ประเพณีการเเต่งงาน
ประเพณีการเเต่งงาน
ที่มา : http://wedding.tlcthai.com/wp-content/uploads/2009/08/Keeping-traditional-wedding.jpg
การแต่งงานแบบจีนประเพณีการไหว้เจ้าทั้ง 8 ครั้งนี้ มีคำจีนเฉพาะเรียกว่า “โป๊ยโจ่ย” โป๊ย คือ 8 โจ่ย แปลว่า เทศกาล โป๊ยโจ่ย จึงหมายความว่า การไหว้เจ้า 8 เทศกาล ซึ่งนอกจากการไหว้เจ้า 8 เทศกาลนี้แล้ว บางบ้านอาจมีวันไหว้พิเศษกับเจ้าบางองค์ที่นับถือศรัทธา คือ
-ไหว้ เทพยดาฟ้าดิน เช่น การไหว้วันเกิดเทพยดาฟ้าดิน เรียกว่า “ทีกงแซ” หรือ “ทีตี่แซ” ก็ได้ ตรงกับวันที่ 9 เดือน 1 ของจีน
-ไหว้ อาเนี้ยแซ คือ ไหว้วันเกิดเจ้าแม่กวนอิม ปีหนึ่งมี 3 ครั้ง คือ วันที่ 19 เดือน 2, วันที่ 19 เดือน 6 และวันที่ 19 เดือน 9
-ไหว้ แป๊ะกงแซ ตรงกับวันที่ 14 เดือน 3
-ไหว้ เทพยดาผืนดิน คือ ไหว้โท้วตี่ซิ้ง ตรงกับวันที่ 29 เดือน 3
-ไหว้ อาพั้ว “อาพั้ว” คือ พ่อซื้อแม่ซื้อผู้คุ้มครองเด็ก วันเกิดอาพั้ว หรือ “อาพั้วแซ” ตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี
-ไหว้ เจ้าเตา ไหว้วันที่ 24 เดือน 12 เรียกว่า “ไหว้เจ๊าซิ้ง
ประเพณีแต่งงานแบบจีน
สิ่งสำคัญของการแต่งงานแบบจีนไม่ใช่เรื่องของการเตรียมสิ่งของให้พร้อม แต่อยู่ที่การให้เกียรติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย มากกว่าควรถามญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายว่าอยากเห็นอะไรในธรรมเนียมจีนสิ่งไหนที่อยากให้ทำเพื่อความสบายใจบ้าง ถ้าฝ่ายหญิงมีอาม่า มักมีธรรมเนียมค่าน้ำนมข้าวป้อนหรืออั่งเปาน้ำนม เพราะเคยช่วยเลี้ยงหลานคนนี้มา หรือท่านอยากเห็นเอี๊ยมแดงก็จัดให้ท่าน สิ่งที่อาม่าเคยเห็นและฝังใจว่าดี ถ้าอีกฝ่ายไม่ทำตามนั้นอาม่าอาจเกิดความรู้สึกอคติกับอีกฝ่ายก็ได้ เพราะการที่คนสองคนแต่งงานกันไม่ได้แต่งแค่สองคน แต่เป็นการรวมสองครอบครัวเข้าด้วยกันยิ่งถ้าวิถีชีวิตของจีนถูกสอนให้ผูกพันและกตัญญูกับผู้ใหญ่อะไรที่ทำแล้วท่านไม่ชอบก็เลี่ยงไปดีกว่า
ฤกษ์งามยามดี
ไม่ว่าจีนหรือไทย เมื่อจะเริ่มต้นเรื่องมงคลสักที ฤกษ์ยามมงคลเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ เพราะลำดับขั้นของคนจีนเริ่มจากการสู่ขอเหมือนคนไทย แล้วให้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายเอาดวงของทั้งคู่รวมถึงดวงของพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายไปให้ซินแสดูเมื่อได้ฤกษ์งามยามดีแล้วฝ่ายชายจะทำการส่งข่าวให้ฝ่ายหญิงทราบว่าต้งตัดผม ตัดชุดแต่งงาน วันไหน เวลาอะไร เพราะดวงที่ซินแสให้มานั้นจะระบุละเอียดตั้งแต่ฤกษ์แต่งงาน ฤกษ์แต่งหน้าทำผม ฤกษ์ตัดชุด ฤกษ์เข้าหอ และบางครั้งมีฤกษ์คลอดลูกมาให้เสร็จสรรพ
ขันหมาก
เมื่อถึงวันหมั้น เจ้าบ่าวจะยกขันหมากมาที่บ้านเจ้าสาว และมอบสินสอดทองหมั้น เครื่องขันหมากที่เตรียมมาให้ ฝ่ายเจ้าสาวต้องเก็บขนมแต่งไว้ครึ่งหนึ่ง และส่งอีกครึ่งหนึ่งคืนให้เขา พร้อมส้มเช้งติดตัวซังฮี่จัดเป็นจำนวนคู่กับเอี๊ยมแดง เสียบปิ่นทอง ซึ่งในเช้าวันส่งตัว ฝ่ายเจ้าบ่าวจะคืนปิ่นทองมาให้เจ้าสาว ใช้ติดผมก่อนออกจากบ้าน นอกจากส้มเช้ง เธออาจให้กล้วยทั้งเครือไปด้วย เพื่อเป็นเคล็ดว่าจะได้มีลูกหลานว่านเครือสืบสกุลเสร็จสิ้นกระบวนการแลกเครื่องขันหมาก ก็รอฤกษ์งามยามดีเพื่อสวมแหวนหมั้นต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายจากนั้นผู้ใหญ่จะให้ศีลให้พร แล้วเชิญแขกกินเลี้ยงเป็นอันจบไปหนึ่งพิธี
วันออกเรือน
ก่อนถึงฤกษ์ส่งตัว เจ้าสาวต้องแต่งหน้า ทำผมจนสวยสุดชีวิต แม่เจ้าสาวจะประดับปิ่นทองและใบทับทิมให้ที่ผม แต่งตัวเสร็จจึงไปไหว้ฟ้าดินไหว้เจ้าที่และบรรพบุรุษก่อนไปร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับครอบครัว ซึ่งมื้อนี้คุณพ่อจะเป็นคนคีบอาหารให้คุณลูกสาว พร้อมกล่าวคำมงคลของอาหารแต่ละชนิด
อาหารมงคล
- ปลา ภาษาจีนเรียกว่า “ฮื้อ” หรือ “ชุ้ง” แปลได้อีกอย่างว่า เหลือ สื่อถึงคำมงคลว่า “อู่ฮู้-อู่ชุ้ง” คือให้มีเหลือกินเหลือใช้
- ผักกู้ช่าย (หรือที่เรียกติดปากกันว่า กุยช่าย) สื่อเป็นนัยว่าให้อยู่กันนานๆ เพราะ“กู้” แปลว่า นาน
- ผักเกาฮะไฉ่ คำว่า “เกาฮะ” สื่อถึง “เซียนฮัวฮะ” ซึ่งเป็นเซียนคู่ที่รักกันมาก กินผักเกาฮะไฉ่ จะได้รักกันเหมือนเซียนคู่นั้น
- ตับหมู ไส้หมู กระเพาะหมู ภาษาจีนเรียกว่า “กัว” “ตึ๊ง” และ “โต้ว” เมื่อเรียกรวมกันจะเป็นภาษามงคล คือ “อั่วตึ๊งอั่วต็ว” แปลว่าเปลี่ยนให้ดีขึ้น
- หมู เป็ด ไก่ เป็นของที่นิยมไหว้เจ้ากันอยู่แล้ว จึงถือเป็นอาหารมงคลเช่นกัน