[สงกรานต์]
[สมรสหมู่]
[พิธีเลี้ยงหอกลางบ้าน]
[พิธีทำบุญกลางบ้าน]
[พิธีเลี้ยงของรักษา]
ประเพณีการสมรสหมู่ เป็นประเพณีการแต่งงานของชาวบ้านในตำบลหันทรายที่มีการ จัดพิธีมงคลสมรสหลาย ๆ คู่ พร้อมกันทั้งตำบล ซึ่งนิยมจัดงานในวันที่ถือกันว่ามีฤกษ์ดี คือ วันขึ้น 9 ค่ำ และ 10 ค่ำ ในเดือนที่เป็นเลขคู่ โดยที่แต่ละคู่ไม่ได้มาร่วมพิธีมงคลสมรสในสถานที่เดียวกัน แต่จะเป็นการจัดพิธีมงคลสมรสที่บ้านของตนเอง ซึ่งตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวบ้านในตำบลหันทรายนั้น จะมีการจัดพิธีมงคลสมรสขึ้นที่บ้านของฝ่ายเจ้าสาว ซึ่งมีขั้นตอนในการดำเนินพิธีมงคลสมรส ดังนี้ คือ
1. เจ้าบ่าวจะยกขบวนแห่ขันหมากมาที่บ้านของเจ้าสาว
และนำสินสอดทองหมั้นขึ้นไปบนบ้านของเจ้าสาว โดยจะมีประเพณีการล้างเท้าให้เจ้าบ่าวก่อนก้าวขึ้นบันไดบ้านของเจ้าสาว
เมื่อขึ้นไปบนบ้านแล้วก็จะมีการตรวจนับสินสอดทองหมั้นว่าครบตามจำนวนหรือไม่
2. นิมนต์พระสงฆ์มาที่บ้าน 9 รูป เพื่อทำพิธีทางศาสนาพุทธ โดยเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะจุดธูปเทียน เพื่อกราบไหว้บูชาคุณพระศรีรัตนตรัย จากนั้นพระสงฆ์ก็จะทำพิธีสวดมนต
3. เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะตักบาตรร่วมกัน โดยจะเริ่มจากการตักบาตรเงินก่อน คือการนำเอาเหรียญเงินใส่ลงในบาตร จากนั้นจึงตักบาตรข้าว ซึ่งในการตักบาตรข้าวนั้นจะต้องใส่ข้าวให้เต็มบาตร เพราะชาวบ้านมีความเชื่อถือกันว่า การทำนาในปีนั้นจะได้ข้าวมาเต็มยุ้ง เหมือนกับข้าวที่ใส่เต็มบาตร
4.จากนั้นจะมีการทำพิธีทางพราหมณ์
โดยการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับคู่บ่าวสาว โดยให้ญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงมาผูกแขนให้ฝ่ายชายเพื่อรับเป็นลูกเขย
และญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายก็จะมาผูกแขนให้ฝ่ายหญิงเพื่อรับเป็นลูกสะใภ้
เป็นอันเสร็จพิธี
หากคู่บ่าวสาวนั้นเป็นข้าราชการ
หรือบัณฑิตที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตร หลังจากทำพิธีบายศรีสู่ขวัญเสร็จแล้ว
ก็จะเป็นพิธีรดน้ำสังข์ ซึ่งเป็นข้อแตกต่างระหว่างพิธีมงคลสมรสของ
ชาวบ้านทั่วไปกับบุคคลที่เป็นข้าราชการ โดยชาวบ้านในตำบลหันทรายจะถือว่าต้องเป็น
ข้าราชการ
หรือบัณฑิตที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์รดน้ำสงข์
เพราะถือว่าเป็นผู้ที่มีเกียรติ และมีหน้ามีตาในสังคม
นอกจากนี้ในการแห่ขบวนขันหมากนั้น จะถือว่าห้ามเดินสวนทางหรือตัดทางกัน เพราะจะเป็นลางไม่ดี ทำให้การใช้ชีวิตคู่อยู่ได้ไม่ยืนยาว จะมีเหตุที่ทำให้ต้องแยกทางกัน ดังนั้นก่อนถึง วันแต่งงาน เจ้าบ่าวแต่ละคนจะมาตกลงกันเรื่องเส้นทางที่ใช้ในการแห่ขบวนขันหมาก เพื่อไม่ให้ มีการเดินตัดเส้นทางกันเกิดขึ้น
