Speaking
การพูดหรือสนทนา (Speaking)
การพูดหรือสนทนา ตามหลักการการพูดหรือการสนทนานั้น จำเป็นที่ต้องอาศัยความรู้ 2 ด้านประกอบกัน คือความรู้ด้านไวยากรณ์ (Grammar) และการรู้ศัพท์ (Vocabulary หรือ Wording) โดยไวยากรณ์จะทำให้ท่านทราบโครงสร้างในสิ่งที่ท่านต้องพูดออกไป และคำศัพท์เป็นสิ่งที่ท่านต้องเติมเข้าไปในโครงสร้าง ดังนั้นการพูดจึงเป็นสิ่งที่ยากเพราะต้องประมวลความรู้ทั้งสองด้านพร้อมๆ กันในเวลาจำกัด ซึ่งแตกต่างจากการเขียน เพราะการเขียนยังสามารถพินิจ วิเคราะห์ เปิดตำรา หรือ เปิดพจนานุกรมได้ แต่การพูดไม่สามารถทำได้ หากแต่การพูดอาศัยการฝึกทักษะอยู่อย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งเกิดความคล่องที่สามารถพูดได้อย่างที่ตั้งใจ ประการที่สำคัญการจำไปพูดไม่ใช่หนทางการปฏิบัติที่เพิ่มทักษะในการพูดเนื่องจากเป็นการจำกัดคำพูดที่ต้องไปพูด การพูดที่ดีนั้นต้องอาศัยประสบการณ์การฟังมากๆ จะทำให้เรามีโอกาสรับฟังการออกเสียงคำศัพท์แต่ละตัว การออกเสียงเน้นในประโยค รูปแบบหรือโครงสร้างของประโยคในการพูด เมื่อสมองเราได้รับการฟังบ่อยๆ การออกเสียงของเราและโครงสร้างการพูด ก็จะเลียนแบบสิ่งที่เราได้ยินมา ซึ่งคล้ายกับเมื่อเรายังเป็นเด็กและพูดไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็พยายามที่ให้เราออกเสียงตามท่าน จะเห็นได้ว่าเป็นหลักการเดียวกันนั่นเอง (ไม่ยากใช่ไหม ) ปัญหาก็คือ แล้วเราจะไปฝึกพูดที่ไหน กับใคร เมื่อไร ดังนั้น ขอแนะนำข้อปฏิบัติที่ทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์สำหรับการพัฒนาการพูด การสนทนา ได้โดยทันที
1. พูดตามละครหรือภาพยนตร์ในโทรทัศน์
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าละครหรือภาพยนตร์ต่างประเทศมีให้ชมอยู่หลายช่อง ในขณะที่ตัวละครพูดคุยนั้น ท่านลองออกเสียงเลียนแบบตามตัวละครต่างๆ โดยไม่ต้องสนใจความหมาย ซึ่งบางครั้งท่านทราบอยู่แล้ว จะทำให้ท่านได้รู้จักการออกเสียงของคำศัพท์ตามเหตุการณ์ในละคร เช่น การทักทาย การขอโทษ หรือ แม้แต่การอธิบาย โดยสมองของท่านกำลังพยายามจะจดจำคำต่างๆ ที่ท่านเปล่งออกมา (อย่าอายที่ต้องพยายามพูดออกมา และขอให้ออกเสียงให้ดังและให้เหมือนกับตัวละคร) วิธีนี้สามารถเริ่มลงมือปฏิบัติได้ทันที เมื่อท่านทำอยู่บ่อยๆ ท่านจะมีความรู้สึกว่ารูปแบบการพูดจะซ้ำกัน
2. การพูดคุยกับชาวต่างชาติ
โดยทั่วไปแล้วปกติเราจะไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดคุยกับชาวต่างชาติ ดังนั้นท่านต้องหาโอกาสที่จะเข้าไปพูดคุยกับชาวต่างชาติให้ได้ ซึ่งมีหลายวิธีที่ท่านสามารถปฏิบัติได้
2.1 การพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยหาโอกาสเข้าไปพูดคุย อาจจะเป็นการแนะนำการเดินทาง สถานที่ หรือ แหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติต้องการจะไป อย่างน้อยจะทำให้ท่านรู้จักการทักทายเริ่มต้น How are you? Can I help you? โดยท่านพยายามที่จะพูดคุยด้วยภาษาง่ายๆ ที่ท่านคิดว่าท่านสามารถพูดออกไปได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสำเนียงมากนัก เพราะชาวต่างชาติพยายามที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดออกไป (อย่ากลัว ได้กับตัวคุณเอง)
2.2 การเข้าศึกษาในสถาบันอบรมภาษา จะทำให้เรามีโอกาสได้ศึกษาและฝึกฝนกับอาจารย์ชาวต่างชาติโดยตรง อีกทั้งอาจารย์จะเป็นผู้ที่แก้ไขในส่วนที่เราผิดพลาดในทุกด้าน อันจะทำให้ท่านเกิดความมั่นใจในการพูดคุย แต่จะต้องยอมรับว่าท่านจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการศึกษาโดยมากน้อยขึ้นกับสถาบัน
2.3 การศึกษาในมหาวิทยาลัยที่สอนหลักสูตรภาษาอังกฤษและโรงเรียนนานาชาติ เป็นสิ่งที่บีบบังคับให้เราต้องมีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษครบทุกด้าน (การพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน) โดยท่านจะต้องใช้ทักษะการพูดในการศึกษา ในการพูดคุยกับอาจารย์ที่สอน ตลอดจนการสนทนากับเพื่อนโดยเฉพาะเพื่อนชาวต่างชาติ ทำให้ท่านมีโอกาสที่จะพัฒนาทักษะการพูดในระยะเวลาอันสั้นได้ อีกทั้งเป็นการที่ดีในการเพิ่มความกล้าที่พูดคุยกันเป็นอย่างมาก
3. การไปศึกษาต่อต่างประเทศ
หนทางปฏิบัติในหัวข้อนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถพัฒนาทักษะด้านนี้อย่างเป็นรูปธรรม กล่าวคือ การไปศึกษาต่อต่างประเทศนั้น ทำให้เรามีโอกาสที่จะต้องอยู่กับภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา ทั้งการในด้านการใช้ชีวิตประจำวันที่จะต้องพูดคุย เช่น การซื้อของ การติดต่อหอพัก และการศึกษา โดยเฉพาะสำหรับท่านที่จะต้องทำรายงานเป็นกลุ่ม เข้าไปปรึกษาอาจารย์ และมีการนำเสนอ ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนการคบหาสมาคมกับเพื่อนต่างชาติ ทำให้ท่านมีโอกาสใช้เวลาส่วนใหญ่ที่จะพูดภาษาอังกฤษได้มาก ยิ่งถ้าท่านพูดมากเท่าไร ท่านก็จะมีทักษะมากเท่านั้น แต่ประการที่สำคัญท่านอาจจะต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะไปศึกษา แต่เมื่อพิจารณาแล้วก็นับได้ว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ท่านได้รับกลับมา
กรณีที่ท่านไม่มีเวลาไปศึกษาในช่วงเวลาที่ยาว ท่านสามารถเลือกที่จะไปหลักสูตรระยะสั้นได้ แต่ขอให้ท่านต้องตระหนักตลอดเวลาว่า เวลามีจำกัด ท่านจะต้องตักตวงโอกาสที่ท่านจะฝึกฝนภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด
4. การท่องเที่ยวต่างประเทศ
วิธีนี้นับได้ว่าเป็นการปฏิบัติอีกวิธีหนึ่ง โดยเฉพาะท่านที่ทำงาน มีเวลาน้อย และต้องการท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ เพื่อเป็นการพักผ่าน และเพื่อหาโอกาสฝีกทักษะการพูดคุยภาษาอังกฤษ ซึ่งท่านต้องมีการพูดคุย ติดต่ออยู่ตลอดเวลา ในการเข้าพัก ทานอาหาร เดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ และการสอบถาม จึงเป็นการดีที่ท่านสามารถใช้เวลาพักผ่อนให้รางวัลกับตัวเองด้วยวิธีนี้ อีกทั้งท่านสามารถฝึกทักษะการใช้ภาษาอังกฤษไปในเวลาเดียวกันได้อีก
5. การฟังสื่อการเรียนสนทนาภาษาอังกฤษ
ปัจจุบันสื่อการเรียนสนทนาภาษาอังกฤษมีจำหน่ายมากมายในร้านหนังสือทั่วไป ท่านสามารถจัดหามาแล้วทำการฝึกฝนตามคำแนะนำในหนังสือ หรือ คู่มือปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการฟังและพูดตาม การออกเสียง โดยวิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกที่ท่านจะศึกษาได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ตลอดจนขณะเดินทาง วิธีนี้หากท่านได้ปฏิบัติด้วยความสม่ำเสมอ จะทำให้เพิ่มทักษะในการสนทนามากขึ้น
6. การคุย MSN เป็นภาษาอังกฤษ
MSN เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ท่านสามารถพูดคุยกับเพื่อนได้ โดยเฉพาะเพื่อนต่างชาติที่ท่านสามารถหาได้ ท่านอาจจะสงสัยว่า MSN เป็นการเขียนบทสนทนาแล้วจะเกี่ยวกับการพูดอย่างไร หากพิจารณาแล้ว ถ้าท่านตกลงที่จะเขียนตอบกันเป็นภาษาอังกฤษ นั่นคือสมองท่านพยายามที่จะดึงคำศัพท์และไวยากรณ์เพื่อเรียบเรียงออกมาเป็นภาษาอังกฤษผ่านการเขียน แทนการพูดนั่นเอง ในขณะเดียวกันสายตาท่านจะพยายามตรวจสอบความถูกต้อง และถ้าหากท่านได้ออกเสียงประกอบไปด้วยก็จะทำให้ท่านเกิดความคุ้นเคย สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือเมื่อท่านเกิดการติดขัดในการเขียน ไม่ว่าจะด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ ท่านก็สามารถเปิดคู่มือและพจนานุกรม เพื่อหาสิ่งที่ถูกต้องได้ เท่านี้ท่านจะเห็นว่า MSN มีประโยชน์ต่อการฝึกฝนภาษาอังกฤษได้เช่นกัน ดังที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงแนวทางปฏิบัติสำหรับการฝึกฝนทักษะการพูดหรือสนทนาภาษาอังกฤษ ซึ่งถ้ามีการนำไปใช้บ่อยๆ ให้เกิดความเคยชิน เชื่อได้ว่าความสามารถของท่านต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยการพูดหรือสนทนานั้นขอให้ท่านระลึกไว้ว่า “ท่านต้องหาโอกาสที่จะพูดคุยหรือสนทนาให้ได้” อีกทั้งขอให้ท่านมีความตั้งใจที่จะพัฒนาภาษาอังกฤษของท่านให้แน่วแน่ไว้