มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี (เนื้อหา+แปล)
เนื้อเรื่อง อถ มหาสตฺโต สมเด็จพระราชสมภารเมื่อได้สดับสารพระมัทรีเธอแสนวิโยคโศกศัลย์สุดกำลัง ถึงแม้นจะมิตรัสแก่นางมั่งจะมิเป็นการ จำจะเอาโวหารการหึงเข้ามาหักโศกให้เสื่อมลง จึ่งเอื้อนโองการตรัสประภาษว่า นนุ มทฺทิ ดูกรนางนาฏพระน้องรัก ภทฺท เจ้าผู้มีพักตร์อันผุดผ่องเสมือนหนึ่งเอาน้ำทองเข้ามาทาบทับประเทืองผิว รา วกะว่าจะลอยลิ่วเลื่อนลงจากฟ้าใครได้เห็นเป็นขวัญตาเต็มหลงละลายทุกข์ปลุกเปลื้องอารมณ์ชายให้เชยชื่น จะนั่งนอนเดินยืนก็ต้องอย่าง วราโรหา พร้อมด้วยเบญจางคจริตรูปจำเริญโฉมประโลมโลกล่อแหลมวิไลลักษณ์ ราชปุตฺตี ประกอบไปด้วยเชื้อศักดิ์สมมุติวงศ์พงศ์กษัตรา เออก็เมื่อเช้าเจ้าจะเข้าป่าน่าสงสารปานประหนึ่งว่าจะไปมิได้ ทำร้องไห้ฝากลูกมิรู้แล้ว ครั้นคลาดแคล้วคล้อยเข้าสู่ดง ปานประหนึ่งว่าจะหลงลืมลูกสละผัวต่อมืดมัวจึ่งกลับมา ทำเป็นบีบน้ำตาตีอกว่าลูกหาย ใครจะไม่รู้แยบคายความคิดหญิง ถ้าแม้นเจ้าอาลัยอยู่ด้วยลูกจริงๆเหมือนวาจา ก็จะรีบกลับเข้ามาแต่วี่วันไม่ทันรอน เออนี่เจ้าเที่ยวพเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนกชมไม้ในไพรวันสารพันที่จะมี ทั้งฤาษีสิทธิ์วิทยาธรคนธรรพ์เทพารักษ์ผู้มีพักตร์อันเจริญ เห็นแล้วก็น่าเพลิดเพลินไม่เมินได้ หรือเจ้าปะผลไม้ประหลาดรสสดสุกทรามเสวยไม่เคยกิน เจ้าฉวยชิมชอบลิ้นก็หลงฉันอยู่จึ่งช้า อุปมาเหมือนหนึ่งภุมรินบินวะว่อนซับซาบเอาเกสรสุคนธมาเลศ พบดอกไม้อันวิเศษต้องประสงค์หลงเคล้าคลึงรสจนลืมรัง เข้าเถื่อนเจ้าลืมพร้าได้หน้าแล้วลืมหลังไม่แลเหลียวเที่ยวทอดประทับมากลางทาง อันว่าพระยานางสิเป็นหน่อกษัตริย์จะไปไหนก็เคยมีแต่กลดกั้น พานจะเกรงแสงพระสุริยันไม่คลาเคลื่อน เจ้ารักเดินด้วยแสงเดือนชมดาวพลาง ได้น้ำค้างกลางคืนชื่นอารมณ์สมคะเน พอมาถึงก็ทำเสขึ้นเสียงเลี่ยงเลี้ยวพาโลว่าลูกหาย เออนี่เจ้ามิหมายว่าใครๆไม่รู้ทันกระนั้นกระมัง หรือเจ้าเห็นว่าพี่นี้เป็นชีอดจิตคิดอนิจจังทิ้งพยศ อดอารมณ์เสียเจ้าเป็นแต่เพียงเมียควรหรือมาหมิ่นได้ ถ้าแม้นพี่อยู่ในกรุงไกรเหมือนแต่ก่อนเก่า หากว่าเจ้าทำเช่นนี้ กายของมัทรีก็จะขาดสะบั้นลงทันตาด้วยพระกรเบื้องขวาของอาตมานี้แล้วแล
แปล
เมื่อพระนางเสด็จกลับถึงพระอาศรมไม่เห็นสองพระกุมารจึงถามพระเวสสันดรแต่พระเวสสันดรไม่ทรงตอบและกล่าวตำหนิที่พระนางกลับมืดค่ำว่าที่ตอนก่อนไปทำเป็นร้องไห้ไม่อยากไป ทำพูดว่าห่วงลูกแต่พอได้เข้าไปในป่าก็หลงลืมลูกผัวกลับมาช้า และกล่าวต่อว่าคงจะไปพบกับสิ่งต่างๆที่อยู่ในป่าไม่ว่าจะเป็นผลไม้ พืชพรรณต่างๆแม้กระทั่งบรรดาฤาษี เทพารักษ์ต่างๆ โดยเปรียบเทียบว่าเป็นเหมือนผึ้งที่หลงดอมดมดอกไม้จนลืมรัง พอกลับมามืดค่ำไม่พบลูกก็ต่อว่าว่าลูกหาย ซึ่งคำพูดต่อว่าทั้งหมดนั้นพระเวสสันดรทรงพูดขึ้นเพื่อให้พระนางเจ็บพระทัยจะได้คลายความทุกข์โศกถึงสองพระกุมาร
รายชื่อสมาชิกกลุ่ม ม.5/3
1.นางสาวอัญมณี สุทธากร เลขที่ 14
2.นายกีรติ ศุภารักษ์สืบวงศ์ เลขที่ 15
3.นายพรเทพ เจริญศรี เลขที่ 16
- ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น