Vocabulary
คำศัพท์ (Vocabulary)
จากคำกล่าว "ไม่รู้ศัพท์ ก็ทำไรต่อกับภาษาอังกฤษไม่ได้" ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ทำให้ทราบว่าการเรียนรู้คำศัพท์ เป็นสิ่งที่จำเป็นอีกประการหนึ่งในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษขั้นต่อไป เนื่องจากหลังจากที่ได้ทราบกฎเกณฑ์ต่างๆ จากการศึกษาไวยากรณ์แล้ว การรู้ศัพท์ต่างๆ ที่จะต้องนำมาใช้ในการเรียงต่อกันให้เป็นประโยค เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมาก และต้องรู้ประเภทของคำด้วย เช่น เป็นคำนาม (Noun) กริยา (Verb) หรือ อื่นๆ อีก แล้วคำศัพท์เหล่านี้อยู่ที่ไหน คำตอบคืออยู่ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ (Dictionary) แต่ว่าแค่เห็นคำศัพท์ในพจนานุกรม ก็ทำให้เกิดการท้อทีจะเรียนต่อไปแล้ว คำศัพท์มากมายขนาดนั้นใครจะไปจำไหว คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วจะต้องใช้คำทุกคำในนั้นหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ จะใช้มากน้อยแค่ไหนขึ้นกับความสามารถที่เราจะจำและเข้าใจรูปแบบการใช้ ตลอดจนความจำเป็นในการใช้ศัพท์นั่นเอง
ประการแรกที่ ขอแนะนำคือลองไปหาหนังสือที่มีรูปภาพที่มีการจัดศัพท์เป็นหมวดหมู่เช่น กลุ่มคำศัพท์ที่เป็นพาหนะ (รถ เครื่องบิน เรือ ฯลฯ) กลุ่มคำศัพท์ที่เป็นอุปกรณ์ภายในบ้าน หรืออื่นๆ แล้วนำมาอ่านและท่องที่ละหมวด จะทำให้สมองสามารถจดจำศัพท์ได้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งเป็นการจัดระเบียบความจำนั่นเอง บางครั้งอาจจะใช้การจำแบบ MindMap มาช่วยก็ได้ ขอเน้นสำหรับผู้ปกครองที่มีลูกเล็กๆ หนังสือแบบนี้จะช่วยให้เด็กรู้ศัพท์ได้มาก เพราะว่ารูปภาพเป็นสิ่งที่แสดงความน่าสนใจ น่าตื่นเต้น
อีกประการหนึ่งคือพจนานุกรมภาษาอังกฤษบางสำนักพิมพ์จะมีรูปสีประกอบการอธิบายด้วย คิดว่าก็ดี ดูแล้วไม่น่าเบื่อ บางทีการดูจากภาพสามารถอธิบายให้เราเข้าใจและจำมากกว่าคำอธิบายทั้งหมดเสียอีก
อีกประการหนึ่งอยากให้ท่านได้ศึกษาคือ การประกอบคำขึ้นมาหรืออาจจะเรียกว่าเทคนิคการจำคำศัพท์ เหมาะมากสำหรับน้องๆ ทีกำลังเรียนอยู่ระดับมัธยม มหาวิทยาลัย นั่นคือเป็นการเรียน รากศัพท์ (Root) แล้วเรียนการเติมคำข้างหน้า (Prefix) และ การเติมคำข้างหลัง (Suffix) โดยพยายามที่จะสังเกตการสร้างคำสักนิดหนึ่ง แล้วคุณจะเข้าใจ การทำแบบนี้ต้องใช้เวลา และอาศัยการสังเกต หากมีการฝึกบ่อยๆ คุณก็จะเก่งในการจำศัพท์ โดยอัตโนมัติ ขอยกตัวอย่างเพื่อเป็นการเข้าใจเพิ่มขึ้น
เช่น color แปลว่า สี (Root)
multi- แปลว่า มาก (เป็น Prefix)
multi + color = multicolor แปลว่า มากสี หรือ หลายสี
หรือ dem(o) แปลว่า ประชาชน (Root)
-cracy แปลว่า การปกครอง (เป็น Suffix)
demo + cracy = democracy แปลว่า การปกครองด้วยประชาชน (ประชาธิปไตย)
หรือในบางครั้งอาจจะเปลี่ยนประเภทของคำเช่น
nice เป็นคำคุณศัพท์ หรือ Adjective แปลว่างาม สวย
เมื่อ nice + ly = nicely ก็จะเป็นคำกริยาวิเศษณ์ หรือ Adverb
แบบนี้เรามักเจอในพจนานุกรมบ่อยๆ เพราะฉะนั้นเวลาหาศัพท์ ก็ลองมองเพิ่มสักนิด ว่าคำกริยาเขียนว่าอะไร คำคุณศัพท์ คำกริยาวิเศษณ์ เขียนว่าอะไร จะได้จำเป็นชุดๆๆ ไปเลยทีเดียว
ข้อควรระวัง
dis- แปลว่า ไม่ (Prefix)
play แปลว่า เล่น (Root)
dis + play = display แปลว่า ไม่เล่น
ไม่ถูกต้อง ปกติ display เป็นรากศัพท์คำนามหรือคำกริยาอยู่แล้วแปลว่า แสดง หรือ โชว์ อย่าโดนหลอก
มีท่านผู้รู้เคยแนะนำบอกอีกวิธีหนึ่งคือลองท่องศัพท์แค่วันละ 5 คำ ทุกวัน แต่ต้องมีวินัยที่จะทำ คุณจะพบว่า สัปดาห์หนึ่งคุณจะได้ศัพท์ 35 คำ (5 คำ x 7 วัน) และหนึ่งเดือนคุณจะมีศัพท์ 150 คำ (5 คำ x 30 วัน) แล้วลองคิดดูในหนึ่งปีสิ คุณจะได้ศัพท์ 1825 คำ (5 คำ x 365 วัน) มาถึงตรงนี้แล้วไม่ต้องคิดว่า 2 ปี 5 ปี 10 ปี จะได้ศัพท์เท่าไร ลองคิดดู แต่ที่สำคัญต้องมีวินัยในการท่อง
ขออีกสักนิด สำหรับผู้ที่จะต้องไปสอบพวก Reading แล้วเจอศัพท์ที่ไม่คุ้น ใจเย็นๆ ขอแนะนำว่า หากเราแปลศัพท์คำไหนไม่ได้ ให้ใช้คำกว้างๆ หรือ คำทั่วไป เช่น หากเราเจอคำนาม ให้แปลว่า "มันต้องเป็นอะไรสักอย่าง หรือ สิ่งนั้น สิ่งนี้" หรือถ้าเจอคำกริยา ให้คิดว่า "ต้องทำอะไรสักอย่าง" แล้วไปอ่านประโยคข้างเคียงแล้วค่อยๆ พิจารณาภาพรวม เพราะถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถทราบได้ว่าศัพท์คำนี้แปลว่าอะไร (ในเวลานั้นได้ ) แล้วพิจารณาในสิ่งที่คำถามถามเราดีกว่า อย่าให้ศัพท์มาหยุดทุกสิ่งทุกอย่างในเวลานั้น สูตรสำเร็จอีกอย่างหนึ่งก็คือ การอ่าน ยิ่งอ่านมากก็จะยิ่งรู้ศัพท์มากขึ้น หรือ ดูภาพยนตร์ที่มีคำบรรยาย (Subtitle) จะทำให้เรารู้ว่าตัวละครพูดว่าอะไรและเห็นคำแปลไปพร้อมๆ กัน