชื่อธรรมชาติซึ่งมีมานาน เช่น คลอง ห้วย หนอง ไฟ ดิน หิน ฝน
- คำที่ใช้เรียกสีที่รู้จักกันโดยทั่วไป เช่น ดำ ด่าง ม่วง เขียว มอ ฟ้า
- คำที่เป็นคุณศัพท์เก่าแก่ เช่น ใหญ่ หนัก แบน กลม เกลียด ลืม หลง อ้วน ซูบ
- คำที่ใช้เรียกอวัยวะ เช่น หู ตา มือ ตีน ขน ผม
- คำที่ใช้เป็นลักษณนาม เช่น กลอ ลำ ก้อน หลุม คน ข้าง
คำไทยแท้หลายพยางค์ เกิดจากวิธีการทางภาษา ดังนี้
- การกร่อนเสียง เช่น มะม่วง มาจาก หมากม่วง
- การแทรกเสียง เช่น ผักกะเฉด มาจาก ผักเฉด
- การเติมพยางค์หน้าคำมูล เช่น ท้วง มาจาก ประท้วง
- คำไทยแท้มีตัวสะกดตรงตามมาตรา เช่น ขัด กับ ตัก
- คำไทยแท้ไม่นิยมควบกล้ำ
- คำไทยแท้ไม่มีการันต์
- คำไทยแท้คำเดียวอาจมีความหมายหลายอย่าง เช่น ไก่ขัน ขบขัน ขันน้ำ
- คำไทยแท้มีรูปวรรณยุกต์เป็นเครื่องหมายกำกับเสียง เช่น คา ค่า ค้า
- คำไทยแท้ไม่พบพยัญชนะต่อไปนี้ ฆ ณ ญฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ธ ศ ษ ฬ ยกเว้น ฆ่า เฆี่ยน ระฆัง ศอก ศึก ธ เธอ ณ ฯลฯ ใหญ่ หญ้า
- คำไทยแท้หากออกเสียง ไอ จะใช้ ใอ เช่น ใหม่ สะใภ้ ใช้ ใฝ่