พันท้ายนรสิงห์
พันท้ายนรสิงห์นั้นนับเป็นเอกบุรษของชนชาติไทย โดยท่านเป็นข้าราชการในสมัยกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งสมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ ๘ ทรงครองราช ท่านมีคุณลักษณะเด่นในด้านเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตจงรักภักดี และรักษาระเบียบวินัยยิ่งชีวิต เป็นแบบอย่างที่ผู้ใหญ่บิดามารดาไว้ใช้อบรมสั่งสอนลูกหลานเป็นเวลาช้านาน เรื่องของท่านได้มีการเล่าขานเป็นที่จดจำกันต่อๆมารวมกว่า ๓๐๐ ปี
เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ เนื้อความเป็นไปในแบบเดียวกัน ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในปีพ.ศ. ๒๒๔๗ สมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ ๘ ประพาสปากน้ำสาครบุรี(ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสาคร) เพื่อทรงเบ็ด ด้วยเรือพระที่นั่งเอกไชยมีพันท้ายนรสิงห์เป็นนายท้าย ตามหลักฐานชุมนุมพระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงบันทึกไว้ว่า พันท้ายนรสิงห์เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองอ่างทอง และเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ จนทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับราชกาลรับใช้พระองค์อย่างใกล้ชิด
การเสด็จประพาสปากน้ำสาครบุรีในครั้งนี้ เมื่อเรือพระที่นั่งไปถึงตำบลโคกขามคลองบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งอย่างระมัดระวังแต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้ หัวเรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์รู้โทษดีว่าความผิดครั้งนี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี ซึ่งกำหนดว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหักผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสียจึงกราบทูลพระกรุณาน้อมรับโทษตามพระราช ประเพณี
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ ทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสุดวิสัยมิใช่ความประมาทจึงพระราชทานอภัยโทษให้ แต่พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมยืนยันขอให้ตัดศีรษะตนเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดกฎหมาย เป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติเตียนพระเจ้าอยู่หัวได้ว่าทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดินและเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป พระองค์ทรงโปรดให้ฝีพายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์แล้วให้ตัดศีรษะรูปดินนั้นเพื่อเป็นการทดแทนกัน แต่พันท้ายนรสิงห์ยังบังคมกราบทูลยืนยันขอให้ประหารตนแม้สมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่ ๘ จะทรงอาลัยรักน้ำใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใดก็ทรงจำพระทัยปฎิบัติตามพระราชกำหนด ดำรัสสั่งให้เพชฌฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์แล้วโปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียง ตานำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล
ภายหลังเหตุการณ์ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ ทรงโปรดให้นำศพพันท้ายนรสิงห์มาแต่งกายพระราชทานเพลิงศพ และพระราชทานเงินทองสิ่งของแก่บุตรภรรยาพันท้ายนรสิงห์เป็นจำนวนมากแล้วทรงพระราชดำริว่าคลองโคกขามคดเคี้ยวนักไม่สะดวกต่อการเดินเรือ บางครั้งชาวเมืองต้องเดินเรืออ้อมเป็นที่ลำบากยิ่งสมควรจะขุดลัดตัดตรง ทั้งนี้เพื่อเป็นการรำลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวงเดิมซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์มั่นคง ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมเสียพระราชประเพณี และจะนำความเสื่อมเสียมาให้พระมหากษัตริย์จึงมีพระราชโองการตรัสสั่งสมุหนายกให้กะเกณฑ์เลกหัวเมืองจำนวนสามหมื่นคนไป ขุดคลองโคกขามให้ลัดตรงกำหนดให้ลึก ๖ ศอก ปากคลองกว้าง ๘ วา พื้นคลองกว้าง ๕ วาให้พระราชสงครามเป็นแม่กองอำนวย การขุดสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรม พระยาดำรงราชานุภาพกล่าวไว้ในชุมนุมพระนิพนธ์ว่าพระราช-สงครามให้ขุดแต่ปากคลองทางลำน้ำท่าจีนมาจนถึงตำบลโคกขามแต่การขุดค้างอยู่มาสำเร็จลงในรัชกาลต่อมา ปรากฎเป็นคลองตรงและกว้างใหญ่เรียกว่าคลองมหาชัยอยู่ตราบเท่าอยู่ทุกวันนี้
เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ยังปรากฏอยู่ในโคลงพระราชพงศาวดาร ซึ่งแต่เดิมโคลงพระราชพงศาวดาร นั้นมีจำนวน ๒๗๖ บท มีภาพประกอบเรื่องพงศาวดาร๙๒ แผ่น พระบาทสมเด็จพระ-จุลจอมเกล้าฯโปรดให้ช่างเขียนตามเรื่องในพระราชพงศาวดารทรงคัดเลือกเป็นตอนๆ รูปขนาดใหญ่มีจำนวนโคลงประกอบรูปละ๖ บท รูปขนาดกลาง และขนาดเล็กมีโคลงประกอบ รูปละ ๔ บท ทรงพระราชนิพนธ์บ้างโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการซึ่งสันทัดบทกลอนแต่ถวายบ้าง ได้สร้างสำเร็จและได้โปรดให้นำไปประดับพระเมรุท้องสนามหลวงให้ประชาชนชม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๐ทั้งยังได้พิมพ์บทโคลงเป็นเล่มพระราชทานเป็นของแจกในงานพระเมรุคราวนั้นด้วย ครั้นเสร็จงานพระเมรุแล้วจึงโปรดให้แบ่งรูปภาพและเรื่องพระราชพงศาวดารไปประดับไว้ ณพระที่นั่งอัมพรวินิจฉัยบ้าง ส่งไปประดับพระที่นั่งวโรกาสพิมาน ณพระราชวังบางปะอินบ้าง เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์อยู่ในรูปที่ รูปที่ ๕๖ ที่มีชื่อว่า แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต โดยโคลงประกอบภาพนั้น ผู้ทรงพระราชนิพนธ์คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ (พระเจ้าน้องเธอพระ เจ้าวรวรรณากร)พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เมื่อปีพ.ศ. ๒๔๓๒ โดยมีจุดประสงค์ของการนิพนธ์ เพื่อสดุดีวีรกรรมของข้าราชการเช่น พันท้ายนรสิงห์ ผู้มีความรับผิดชอบสูงและสละชีวิตเพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ ของกฎหมายไว้
โดยมีรายละเอียดของโคลงกลอนดังต่อไปนี้
๏ สรรเพชญที่แปดเจ้า |
อยุธยา |
เสด็จประพาสทรงปลา |
ปากน้ำ |
ล่องเรือเอกไชยมา |
ถึงโคก ขามพ่อ |
คลองคดโขนเรือค้ำ |
ขัดไม้หักสลาย |
๏ พันท้ายตกประหม่าสิ้น |
สติคิด |
โดดจากเรือทูลอุทิศ |
โทษร้อง |
พันท้ายนรสิงห์ผิด |
บทฆ่า เสียเทอญ |
หัวกับโขนเรือต้อง |
คู่เส้นทำศาล |
๏ ภูบาลบำเหน็จให้ |
โทษถนอม ใจนอ |
พันไม่ยอมอยู่ยอม |
มอดม้วย |
พระโปรดเปลี่ยนโทษปลอม |
ฟันรูป แทนพ่อ |
พันกราบทูลทัดด้วย |
ท่านทิ้งประเพณี |
๏ ภูมีปลอบกลับตั้ง |
ขอบรร ลัยพ่อ |
จำสั่งเพชฌฆาตฟัน |
ฟาดเกล้า |
โขนเรือกับหัวพัน |
เซ่นที่ ศาลแล |
ศาลสืบกฤติคุณเค้า |
คติไว้ในสยาม |
โคลงบทที่ ๑ ความว่า พระเจ้าสรรเพชญ์ที่แปดกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จประพาสทรงตกปลาที่ปากน้ำโดยล่องเรือพระที่นั่งเอกไชยมาถึงตำบลโคกขามลำคลองที่คดเคี้ยวทำให้หัวเรือพระที่นั่งขัดเข้ากับกิ่งไม้หักลง
โคลงบทที่๒ ความว่าพันท้ายนรสิงห์ตกประหม่าจนขาดสติคิดทรงโดดลงจากเรือทูลขอพระราชทานโทษประหารชีวิตตามความผิดในกฎมนเทียรบาล ให้ตัดศีรษะตั้งคู่กับโขนเรือไว้ที่ศาลเพียงตา
โคลงบทที่ ๓ ความว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงพระราชทานอภัยโทษให้แต่พันท้ายนรสิงห์ไม่ยอมรับจะยอมตายแม้นพระองค์จะโปรดให้ปั้นรูปพันท้ายนรสิงห์แล้วฟันรูปปั้นแทนแต่พันท้ายนรสิงห์ทัดทานว่าจะผิดพระราชประเพณี
โคลงบทที่ ๔ ความว่า สมเด็จพระเจ้าเสือเมื่อได้ฟังเหตุผลของพันท้ายนรสิงห์เช่นนั้นจึง จำพระทัยรับสั่งให้เพชฌฆาตประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ แล้วนำโขนเรือกับศีรษะของพันท้ายนรสิงห์ ไปตั้งบวง สรวงไว้ที่ศาลเพียงตาเพื่อเป็นการประกาศคุณความดีของพันท้ายนรสิงห์ให้คนได้เห็นเป็นแบบอย่างต่อไป
ศัพท์ที่ควรทราบในโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ทรงปลา = ตกปลา
โขนเรือ = ไม้ที่ต่อเสริมหัวเรือท้ายเรือให้งอนเชิดขึ้นไป
กฤติคุณ = กิตติคุณ หมายถึง ชื่อเสียงโดยคุณงามความ
ความรู้ที่ได้รับจากเรื่อง
๑. พันท้ายนรสิงห์เป็นตัวอย่างของข้าราชการที่มีความรับผิดชอบอย่างสูงได้สละชีวิตเพื่อ รักษาความศักดิ์สิทธ์ของกฎหมายไว้ วีรกรรมเช่นนี้จะช่วยปลุกสำนึกให้เยาวชนเห็นคุณค่าของการเสียสละเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างเด่นชัด
๒. บทร้อยกรองในโครงพระราชพงศาวดาร ใช้ถ้อยคำสั้น กระชับ แต่ได้ใจความมากทำให้ผู้อ่านเห็นภาพชัดเจน
๓. วีรกรรมในเรื่อง โคลงภาพพระราชพงศาวดาร (แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือภาพพันท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต) จะช่วยปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนรับผิดชอบในหน้าที่เพื่อชีวิตความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
ข้อคิดที่ได้รับจากเรื่อง
๑. ผู้ที่ทำหน้าที่ด้วยความเอาใจใส่อย่างเต็มความสามารถ เมื่อมีข้อบกพร่องเกิดขึ้นจะได้รับความเห็นใจและการให้อภัยจากผู้อื่น
๒. ชื่อเสียงและคุณงามความดีเป็นสิ่งยั่งยืนยิ่งกว่าชีวิตดังคำกล่าวที่ว่า “ตัวแทนแต่ชื่อยัง”
๓. ผู้ที่สำนึกผิดเป็นผู้ที่ควรได้รับการอภัย
๔. ผู้ที่ปฏิบัติยึดถือกฎระเบียบนับว่าเป็นผู้ประเสริฐ
เก่งอ้ะ ทำได้ไง
(ขอบคุนสำหรับเนื้อหาค่ะ)
ได้ความรู้ดี ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันนะครับ ;')
กำลังหาอยู่พอดีเลย เปนแหล่งอ้างอิง เขียนได้ดีมากครับ ขอบคุณมั้กๆๆ
ได้ความรู้มากๆเลยครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ได้ความรู้มากครับ ขอบคุณที่แบ่งปัน