ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อมูลทั่วไป:
สภาพภูมิศาสตร์: มีพื้นที่ 14,870 ตาราง กม. ตั้งอยู่บนเกาะติมอร์ซึ่งเป็นเกาะอยู่ปลายหมู่เกาะซุนดาน้อยของอินโดนีเซีย
ภาษา: ภาษาเตตุม และภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการ ภาษาอังกฤษและภาษาบาฮาซาอินโดนีเซีย เป็นภาษาใช้งานได้ทั่วไป
ประชากร: 1,019,252 (ปี 2547) ร้อยละ 90 นับถือศาสนา คริสเตียนนิกายโรมันคาธอลิก ร้อยละ 3 นิกายโปรเตสแตน ร้อยละ 4 อิลาม ร้อยละ 0.5 ฮินดู ที่เหลือนับถือพุทธ และนับถือภูตผี
มีชุมชนคนไทยอยู่ใน ติมอร์ฯ จำนวน 100 คน (รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพภายใต้ องค์การสหประชาชาติ จำนวน 41 คน)
การเมือง: ติมอร์-เลสเตเป็นสาธารณรัฐมีประธานาธิบดีเป็นประมุข ดำรงตำแหน่งวาระละ 5 ปี ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล รัฐสภาแห่งชาติของติมอร์ฯ ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 65 คน มีวาระดำรงตำแหน่งสมัยละ 5 ปี
การศึกษา: ระดับประถมศึกษาใช้เวลาในการศึกษา 6 ปี และระดับมัธยมศึกษาใช้เวลาในการศึกษา 6 ปี ระดับอุดมศึกษาใช้เวลาในการศึกษา 4 ปี
เวลา: เวลาที่ติมอร์ฯ เร็วกว่าที่ประเทศไทย 2 ชั่วโมง
เงินตรา: ติมอร์ฯ ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินตราประจำชาติ
http://timor-leste-dili.blogspot.com/2007/06/blog-post_01.html
ประเทศติมอร์ตะวันออก (อังกฤษ: East Timor) หรือ ติมอร์-เลสเต หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต (อังกฤษ: Democratic Republic of Timor-Leste) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย เกาะติมอร์ด้านตะวันออก เกาะอาเตาโร (Atauro) และเกาะจาโก (Jaco) ที่อยู่ใกล้เคียง และ โอเอกุสซี-อัมเบโน (Oecussi-Ambeno) ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของเกาะติมอร์ ติมอร์ตะวันออกถูกล้อมรอบโดยพื้นที่ของประเทศอินโดนีเซีย
แต่เดิมประเทศติมอร์ตะวันออก ถูกปกครองโดยประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้ยึดครองติมอร์ตะวันออกเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) และในปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) ติมอร์ตะวันออกได้แยกตัวเป็นอิสระ และได้รับเอกราชอย่างเต็มตัวเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) เมื่อประเทศติมอร์ตะวันออกเข้าร่วมองค์การสหประชาชาติในปีเดียวกัน ก็ได้ตกลงว่าจะเรียกประเทศอย่างเป็นทางการว่า ติมอร์-เลสเต (Timor-Leste) ซึ่งเป็นชื่อในภาษาโปรตุเกส
ประวัติศาสตร์
ดินแดนติมอร์ตะวันออกเป็นอาณานิคมของประเทศโปรตุเกสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2063 (ค.ศ. 1520) ภายหลังโปรตุเกสถอนตัวออกไปเมื่อปี พ.ศ. 2518 โดยมิได้จัดการปกครองให้แก่ติมอร์แต่อย่างใด เป็นเหตุให้ประเทศอินโดนีเซียได้ส่งทหารเข้ายึดครองติมอร์โดยผนวกเข้าเป็น จังหวัดที่ 27 ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งต่อมาได้ถูกคัดค้านจากประชาชนชาวติมอร์เป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่การชุมนุมทางศาสนาในพิธีมิสซาที่โบสถ์โมทาเอล (Motael) เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1991 ริมทะเลกรุงดิลี โดยผู้ชุมนุมได้เดินขบวนไปยังสุสานซานตาครูซจำนวนผู้ร่วมชุมนุมจึงมีมากขึ้น และการชุมนุมก็เปลี่ยนเป็นการเรียกร้องเอกราช โดยมีนายซานานา กุสเมา เป็นผู้นำที่มีบทบาทอย่างมากต่อการเรียกร้องเอกราชจากอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ดีเมื่อรัฐบาล อินโดนีเซียยินยอมให้ชาวติมอร์ตะวันออกลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจาก อินโดนีเซีย ในวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2542 ประชาชนชาวติมอร์ตะวันออกกว่าร้อยละ 80 ออกเสียงสนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราช จึงก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงในติมอร์ตะวันออกโดยกลุ่มกองกำลังมิลิเทีย (militia) ที่นิยมอินโดนีเซีย สหประชาชาติจึงได้ตัดสินใจจัดตั้งกองกำลังนานาชาติ (International Force in East Timor – INTERFET) เมื่อ 15 กันยายน 2542 เพื่อส่งเข้าไปรักษาสันติภาพในติมอร์ตะวันออก ก่อนที่จะประกาศเอกราชในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 ในขณะนี้ สหประชาชาติดำเนินการสนับสนุนติมอร์ตะวันออกภายใต้ United Nations Mission of Support in East Timor (UNMISET) ตั้งแต่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545
วิกฤตการเมืองพ.ศ. 2549
ความวุ่นวายได้เริ่มขึ้นในติมอร์ตะวันออกเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2549 หลังจากที่การชุมนุมเพื่อสนับสนุนทหารติมอร์ตะวันออก 600 นาย ซึ่งถูกปลดออกจากราชการเนื่องจากหนีทัพกลายเป็นการจลาจลที่มีผู้เสียชีวิต 5 คน และมีมากกว่า 20,000 คนที่หนีจากบ้านของตัวเอง
การต่อสู้อันรุนแรงระหว่าง ทหารที่สนับสนุนรัฐบาลและทหารฟาลินติลที่ไม่พอใจได้เกิดขึ้นเมื่อ พฤษภาคม 2549 แม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจน แรงจูงใจเบื้องหลังการต่อสู้ คาดว่าจะเป็นการกระจายของกองทุนน้ำมัน และการจัดการไม่ดีของกองทัพและตำรวจติมอร์ ซึ่งรวมถึงตำรวจอินโดนีเซียเดิม และกบฎติมอร์เดิม นายกรัฐมนตรี มารี อัลกาติรี ได้เรียกความรุนแรงนี้ว่าเป็นการรัฐประหาร และได้ยอมรับความช่วยเหลือจากกองทัพจากต่างประเทศหลายชาติ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ประเทศออสเตรเลีย โปรตุเกส นิวซีแลนด์ และมาเลเซียได้ส่งทหารไปยังติมอร์ เพื่อปราบปรามความไม่สงบ
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ประธานาธิบดีซานานา กุสเมา ได้ขอร้องอย่างเป็นทางการให้นายกรัฐมนตรีมารี อัลคาทีรี ลาออก ซึ่งสมาชิกพรรคเฟรติลินส่วนใหญ่ได้ข้อรองให้นายกรัฐมนตรีลาออก โดยกล่าวหาว่า ได้พูดเท็จเกี่ยวกับการกระจายอาวุธให้พลเรือน เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2549 นายกรัฐมนตรีมารี อัลกาติรี ได้ลาออกโดยกล่าวว่า เป็นไปเพื่อหลีกเลี่ยงการลาออกของประธานาธิบดี โฆเซ รามอส ฮอร์ตา ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อ วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2549
การปกครอง
ปัจจุบันประเทศติมอร์ตะวันออกมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ด้วยความที่เป็นประเทศใหม่ ซึ่งต้องเผชิญกับเหตุการณ์สงครามกลางเมือง และการรุกรานจากประเทศอื่น เพื่อให้การดำเนินการในติมอร์ตะวันออกเป็นไปโดยสงบ องค์การสหประชาชาติโดยสำนักงานโครงการเพื่อสนับสนุนภารกิจของในติมอร์ตะวัน ออก (United Nation Mission of Support in East Timor : UNMISET) เป็นหน่วยงานที่คอยให้การสนับสนุนการดำเนินการต่างๆในติมอ์ตะวันออกให้เป็น ไปอย่างเรียบร้อย ประเทศติมอร์ตะวันออกเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติเมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2002
การแบ่งเขตการปกครอง
แผนที่แสดงเขตต่าง ๆ ของประเทศติมอร์ตะวันออกติมอร์ตะวันออกแบ่งเขตการปกครองเป็น 13 เขต (administrative districts) ดังนี้
1.เขตเลาเตง
2.เขตเบาเกา
3.เขตวีเกเก
4.เขตมานาตูโต
5.เขตดิลี
6.เขตไอเลอู
7.เขตมานูฟาอี
8.เขตลีกีซา
9.เขตเอร์เมรา
10.เขตไอนาโร
11.เขตโบโบนาโร
12.เขตโกวา-ลีมา
13.เขตโอเอกุสซี-อัมเบโน
ภูมิศาสตร์
ประเทศติมอร์ตะวันออกเป็นประเทศหมู่เกาะ จัดเป็นเกาะในกลุ่มเกาะอินโดนีเชีย เรียกว่า เกาะติมอร์ ด้วยเงื่อนไขทางภูมิศาสตร์ที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เกาะติมอร์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย และอยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตาของประเทศอินโดนีเซียไปทางตะวันออกประมาณ 2,100 กิโลเมตร ประเทศติมอร์ตะวันออกประกอบไปด้วยดินแดนส่วนปลายด้านตะวันออกของเกาะติมอร์ และมีดินแดนส่วนแยกเขตโอกุสซีที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของติมอร์ ตะวันตกซึ่งอยู่ในการปกครองของประเทศอินโดนีเซีย
ภูมิอากาศ
ประเทศติมอร์ตะวันออกมีเพียงสองฤดู เช่นเดียวกับทางภาคใต้ของประเทศไทย คือมีฤดูฝน และฤดูแล้งเหมือนประเทศไทย ภูมิอากาศบางแห่งมีภูมิอากาศแบบสะวันนา ด้วยเหตุที่ได้รับลมแล้งจากทะเลทรายทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย ทรัพยากรทางธรรมชาติของติมอร์ตะวันออกคือ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งอาจมีมากไม่แพ้ประเทศบรูไนที่อยู่ในทะเลลึกที่เรียกว่า Timor Gap ซึ่งอยู่ครึ่งทางระหว่างติมอร์ตะวันออกกับประเทศออสเตรเลีย ส่วนพืชเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ กาแฟ มะพร้าว โกโก้ ข้าวโพด และปศุสัตว์ที่สำคัญได้แก่ โค กระบือ แกะ ม้า และทรัพยากรสัตว์น้ำที่มีอยู่มากมาย
เศรษฐกิจ
ลู่ทางการค้าการลงทุนในติมอร์ตะวันออกที่มีศักยภาพ คือ ไร่กาแฟ การประมง ธุรกิจการท่องเที่ยว รวมถึงแหล่งทรัพยากรประเภทน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในเขต Timor Gap ซึ่งอยู่ระหว่างติมอร์ตะวันออกกับออสเตรเลีย อย่างไรก็ดี ธุรกิจเหล่านี้ยังจำเป็นต้องได้รับการพัฒนา และการสนับสนุนด้านการเงินจากนักลงทุนภายนอกอยู่มาก เนื่องจากติมอร์ตะวันออกยังขาดเงินทุน และชาวติมอร์ตะวันออกยังขาดทักษะในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กอปรกับในปัจจุบันมีอัตราผู้ว่างงานสูงประมาณร้อยละ 80 ซึ่งในส่วนของนักธุรกิจไทยจำเป็นต้องศึกษาความเป็นไปได้ของระเบียบรวมถึง อุปสรรคดังกล่าวต่าง ๆ ข้างต้น เพื่อประกอบการพิจารณาถึงความเสี่ยงในการลงทุนในติมอร์เลสเต และขณะนี้สินค้าส่วนใหญ่ในติมอร์ตะวันออกนำเข้าจากออสเตรเลีย เพื่อรองรับการบริโภคของคณะเจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติและคณะทูตที่ปฏิบัติ งานในติมอร์ตะวันออก
ประชากร
งานแต่งงานของชาวติมอร์เชื้อสายจีนแคะ ปี ค.ศ. 2006ประเทศติมอร์ตะวันออกมีประชากรประมาณ 1,040,880 คน โดยประชากรมีความหลากหลายทางด้านชาติพันธุ์ และภาษาที่มีถึง 30 กลุ่ม โดยต่างคนต่างอยู่ นอกจา กนี้ยังมีชุมชนชาวติมอร์เชื้อสายจีน และคนไทยในกรุงดิลี ส่วนภาษาทางการนั้นไม่เป็นที่ตกลงแน่นอนว่าจะใช้ภาษาใดเป็นภาษาทางการ แต่ภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในติมอร์ตะวันออก คือ ภาษาเตตุม ภาษาโปรตุเกส ภาษาอินโดนีเซีย และภาษาอังกฤษ โดยสองภาษาหลังนี้ทางการถือเป็นภาษาปฏิบัติการ นอกจากนี้ยังมีภาษาของชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
วัฒนธรรม
ประชาชนชาวติมอร์ตะวันออกส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามชนบท โดยส่วนมากยังทำการเกษตรแบบดั้งเดิม และพึ่งพาตนเอง มีการศึกษาต่ำ มีการจับปลาและเลี้ยงสัตว์ ผู้คนส่วนใหญ่ค้าขายไม่เป็น ไม่มีความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม เครื่องจักรกล แต่ชาวติมอร์ตะวันออกนั้นมีความเคารพในระบบอาวุโส มีระบบเครือญาติที่แข็งแกร่ง รักพวกพ้อง รักขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม โดยสตรีชาวติมอร์นั้นจะทำงานหนักในขณะที่บุรุษมักไม่ค่อยช่วยงานบ้าน
ศาสนา
รูปปั้นพระแม่มารีของศาสนาคริสต์ในเมืองดิลีศาสนา จำนวนศาสนิก[9] ร้อยละ
นิกายโรมันคาทอลิก 715,285 คน 96.5 %
นิกายโปรเตสแตนต์ 16,616 คน 2.2 %
นับถือผี/ไสยศาสตร์ 5,883 คน 0.8 % ประเทศติมอร์ตะวันออก (อังกฤษ: East Timor) หรือ ติมอร์-เลสเต หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต (อังกฤษ: Democratic Republic of Timor-Leste) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย เกาะติมอร์ด้านตะวันออก เกาะอาเตาโร (Atauro) และเกาะจาโก (Jaco) ที่อยู่ใกล้เคียง และ โอเอกุสซี-อัมเบโน (Oecussi-Ambeno) ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของเกาะติมอร์ ติมอร์ตะวันออกถูกล้อมรอบโดยพื้นที่ของประเทศอินโดนีเซีย
แต่เดิมประเทศติมอร์ตะวันออก ถูกปกครองโดยประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้ยึดครองติมอร์ตะวันออกเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) และในปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) ติมอร์ตะวันออกได้แยกตัวเป็นอิสระ และได้รับเอกราชอย่างเต็มตัวเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) เมื่อประเทศติมอร์ตะวันออกเข้าร่วมองค์การสหประชาชาติในปีเดียวกัน ก็ได้ตกลงว่าจะเรียกประเทศอย่างเป็นทางการว่า ติมอร์-เลสเต (Timor-Leste) ซึ่งเป็นชื่อในภาษาโปรตุเกส
แหล่งอ้างอิง:
จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ
ขอบคุณมากคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม....และขอบคุณท่านอาจารย์พูนศักดิ์ ที่ได้ให้การอบรมกับคณะครูที่โรงเรียนบ้านดอยคำลำพูนเมื่อวันที่14-15ม.ค.54 เอาไปใช้สอนนักเรียนได้สบายเลยค่าา...