เรื่องของชนชาติไทย2

 

Homeผู้จัดทำประวัติศาสตร์กรุงสุโขทัยกรุงศรีอยุธยากรุงธนบุรีกรุงรัตนโกสินทร์
เรื่องของชนชาติไทย1 
เรื่องของชนชาติไทย2 
ภูมิศาสตร์ไทย 
ไทยก่อนสุโขทัย 
อาณาจักรต่างๆ 

   

              

            บรรดานักค้นคว้าเรื่องชนชาติไทย ได้พยายามอธิบายเรื่องชนชาติไทยไว้เป็นอันมาก พอประมวลได้ดังนึ้

                        พันโทมอริส อาบาดี ชาวฝรั่งเศส อธิบายว่า กลุ่มเชื้อชาติของกลุ่มคนที่เรียกชื่อว่าไทย เป็นกลุ่มสำคัญที่สุดในบรรดาหมู่ชนทั้งหลายที่ได้พบในประเทศจีนตอนใต้ และในอินโดจีน             ทั้งหมด  เป็นกลุ่มทึ่รวมหมู่มากมายหลายประเภท แต่มีลักษณะสำคัญที่เหมือนกันในทางภาษา ขนบประเพณี และจารีต

                        นายดอชเรน ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นสมาชิกราชบัณฑิตสภาอังกฤษ เกี่ยวกับทวีปอาเซีย ให้คำอธิบายว่าเชื้อชาติไทย แบ่งแยกเรียกชื่อตามหมู่เหล่าหลายชื่อ แต่เป็นเชื้อชาติเดียวกัน ได้ยึด           ครองพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลว่าคนเชื้อชาติอื่นๆ ในแหลมอินโดจีน ในอัสสัมซึ่งเรียกว่าอาหม ตลอดแนวเขตแดนระหว่างพม่ากับจีน แบ่งแยกเป็นหลายพวก และบางพวกก็เป็นอิสระอย่างครึ่ง ๆ           เรียกชื่อตามที่พม่าเรียกว่าฉาน ชนเชื้อชาติเดียวกันนี้ได้แผ่ออกไปทางใต้ใช้ชื่อว่า ลาว ยึดครองพื้นที่ระหว่าง แม่น้ำสาละวินกับ แม่น้ำโขงใต้ลงไปอีก ที่รู้จักกันมากที่สุด และเป็นสาขาเชื้อชาติที่           มีอารยธรรมสูงที่สุด คือไทยสยาม ซึ่งได้ตั้งอาณาจักรที่มีอำนาจอยู่ทางฝั่งทะเล

                        นายเอเตียน เอโมนิเอร์  ชาวฝรั่งเศส  เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเมืองขึ้นของฝรั่งเศส   ได้เขียนไว้ในหนังสือเรื่องประเทศกัมพูชา   พิมพ์ออกเผยแพร่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๓   มีความว่า           ครอบครัวเชื้อชาติใหญ่ ซึ่งเรียกว่าไทย ที่แปลกันว่าเสรีชน ประกอบด้วยหมู่ชนมากมายหลายสาขา มีความสัมพันธ์อย่างเครือญาติใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางภาษา หมู่ใหญ่ของชนชาติ           ดังกล่าวนี้มี ฉาน ลาว หรือ ลาวเฉียง ผู้ไท และชาวสยาม เมื่อก่อนคริสตศักราช ชนเชื้อชาตินี้ได้มีถิ่นฐานอยู่ในที่ราบสูงยูนนาน หรือธิเบตตะวันออก   ต่อมาได้เคลื่อนย้ายลงมาตามทางลาดเอียง           ของลำน้ำ เข้ายึดครองลุ่มน้ำหลายแห่งในประเทศจีนตอนใต้ และได้แผ่ลงมาทางใต้เหมือนน้ำไหลอย่างแรง ครอบคลุมที่ราบในแหลมอินโดจีนเกือบทั้งหมด และได้ขับไล่พวกชาวป่าชาวดอยเจ้า           ของถิ่นเดิมให้เข้าไปอยู่ในป่าดง และภูเขาแล้ว ชนชาติไทยก็เข้าครอบครองดินแดนโดยเหลือแต่ที่ที่ยื่นออกตามชายฝั่งทะเล   ไว้ให้แก่ชนชาติอื่นที่เจริญแล้วคือ ญวน จามปา เขมร มลายู มอญ           และพม่า

                       ศาสตราจารย์ แตริอัง เดอลาคุเปอรี  ชาวอังกฤษ ได้ตรวจสอบภาษาพูดที่ทางจีนสมัยโบราณรวบรวมไว้   พบว่าคำพูดของหมู่ชนที่จีนเรียกว่าคนป่าในสมัยโบราณนั้น    แยกออกได้เป็น           สองสาขา คือ  บางคำตรงกับภาษาไทย  บางคำตรงกับภาษามอญและญวน เมื่อลองตรวจนับดูก็พบว่าในบรรดาคำ ๑๙ คำ จะเป็นภาษาไทย ๑๒ คำ เป็นภาษามอญและญวน  และมีอยู่มากคำที่          ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ด้วยเหตุนี้ ศาสตราจารย์ คุเปอรีจึงถือว่า หมู่ชนที่ชาวจีนเรียกว่าคนป่านั้นต้องเป็นพันธุ์ๆ หนึ่ง ซึ่งเขาเขาชื่อว่าพันธุ์ "มอญไทย" โดยที่พันธุ์มอญได้เคลื่อนลงมาทางใต้ก่อนพันธุ์           ไทย และมากลายเป็น มอญ เขมร ญวน ในปัจจุบัน

                     สำหรับเจ้าตำราทางฝรั่งเศส ได้อธิบายไว้ว่ามอญกับเขมรเป็นสาขาเดียวกัน เรียกว่ามอญขะแมร์ ถือเป็นมอญแท้พวกหนึ่ง และเป็นขะแมร์อีกพวกหนึ่ง ชนชาติอื่นๆที่นับเข้าเป็นสาขามอญ           ขะแมร์  ได้แก่ ปะหล่อง ว้า ยาง นายดอชเรนได้เขียนไว้ว่าพันธุ์มอญ  เป็นเชื้อชาติแรกที่อพยพจากแดนจีนลงมาทางใต้

                     พันตรี เดวิด ชาวอังกฤษ ได้เขียนเรื่องไทยในยูนนานไว้ว่า คนจีนในยูนนานกล่าวว่า ชาวกวางตุ้งนั้นเป็นเชื้อชาติฉาน (ไทยใหญ่)   ดวงหน้าของชาวจีนทางใต้กับพวกฉานเหมือนกันมาก           อาจเป็นไปได้ว่าในสมัยหนึ่งพวกฉาน ได้ครองครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศจีนทางด้านทิศใต้ ของแม่น้ำยังจื้อ แต่ส่วนมากถูกจีนกลืนไป

                     เซอร์ ยอร์ช สก๊อต ชาวอังกฤษ  ผู้เขียนประวัติศาสตร์พม่า ไ ด้เขียนความตอนหนึ่งว่า เชื้อชาติไทยเป็นเชื้อชาติแผ่ไพศาลที่สุดในแหลมอินโดจีน   ชาวอาหมในแคว้นอัสสัมเป็นฉาน           ชาวฮักก้าในกวางตุ้งเป็นพวกที่ไปจากฉาน อาจจะเป็นไปได้ว่า เชื้อชาติไทยประกอบเป็นส่วนใหญ่ในสี่มณฑลของจีน

                     หมอวิลเลียมคลิฟตัน ดอดต์ ได้อ้างคำของนายเจไมซัน กงสุลให้อังกฤษประจำเมืองแดนตอน (กวางตุ้ง) เมื่อ ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๐ ว่าพลเมืองในมณฑลกวางสี และกวางตุ้งทั้งหมด           เป็นชนเชื้อชาติไทยทั้งในทางเชื้อชาติและทางภาษา

                      เรเวอเรนต์ เบอร์กวอล นักบวชชาวอังกฤษ กล่าวว่าชาวไทยในมณฑลกวางสี ตามอำเภอชนบทมากหลาย ปกครองโดยหัวหน้าของเขาเอง ที่สืบเชื้อสายต่อกันมา ไม่พูดภาษาจีน และถือ           พวกถือหมู่ ถึงขั้นไม่ยินดีรับอารยธรรมจีน

                      หมอวิลเลียมคลิฟตัน ดอดด์ ผู้แต่งหนังสือเรื่องเชื้อชาติไทย เขียนไว้ว่ามีข้อที่จะอ้างอิงได้เป็นอันมากว่า ในปัจจุบันนี้ชาวจีนซึ่งถือว่าหมู่ที่อยู่รอบข้างตน เป็นคนป่า    ชั้นต่ำกว่าตนนั้น         มีเลือดไทยอยู่ในสายเลือดของตนเป็นอันมาก และยังมีเลือดของพวกโลโล้ ยูง ยาง กะเหรี่ยง เต็ก แม้ว เย้า ไปจนถึงพวกมอญ - ขะแมร์ด้วย  พวกเหล่านี้เป็นชาวใต้ เป็นตัวแทนของชาติโบราณที่         เคลื่อนที่มาเรื่อย ๆ จากทางเหนือ เมื่อประมวลความเห็นเหล่านี้เข้าด้วยกัน จะเห็นได้ว่าธาตุสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้เกิดชาติจีนในปัจจุบันคือ ชนชาติใหญ่ ชื่อว่า อ้ายลาว ต่อมาภายหลังเรียกว่าไทย         พม่าเรียกว่า ฉาน ซึ่งอยู่ในประเทศจีนมาก่อน เก่ากว่าชาวจีน

                    แม่น้ำฮวงโห และ แม่น้ำแยงซีเกียง  ได้แบ่งประเทศจีนออกเป็น ๓ ตอน ตอนเหนือคือ    พื้นที่ทางด้านเหนือแม่น้ำฮวงโหขึ้นไป ตอนกลางคือพื้นที่ระหว่างแม่น้ำทั้งสองนึ้ และตอนใต้คือ        พื้นที่ทางด้านทิศใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงลงมา

                   ทางเดินของชนชาติจีนตามประวัติศาสตร์นั้น จีนลงมาจากทางเหนือ และเพิ่งมาตั้งอาณาจักรแท้จริงเท่าที่เราทราบ เมื่อมาถึงแม่น้ำฮวงโห และอยู่ในพื้นที่ตอนบนเหนือมแม่น้ำสายนี้           ในระยะเวลานั้นยังไม่พบกับไทย ในระยะต่อมาก็เคลื่อนที่ข้ามแม่น้ำฮวงโหเข้ามาสู่พื้นที่ตอนกลางและได้พบกับไทยในพื้นที่ตรงนี้   จากนั้นจีนก็ได้เปลี่ยนแนวทางเคลื่อนย้าย   คือแทนที่จะ            เคลื่อนที่เรื่อย ๆ ลงมาทางใต้ตามทิศทางที่เคยเคลื่อนที่มาก่อน ก็กลับวกไปทางด้านทิศตะวันออก    จีนใช้เวลาถึงหนึ่งพันปีในการเคลื่อนที่สู่ทิศตะวันออกเรื่อยไปจนกระทั่งถึงทะเลเหลือง            ปรากฎการณ์ดังกล่าวนี้เป็นข้อสนับสนุนว่า อาณาจักรไทยที่จีนมาพบนั้น    ต้องเป็นอาณาจักรที่มั่นคงแข็งแรง    สามารถเป็นทำนบกั้นการเคลื่อนที่ของจีนลงทางใต้ได้ยาวนานถึงหนึ่งพันปี            ภายหลังเมื่อจีนขยายตัวไปถึงทะเลเหลืองแล้ว    จึงได้กลับมากดดันลงทางใต้ และกว่าจะแผ่ขยายไปถึงฝั่งทะเลทางตอนใต้ก็ต้องใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งพันปีเช่นกัน  ประวัติศาสตร์จีนที่            ขงจื้อเขียน ไม่มีข้อความตอนใดกล่าวถึงดินแดนทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงลงไป แสดงว่าในสมัยนั้น จีนยังไม่รู้จักดินแดนตอนใต้

            มีอาณาจักรอยู่หลายอาณาจักรที่จีนเรียกว่าคนป่า แต่เป็นอาณาจักรที่ปกครองตนเอง โดยมีความสัมพันธ์กับจีน มีอาณาจักรอีกสองอาณาจักรที่น่าสนใจ นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้ว คือ

                         อาณาจักรปัง  อยู่ทางทิศเหนือของมณฑลเสฉวนและ ฮูเป คือ อยู่ในพื้นที่ตอนกลางระหว่างแม่น้ำ ฮวงโห กับแม่น้ำ แยงซีเกียง ในตำนานของจีนกล่าวว่า อาณาจักรนี้ได้ถูกรวมเข้า            กับจีน เมื่อ ๗๖๗ ก่อนพุทธศักราช และตำนานจีนยังกล่าวไว้ว่า อาณาจักรนี้ได้ตั้งเป็นอิสระมาก่อนแล้ว ๗๖๗ ปี แสดงว่าอาณาจักรนี้ตั้งมาตั้งแต่ ๑๔๕๔ ปี ก่อนพุทธศักราช  ขงจื้อเมื่อเขียน           ถึงชนชาตินี้ จะใช้คำว่า "ปังโบราณ"  อาณาจักรปังเป็นอาณาจักรใหญ่มีหมู่บ้านถึง แปดหมื่นหมู่บ้าน เมื่อรวมกับจีนแล้วก็ยังคงใช้ประมุขคนพื้นเมืองปกครองกันเอง ต่อมาภายหลังได้รับการ           ยกย่องให้อยู่ในฐานะกษัตริย์ จีนเรียกเมืองแสนหวีที่อยู่ในรัฐไทยใหญ่ปัจจุบันว่ามูปัง คำว่าปังอาจจะออกเสียงเป็นปอง ปง หรือพงได้นั้น ยังเหลือซากอยู่ในหมู่ชนชาติไทย ชื่อเมืองของชนชาติ           ไทยบางแห่งยังมีชื่อว่า เมืองพง ชาวไทยใหญ่บางพวกยังเรียกตัวเองว่าไทยปอง หรือไทยพง

                      อาณาจักรจู  ทางไทยอาจจะเรียกว่า " ฌ้อ"  เป็นอีกรัฐหนึ่งที่รวมเข้ากับจีน   ภายหลังจากที่ได้ต่อสู้กันอยู่ช้านาน นับว่าเป็นรัฐใหญ่ที่สุดในบรรดารัฐคนป่าทั้งหลาย  เขตแดนทางเหนือ          จดครึ่งของพื้นที่ตอนกลาง ระหว่างแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำแยงซีเกียง ทางด้านทิศตะวันออกได้ทอดยาวไปตามลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง จากหลักฐานของจีน ชาวชุงเชียสืบสายมาจากชาวจู และหมอ          วิลเลียม คลิฟตัน ดอดด์ ได้พบชาวชุงเชีย และพูดกันรู้เรื่องด้วยภาษาไทย

                     ศาสตราจารย์ ลาคุเปอรี    ได้พบจดหมายเหตุจีนกล่าวถึงชนชาติไทยเป็นครั้งแรก ในรัชสมัย พระเจ้ายู้ของจีน เมื่อ ๑๖๕๔ ปี ก่อนพุทธศักราช ชนชาติไทยได้ถูกระบุไว้ในรายงานการ           สำรวจภูมิประเทศของจีนในครั้งนั้น แต่จดหมายเหตุจีนเรียกชนชาติไทยว่า"มุง" และบางแห่งเรียก "ต้ามุง" คือมุงใหญ่ ถิ่นที่อยู่ของชนชาติไทยดังกล่าวนี้ อยู่ในเขตมณฑลเสฉวนของจีนใน          ปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่จีนกลางค่อนไปทางตะวันตก

                    มีจดหมายเหตุของจีน กล่าวถึงชนชาติไทย ได้เรียกชื่อไทยเป็นสองพวก คือ "ลุง" กับ "ปา" อาจจะเป็นได้ว่าทิวเขากุยลุง    ได้ชื่อมาจากไทยพวกที่จีนเรียกว่าลุง คำว่ากุย เป็นคำไทย          แปลว่าเขา นอกจากนั้น ยังมีชนชาติไทยอีกพวกหนึ่ง อยู่ในพื้นที่ระหว่างมณฑล โฮนาน ฮูเป และอันฮุย แล้วได้ขยายตัวออกไปถึงทิวเขากุยลุงทางด้านทิศตะวันตก   เราก็จะได้พบชนชาติไทย         ที่เรียกชื่อว่า มุง ลุง ปา ปัง และลาว บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำแยงซีเกียง ครอบครองดินแดนตั้งแต่มณฑลเสฉวนภาคตะวันตก ต่อเนื่องทางด้านตะวันออก จนเกือบถึงทะเล และย้อนขึ้นไปทางเขต         มณฑลเกียงสู ทิวภูเขาลาวในแถบนี้ ก็อาจจะได้ชื่อมาจากพวกไทย ที่เรียกตัวเองว่าลาวนี้เอง

 

จัดทำโดย
นางสาวศศิประภา ศรีวิไลเวช
นางสาวสาวิตรี เวชสมุทรวารี
โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพมหานคร
Copyright(c) 2006 Ms.Sasiprapa Sriviraivad Ms.Savitree Vajsarmutwaree. All rights reserved.

จำนวนผู้เข้าใช้งาน
ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2549

thaigoodview.com Version 13.0
บริหารและจัดการโดยทีมงานชาวมัธยมศึกษาและประถมศึกษา
e-mail: webmaster@thaigoodview.com