|
|
|||||
|
เรื่องมหาชนก - ชาดก
มหาชนก - ชาดก เป็นเรื่องหนึ่งในทศชาติชาดก คือเป็นชาติที่ 6 ในเรื่องพระเจ้าสิบชาติ มหาชาดกกล่าวว่า พระพุทธเจ้าเกิดเป็นพระมหาชนก โอรสแห่งเมืองมิถิลา คำว่า " มหาชนก " ได้มาจากชื่อของปู่ ซึ่งเป็นกษัตริย์ของเมืองมิถิลา ทรงมีพระราชโอรสสองพระองค์ ทรงพระนามว่า เจ้าอรัฐชนก และเจ้าโปลชนก พระราชบิดา พระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่เจ้าอรัฐชนกและพระราชทานตำแหน่งเสนาบดี แก่เจ้าโปลชนก เมื่อพระเจ้ามหาชนกสวรรคต เจ้าอรัฐชนกได้ครองราชสมบัติแทนและพระราชทาน ตำแหน่งอุปราชแก่เจ้าโปลชนกพระอนุชา ในครั้งนั้นมีอำมาตย์คนหนึ่งหาเรื่องใส่ไคล้ว่า เจ้าโปลชนกจะชิงราชบัลลังก์ ตั้งตนเป็นกษัตริย์ พระเจ้าอรัฐชนกหลงเชื่อรับสั่งให้จับเจ้าโปลชนกไปจองจำ เจ้าโปลชนกเมื่อถูกจองจำก็ทรงมั่นพระทัยในความบริสุทธ ิ์ จึงทรงตั้งสัตยาธิษฐานให้เครื่องจองจำหลุดออก แล้วเสด็จลี้ภัยไปรวบรวมไพร่พลได้เป็นจำนวนมาก แล้วยกกองทัพมาตั้งอยู่นอกพระนคร ทรงส่งสาลน์ไปให้พระอรัฐชนกให้ออกมาสู้รบหรือไม่ก็สละราชบัลลังก์ พระเจ้าอรัฐชนกไม่ปรารถนาจะทำสงคราม แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงจำเป็นต้องรับคำท้าโดยการทำสงครามและถูกปลงพระชนม์ในสนามรบ ขณะนั้นพระมเหสีได้ทรงตั้งพระครรภ์ ได้เสด็จหนี ออกจากเมืองและได้พบกับพราหมณ์ทิศาปาโมกข์ พร้อมลูกศิษย์ ได้ช่วยเหลือและอุปการะพระมเหสี จนประสูติพระโอรสออกมา แล้วตั้งพระนามให้ว่า " มหาชนกกุมาร " เมื่อพระกุมารเจริญวัยก็ได้ศึกษาวิชาความรู้ต่าง ๆ จากสำนักทิศาปราโมทย์ เมื่อพระชนม์มายุได้ ้ 16 พรรษา ได้ทราบเรื่องราวเบื้องหลังจึงทรงดำริว่าจะชิงราชสมบัติคืน โดยทรงขอแบ่งพระราชทรัพย์ส่วนหนึ่ง นำไปซื้อสินค้าขนลงบรรทุกเรือเดินทางไปกับพ่อค้าชาวสุวรรณภูมิ ระหว่างทางเกิดพายุใหญ่ ซัดเรืออับปางท่ามกลางมหาสมุทร บรรดาพ่อค้าและลูกเรือจมลงใต้น้ำ เป็นอาหารของปลาและสัตว์ร้าย ส่วนพระมหาชนกทรงประทับนั่งด้วยอาการสงบ ทรงเอาขัณฑสกรกับเนย คลุกให้เข้ากันแล้วเสวยจนอิ่ม เอาผ้าชุบน้ำมันจนชุ่มแล้วนุ่งห่มอย่างแน่นหนา พอเรือเริ่มจมพระองค์ก็ปีนขึ้นไปยอดเสากระโดง สังเกตทิศที่ตั้งของเมืองมิถิลาแล้วทรงกระโดดลงพื้นน้ำ แหวกว่ายฝ่าคลื่นในมหาสมุทร เป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืน วันนั้นเป็นวันเพ็ญ นางมณีเมขลา เทพธิดามีหน้าที่ดูแลรักษามหาสมุทร เมื่อเห็นพระมหาชนกแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรเช่นนั้น จึงเหาะเข้าไปใกล้แล้วกล่าวทดสอบน้ำพระทัยว่า " ใครหนอเมื่อมองไม่เห็นฝั่งก็ยังอุตสาห์พยายามว่ายอยู่ ท่านเห็นประโยชน์อะไรจึงพยายามว่ายอยู่อย่างนี้ " พระมหาชนกทรงดำริว่า เราว่ายอยู่ในมหาสมุทร 7 วันแล้ว ไม่เคยได้ยินเสียงใครเลย ใครหนอมาพูดกับเราวันนี้ แล้วพระองค์แหงนมองขึ้นไปบนอากาศ ทอดพระเนตรเห็นนางมณีเมขลาจึงตรัสว่า " อานิสสงส์ของความเพียรนั้นมีอยู่ แม้จะถึงจะไม่เห็นฝั่ง เราก็ต้องพยายามว่ายจนกระทั่งถึงฝั่งเข้าวันหนึ่ง " นางมณีเมขลาได้ฟังถ้อยคำอีกหลาย ๆ เรื่องที่ได้โต้ตอบกับพระมหาชนก ก็เกิดความเลื่อมใส จึงกล่าวสรรเสริญ แล้วช้อนอุ้มพระมหาชนกพาเหาะไปในอากาศตรงไปนังกรุงมิถิลา เมื่อไปถึงได้วางพระมหาชนกบนแผ่นหินในสวนมะม่วง ฝากให้เทพธิดาที่รักษาสวนคุ้มกันไว้แล้วนางก็ลากลับ
|
จัดทำโดย ผจงจิต เถินมงคล
โรงเรียนอนุบาลสามเสนฯ
ถนนพระราม 6 เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
Copyright(c) 2005
Miss Pajongjit Thearnmongkol All right reserved.
จำนวนผู้เข้าใช้งาน
ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2548
www.thaigoodview.com Version 14.0
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษาและประถมศึกษา
e-mail: webmaster@thaigoodview.com
Copyright(c) 2005 www.thaigoodview.com. All rights reserved