ไปมาเลเซีย
พวกเรารวม 41 ชีวิต มีนักเรียน 22 คน ครู 19 คน รวมตัวกันที่ลานตลาดนัดวัดสวนใหญ่ก่อนเวลานัดเล็กน้อย วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2554 เวลา 15.00 น. เป็นเวลานัดของเรา ครูหยองมาถึงแล้วตอนที่เราไปถึง นักเรียนหลายคนช่วยยกน้ำและข้าวของต่างๆที่ครูวัฒนาและครูหทัยภัทรฝากไว้ แดดร้อนมาก ขณะที่พวกเราต่างชะเง้อมองทางหารถบัสที่จะมารับ หลายคนบ่นว่าคุณสมพงษ์ รถบัสมาถึงเกือบ สี่โมงเย็น รถคันแรกของเรามีเบาะกว้างดีทีเดียว แต่เมื่อเรานั่งไปถึงปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งที่นครปฐม พวกเราก็ลงจากรถเพื่อรอรถอีกคันที่เล็กกว่า ครูหยองได้เสื้อยืดแตงโม สีเขียวสดมาหนึ่งตัว เราขึ้นรถและเดินทางด้วยความระทึกใจไปตลอดทาง มีข้าวกล่องเป็นอาหารเย็นแล้ว แต่ก็แวะเข้าห้องน้ำเป็นระยะๆ รุ่งเช้าไปถึงโรงแรมสยามซิตี หาดใหญ่ อาบน้ำ เปลี่ยนชุดใหม่ เปลี่ยนรถคันใหม่ที่มาจากมาเลเซีย เราได้พบกับ อาจารย์หลุ่มหลีและไกด์ ซึ่งได้ให้ความรู้และแนะนำการเดินทางของเราให้ครั้งนี้อย่างมากมายทีเดียว
ระหว่างที่เดินทางผ่านชนบทจะเห็นนาข้าว อ.หลุ่มหลีเล่าว่า ชาวมาเลทำนาครั้งที่ 2 โดยปล่อยให้เมล็ดข้าวที่ล่วงหล่นจากการเก็บเกี่ยวในการทำนาครั้งก่อนงอกขึ้นมาเป็นต้นใหม่ในนา นาข้าวมีน้อย ข้าวในมาเลเซียจะขายได้ราคาดี ผอ.ให้เตรียมข้าวหอมมะลิเป็นของฝากให้กับโรงเรียนที่เราไปเยือน มีเสาไฟฟ้ากลมไม่เหมือนบ้านเราที่เป็นเหลี่ยม มีไม่มากนักพอเราเข้าเมืองจะไม่เห็นเสาไฟฟ้าเลย มาเลเซียวางสายไฟฟ้าไว้ใต้ดิน เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ทัศนียภาพสวยงาม เราแวะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทย มีบริกรพูดไทยได้ด้วย หลังคาสูงมุงแฝก แต่มีพัดลมห้อยอยู่ด้านบนด้วย ครูหยองกินข้าวผัดเจ และผัดเจ ก่อนกลับออกมาเราถ่ายรูปกับเกวียนหน้าร้าน มื้อเย็นเรารับประทานอาหารเย็นก่อนเข้าเมืองกัวลาลัมเปอร์ที่ร้าน garden seafood ตกแต่งร้านด้วยของเก่า มีภาพถ่าย นาฬิกา เตารีด เป็นต้น เป็นร้านอาหารเชื้อสายจีน รสชาติไม่จัด เต้าหู้อ่อนมีหมูสับปรุงรสราด เด็กๆไม่ทานกันเลย มีขนมปังจิ้มซอสกุ้งตัวโตอร่อยมาก เด็กผู้หญิงไม่ยอมกินต้องให้ครูจุรีนำเสนอ ก่อนถึงโรงแรมที่พักเราแวะถ่ายรูปสถานที่ราชการในเมืองหลวงเก่า
คืนวันที่ 4 ตุลาคม เป็นวันแรกที่นอนโรงแรมในมาเลเซีย หลับสนิทจนได้ยินเสียงโทรศัพท์เวลาตีห้า ซึ่งเป็นเวลาที่นัดหมาย เราลงมารับประทานอาหารไม่พบใครแล้ว ต้องรีบทำเวลา แต่เราก็ออกเดินทางตรงตามเวลาที่นัดหมาย 7 โมงเช้า ระหว่างการเดินทางไปโรงเรียน เราช่วยทำกระทงกัน แวะที่พระราชวังเก่า Istana Negara ถ่ายรูปกับทหารม้าหน้าประตูพระราชวัง
ถึงโรงเรียน Sekolak Seri Peteri เวลาประมาณ 8.30 น. เป็นโรงเรียนประจำสำหรับเด็กหญิง มาเลเซียได้นำภาษาสันสฤษมาใช้เช่นเดียวกับไทย คำว่า Peteri บุตรี ใช้แทนคำว่าบุตรหญิงเช่นเดียวกับไทย ท่านผู้อำนวยการเป็นหญิงกลางคน ใส่ชุดคลุมยาวและคลุมผม เช่นเดียวกับครูหญิงส่วนใหญ่ที่มาต้อนรับ กล่าวต้อนรับและบรรยายเป็นภาษามาเล โดยมีอ.หลุ่มหลีแปลเป็นภาษาไทย และนำเสนอโรงเรียนเป็นวีดีทัศน์ภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นครูวัฒนานำเสนอโรงเรียนของเราด้วย Power point บรรยายแนะนำโรงเรียน พวกเราดูแล้วก็ยังรู้สึกประทับใจ อยากมาเยี่ยมเยือนบ้าง หลังจากนั้นก็เป็นพิธีการลงนามทำข้อตกลง MOU นักเรียนนำธงโรงเรียนและธงชาติไทยมาตั้งด้านหลัง เป็นพิธีการที่เรียบง่าย และราบรื่นดีมาก โรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)นนทบุรี เป็นโรงเรียนที่ 2 ในจังหวัดนนทบุรี ที่สัญญา MOU กับโรงเรียนในมาเลเซีย โรงเรียนแรกเป็นโรงเรียนเทพสิรินทร์นนทบุรี ได้ทำสัญญากับโรงเรียนในสิงคโปร์
โรงเรียน Sekolak Seri Peteri อยู่ในเมือง Cyberjava เมืองหลวงใหม่ในเขตกัวลาลัมเปอร์ เป็นเมืองในสวน สภาพรอบๆโรงเรียนร่มรื่นด้วยต้นไม้โดยรอบ ไม่มีตึกรามบ้านเรือนผู้คนบดบังทัศนีภาพโดยรอบ มองเห็นสนามกีฬาใหม่อยู่ไม่ไกล เมื่อเรามองดูจากส่วนราชการใหม่จะเห็นโรงเรียนอยู่อีกฝากหนึ่งของทะเลสาบ แม้ต้นไม้ยังไม่ใหญ่มากนัก ภายในโรงเรียนก็ยังร่มรื่น มีอาคารหลายอาคารเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินมีหลังคา อาคารไม่สูง สองชั้น สามชั้น สี่ชั้น บางอาคารเหมือนมีชั้นใต้ดิน เนื่องจากโรงเรียนอยู่บนเนินเขา อาคารจึงเล่นระดับกันไป ส่วนหน้าของโรงเรียนเหมือนเป็นล็อบบี้โรงแรม มีโซฟาต้อนรับอยู่ 4 ชุด พวกเราแยกดูส่วนต่างๆของโรงเรียน เราไปดูห้องแล็บวิทยาศาสตร์กับครูวินัย คล้ายๆ กับโรงเรียนจุฬาภรณที่สตูลที่เราเคยไปดูงาน มีแล็บบอยห้องละ 1-2 คน โรงเรียน Sekolak Seri Peteri เป็นโรงเรียนที่เน้นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมาเลเซีย นักเรียนหญิงมาจากทั่วประเทศเพื่อสอบเข้าเรียนที่นี้ ปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 800 คน ครูประมาณ 80 คน นักเรียนในห้องเรียนดูกระตือรือร้นในการเรียน กล้าพูดกับคนแปลกหน้า ครูและนักเรียนพูดโต้ตอบกับเราเป็นภาษาอังกฤษได้ไม่เขินอาย ครูวิทยาศาสตร์หญิงกลางคนพูดกับเราด้วยภาษาอังกฤษ บางครั้งก็หันไปตามเพื่อน แล้วก็พูดต่อ ครูวินัยถามถึงเงินเดือน แก่ตอบว่า เจ็ดหมื่นกว่า มาลาเซียมีภาษาพูดและภาษาเขียน แต่มาลาเซียใช้อักษรอังกฤษในการเขียน วันนี้เราได้เรียนรู้ภาษามาลายูหลายวลี เช่น Seramat Datang ยินดีต้อนรับ Terima Kasih ขอบคุณ Satu Dua Tiga หนึ่ง สอง สาม วลีหลังใช้บ่อยตอนถ่ายรูป
ก่อนเข้าโรงแรมเราแวะรับประทานอาหารกัน ข้างๆโรงแรมเป็นตลาดขายของมือสอง หลายคนไม่กล้าเดิน เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นผ้าเก่าและกลิ่นบุหรี่เมื่อเดินเข้าไปเพียงไม่กี่เมตร คนมาเลเซียสูบบุหรี่กันมาก ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เราพบหญิงจีนใส่กางเกงขาสั้นนั่งกินอาหารห่อบนพื้นฟุตบาท และยังนั่งสูบบุหรี่ต่อเมื่อเดินกลับมา เราอยากดูของกินจึงแวะซื้อของที่ร้านเล็กๆใกล้โรงแรม คืนนี้หลับไม่สบายเนื่องจากมีเหตุที่ต้องเปลี่ยนห้องตอนตีสอง
นั่งรถต่อไปไม่ไกลเป็นโบราณสถาณแบบโปรตุเกส มีป้อมที่มีปืนใหญ่เรียงรายอยู่หลายกระบอก บนเนินเขาเป็นคุกขี้ไก่ ไม่ได้เดินขึ้นไปดูกลัวไม่ทันเพื่อนอีก รถไฟโบราณในสวนที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขนาดหลายคนโอบ มีป้ายเขียนไว้เป็นอักษรอังกฤษ ต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ใหญ่โตนักแต่เด่นเป็นสง่าด้วยใบสีเขียวตองอ่อน รูปทรงต้นสวยงาม ถามไกด์ ได้ความว่า เป็นต้นมะละกา เราออกเดินทางผ่านเมืองมะละกา มากินข้าว ออกมานอกเมืองเล็กน้อยพักโรงแรม The Imperor Hotel ให้ สามดาว ห้องน้ำสะอาด หน้าต่างมองเห็นวิวภายนอก บ้านเมืองในมะละกาคล้ายกับบ้านเรา ยกเว้นเรื่องสายไฟที่พันรุงรังบนเสาไฟฟ้า