การเห็นภาพลวงตา(Optical
illusion)
|
การเห็นภาพลวงตา
หมายถึง การเห็นภาพที่ปรากฎแก่สายตาแล้วให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากความเป็นจริงของภาพ
เช่น มีความรู้สึกว่าเห็นภาพหนึ่งมีขนาดใหญ่กว่าอีกภาพหนึ่ง ทั้งๆ
ที่ภาพทั้งสองขนาดเท่ากัน เป็นต้น ภาพลวงตาเกิดมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน
ดังนี้ 1. เกิดจากการมองภาพด้วยนัยน์ตาสองตาพร้อมกัน
เช่น เราใช้นิ้วชี้ 2 นิ้วชี้เข้าหากันโดยห่างกันระยะหนึ่ง และห่างจากเลนส์ตาประมาณ
25 เซนติเมตร ให้นัยน์ตาทั้งสองมองปลายนิ้วชี้ และค่อยๆเลื่อนปลายนิ้วชี้เข้าหากัน
เราจะมองเห็นเหมือนชิ้นส่วนของนิ้วมาอยู่ระหว่างปลายนิ้วทั้งสอง
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนัยน์ตาจะรายงานสิ่งที่เห็นไปยังสมอง สมองจะรวบรวมข้อมูลจากที่นัยน์ตาทั้งสองเห็น
ทำให้เกิดการมองเห็นผิดเพี้ยนไป 2. เกิดจากการเคลื่อนไหวของนัยน์ตาในแนวดิ่งและแนวราบที่ไม่เท่ากัน
เช่น เรามองเห็นเส้นตรงในแนวดิ่งยาวกว่าในแนวราบ การเพิ่มเส้นสั้นๆ
ลงบนเส้นขนาน ทำให้มองเห็นว่าเส้นเหล่านั้นไม่ได้ขนานกัน เป็นต้น 3.
เกิดจากสมบัติของแสง ได้แก่ การสะท้อนและการหักเหของแสง เช่น การเกิดปรากฏการณ์มิราจ
การมองเห็นปลาในอ่างน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นต้น 4.
เกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น วงกลมที่เติมเส้นด้านในวงกลมกับวงกลมที่เติมเส้นด้านนอก
จะมองดูว่าวงกลมที่เติมเส้นด้านในจะมีขนาดเล็กกว่าวงกลมที่เติมเส้นด้านนอก
เป็นต้น
มนุษย์สามารถนำหลักการเกิดภาพลวงตามาใช้ประโยชน์ได้หลายทางดังนี้ 1.
ใช้ในการแต่งกายเพื่ออำพรางทรวดทรงที่แท้จริง เช่น คนเตี้ยควรใส่เสื้อลายตั้ง
คนสูงควรใส่เสื้อลายขวาง คนอ้วนควรใส่เสื้อผ้าสีเข้มลายตั้ง คนผอมควรใส่เสื้อผ้าสีอ่อนและควรเป็นลายแนวนอน
เป็นต้น 2. ใช้ในการสร้างและตกแต่งอาคารบ้านเรือน
เช่น ห้องแคบๆ ทาด้วยสีอ่อนจะทำให้รู้สึกกว้างขึ้นกว่าเดิม ชาวกรีกนำไปใช้สร้างวิหาร
เป็นต้น 3. ใช้ในการพรางตาเพื่อให้รอดพ้นจากศัตรู
เช่น สัตว์ป่าบางชนิดมีลวดลายบนตัวคล้ายใบไม้ สัตว์ในทะเลทรายมีสีน้ำตาลเหมือนสีของทราย
ทหารแต่งเครื่องแบบที่กลมกลืนกับป่า เป็นต้น 4.
ใช้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนที่มีอาการเคลื่อนไหวต่างกันเพียงเล็กน้อยต่อเนื่องกัน
เมื่อนำมาฉายให้เวลาบนจอของแต่ละภาพน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1/10 วินาที
ภาพที่ฉายออกมาจะมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ธรรมดา
|