สิ่งที่เรามองข้าม บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย... ทำ...ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่านข้อความนี้มีความหมายดีนะ ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลงเรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลงเรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลงเรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้นเราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่าแค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึงเรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลงเรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลงทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้นดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษเพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้วจงแสวงหา การหยั่งรู้จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไปชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอดเอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสียน้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรมบอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหนอยู่ผัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมายเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลงและเวลานี้…. ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน…… แล้วคิดว่า….สักวันหนึ่ง………..ค่อยส่ง.. จงอย่าลืมคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..วันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้การสรุปบทความที่1 บทความข้างต้นกล่าสรุปได้สั้นๆว่า การที่คนเราจะทำกาสิ่งได้ก็ตามเราทุกคนต้องรีบทำการนั้นอย่ารอให้วันเวลาผ่านไปโดยไร้ค่าก่อนที่เราจะไม่มีวันได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านั้น ศักดิ์ศรี Posted by Hoopie 11 November, 2010 (1) Comment พูดถึงเรื่องอัตตาตัวตนบางคนฟังไม่ถูก จึงขอพูดถึงอาการของอัตตาที่ค่อนข้างชัดเจน นั้นคือสิ่งที่เราเรียกว่าศักดิ์ศรีเราควรจะดูตัวเองให้เป็นว่าศักดิ์ศรีของเราอยู่ตรงไหนเพราะศักดิ์ศรีเป็นจุดอ่อนของเราเป็นทีเกิดของทุกข์สิ่งใดก็ตามแม้แต่ขี้ปะติ๋วหากกระทบศักดิ์ศรีของเราเมื่อใดก็เป็นเรื่องเมื่อนั้นทันทีถ้าเราเอาการรักษาศักดิ์ศรีเป็นเครื่องตัดสินว่าเราจะทำหรือไม่ทำอะไรในชีวิตเราควรจะระวังให้ดีว่าเราผูกศักดิ์ศรีของเราไว้กับอะไรบ้างตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชนคงยังไม่พ้นความยึดมั่นในศักดิ์ศรีแต่อย่างน้อยที่สุดเราควรจะพัฒนามันจนขึ้นอยู่กับการเป็นพุทธมามะกะมากกว่าอย่างอื่นการมีอัตตาหรือการเป็นชาวพุทธที่ดียังมีโทษอยู่แต่สำหรับนักปฏิบัติธรรมอาจใช้ความรู้สึกในศักดิ์ศรีมาหนุนกำลังความละอายต่อบาปในเบื้องต้นและเป็นขั้นตอนที่จะนำไปสู่ความปลอดภัยในที่สุดทุกวันนี้เราเอาอะไรมาเป็นศักดิ์ศรีของตน ขอให้ดูให้ดีเพราะถ้าไม่ระวังในเรื่องนี้ เดี๋ยวจะกีดกั้นความเจริญในธรรมมัวแต่เป็นห่วงเรื่องมายาคือเอาแต่กังวลเรื่องความรู้สึกของเขาต่อเรา อย่างนี้ก็ยุ่งถ้าศักดิ์ศรีของเราขึ้นอยู่กับความมั่นใจว่าเขารักเราจริง เขาเคารพเราจริง เขากลัวเราจริง ฯลฯอย่างนี้ไม่มีวันที่จะสงบได้เราจะอ่อนไหวต่อการกระทำของคนอื่นตลอดเวลาเขาทำอย่างนั้นแปลว่าอะไรเขาไม่ทำอย่างนั้นแปลว่าอะไรเขาพูดอย่างนั้นแปลว่าอะไรเขาเงียบอย่างนั้นแปลว่าอะไรเขายิ้นอย่างนั้นแปลว่าอย่างไรเขาหน้าตาเฉยอย่างนั้นแปลว่าอย่างไรเป็นนักแปลอย่างนี้เหน็ดเหนื่อยมาก(คัดลอกบางตอนมาจาก “ปัจจุบันสดใส” โดย พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ,พิมพ์ครั้งที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๓ โดย กองทุนสื่อธรรมะทอสี และมูลนิธิปัญญาประทีป, หน้า ๑๖-๑๙)การสรุปบทความที่2 บทความข้างต้นกล่าสรุปได้สั้นๆว่า การที่เรายึดติดกับศักดิ์ศรีของเรามากเกินไปจนลืมคิดถึงความถูกต้อง จะทำให้การที่เรายึดถือแต่ศักดิ์ศรีของเรามากเกินไปก็จะทำให้ชีวิตเราเป็นทุกข์ ถ้ามนุษย์ไม่มีธรรมะPosted by Hoopie 29 January, 2010 (3) Comment ถ้ามนุษย์ไม่มีธรรมะ ถ้าเอาธรรมะออกไปแล้ว มนุษย์จะเลวกว่าสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ไม่มีธรรมะแล้ว อันธพาลเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่มีความผาสุกเลยในโลกสัตว์เดรัจฉานไม่มีอันธพาลอย่างนี้ ไม่มีอันธพาลขนาดที่ว่า เอาก้อนหินมาดักรถยนต์ให้สะดุดแล้วล้มคว่ำ แล้วก็มาปล้นเอาของในรถยนต์ ถอดเอาเสื้อผ้าของคนในรถเหลือแต่กางเกงในนั้น สัตว์เดรัจฉานทำไม่ได้” เพิ่มเติมที่ Youtube ครับการสรุปบทความที่3 บทความข้างต้นกล่าสรุปได้สั้นๆว่า การที่มนุษย์เรานี้มีธรรมะก็จะช่วยทำให้ทุกคนสามารถมีจิตสำนึกในสิ่งที่จะกระทำลงไปในแต่ละอย่างก็จะมีการคิดก่อน แต่มนุษย์เราไม่มีธรรมะก็จะไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานเพราะว่ามันไม่มีสมองในการคิดสำนึกในการกระทำต่างๆ จัดทำโดยนางสาวสุปรียา วงษ์ษาม.5/3 เลขที่33