• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:32f935d1f28d2e005c3a47f396a8357b' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\"><strong>หิ่งห้อย (Firefly , Lightening bug)</strong></p>\n<p align=\"center\"><img src=\"/files/u9/tgv20.jpg\" alt=\"\" width=\"191\" height=\"228\" border=\"0\" /></p>\n<p><strong>ลักษณะทั่วไปของหิ่งห้อย</strong><br /> หิ่งห้อย (Firefly , Lightening bug) แมลงแสง แมลงคาเรือง หรือ แมลงทิ้งถ่วง ทั่วโลกมีหิ่งห้อยประมาณ 2,000 ชนิด หิ่งห้อยตัวเต็มวัยเพศผู้มีปีก ส่วนเพศเมียมีทั้งปีกและไม่มีปีก บางชนิดมีปีกสั้นมาก (Brachypterous) ชนิดที่ไม่มีปีก มีรูปร่างลักษณะคล้ายตัวหนอน หนอนของหิ่งห้อยเป็นตัวห้ำกินหอยฝาเดียว ไส้เดือน กิ้งกือ และแมลงตัวเล็กๆเป็นอาหาร หิ่งห้อยมีลักษณะเด่น คือสามารถทำแสงได้ทั้งระยะหนอน ดักแด้ ตัวเต็มวัย ส่วนระยะไข่ทำแสงได้เฉพาะบางชนิดเท่านั้น</p>\n<p><strong>การทำแสงของหิ่งห้อย</strong><br /> หิ่งห้อยมีอวัยวะทำแสงอยู่บริเวณส่วนท้องด้านล่าง เพศผู้มีอวัยวะทำแสง 2 ปล้อง เพศเมียมี 1 ปล้อง แต่บางชนิดตัวเต็มวัยเพศเมียมีรูปร่างลักษณะคล้ายหนอนมีอวัยวะทำแสงด้านข้างของลำตัวเกือบทุกปล้อง แสงของหิ่งห้อย เกิดจากปฏิกิริยาของสาร Leciferin เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและมีสาร Adenosine Triphosphate (ATP) เป็นตัวให้พลังงาน ทำให้เกิดแสง หิ่งห้อยทำแสงเพื่อการผสมพันธุ์และสื่อสารซึ่งกันและกัน ความถี่การกะพริบแสงของหิ่งห้อยแตกต่างกันตามชนิดของหิ่งห้อย<br /> <br /> <strong>แหล่งอาศัยของหิ่งห้อย</strong><br /> หิ่งห้อยมีแหล่งอาศัยแตกต่างกัน บางชนิดอาศัยอยู่บริเวณแหล่งน้ำจืด แต่บางชนิดอาศัยอยู่บริเวณน้ำกร่อย หรือป่าชายเลน และมีอีกหลายชนิดอาศัยอยู่บริเวณสวนป่าที่มีสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ซึ่งไม่เคยถูกทำลายมาก่อน</p>\n<p><strong>วงจรชีวิตของหิ่งห้อย</strong><br /> หิ่งห้อยมีการเจริญเติบโตแบบสมบูรณ์ (Complete metamorphosis) คือมีระยะไข่ , ระยะหนอน , ระยะดักแด้ , ตัวเต็มวัย โดยเพศเมียจะวางไข่เป็นกลุ่มใต้ใบพืชน้ำ เช่น ใบจอกหรือวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ ตามพื้นดินที่ชุ่มชื้น แล้วแต่ชนิดของหิ่งห้อย ไข่เมื่อฟักออกเป็นตัวหนอนมีการลอกคราบ 4-5 ครั้ง จึ่งเข้าดักแด้ แล้วออกเป็นตัวเต็มวัย</p>\n<p><strong>ประโยชน์ของหิ่งห้อย</strong><br /> 1. การกะพริบแสงระยิบระยับของหิ่งห้อยจำนวนมาก ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเกิดความสวยงามตามธรรมชาติในยามค่ำคืน สามารถจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ เช่น การลงเรือชมหิ่งห้อยที่ จังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี และ ตราด<br /> 2. หิ่งห้อยเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และสภาพแวดล้อม<br /> 3. ระยะหนอนของหิ่งห้อย เป็นตัวทำลายหอย ซึ่งเป็นสัตว์อาศัยตัวกลางของพยาธิที่เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และพยาธิใบไม้ในสำไส้คน<br /> 4. นักวิทยาศาสตร์ กำลังสนใจศึกษาค้นคว้า สารลูซิเฟอริน ในหิ่งห้อยซึ่งเชื่อว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์และ ด้านพันธุวิศวกรรม</p>\n<p align=\"center\"><img src=\"/files/u9/tgv21.jpg\" alt=\"\" width=\"195\" height=\"224\" border=\"0\" /></p>\n<p><strong>ข้อแนะนำสำหรับการชมหิ่งห้อย</strong><br /> • ช่วงเวลาหรือฤดูกาลที่เหมาะสม โดยปกติแล้วหิ่งห้อยจะมีตลอดทั้งปี แต่จะมากในฤดูร้อน และฤดูฝน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – ตุลาคม<br /> • เลือกช่วงเวลาที่เป็นข้างแรม เนื่องจากแสงของหิ่งห้อยมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นเวลาข้างขึ้น ท้องฟ้าจะสว่าง ทำให้เห็นแสงของหิ่งห้อยไม่ชัดเจน จึงควรเลือกวันที่ท้องฟ้ามืดมิด<br /> • เลือกช่วงเวลาที่น้ำมาก จังหวัดสมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ทะเล น้ำจะขึ้น-ลง อยู่ตลอดเวลา ควรจะเลือกวันที่น้ำมาก เพราะเรือสามารถเข้าไปใกล้กับต้นลำพูซึ่งหิ่งห้อยเกาะอยู่ ทำให้สามารถเห็นแสงของหิ่งห้อยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น<br /> • เลือกผู้ให้บริการ การล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืน เรือจะวิ่งไปตามแม่น้ำและลำคลองที่มืด หิ่งห้อยจะมีอยู่เป็นจุดๆ ในบริเวณที่แตกต่างกัน ถ้าหากผู้ให้บริการไม่มีความชำนาญในเส้นทางและรู้แหล่งที่อยู่ หรือให้บริการในเส้นทางที่สั้นเกินไป ย่อมทำให้นักท่องเที่ยวเห็นหิ่งห้อยได้น้อย ซึ่งควรตรวจสอบระยะทางการล่องเรือชมหิ่งห้อยกับผู้ให้บริการเสียก่อน</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p align=\"center\">\n<script type=\"text/javascript\">// <![CDATA[\ngoogle_ad_client = \"pub-4345580538062578\";\n/* 468x60, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 10/1/08 */\ngoogle_ad_slot = \"2401687297\";\ngoogle_ad_width = 468;\ngoogle_ad_height = 60;\n// ]]></![cdata[></script><script type=\"text/javascript\" src=\"http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js\">// <![CDATA[\n\n// ]]></![cdata[></script></p>\n<hr id=\"null\" />\n<p>&nbsp;</p>\n<p><!--pagebreak--><!--pagebreak--></p>\n<p align=\"center\"><strong>“อัมพวาโมเดล” ต้นแบบวิทย์-เทคโนฯ สู่วิถีชุมชน</strong>&nbsp;</p>\n<p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ความเจริญที่หลั่งไหลเข้ามาสู่ชุมชนอัมพวาอย่างรวดเร็ว ในภาพรวมได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่นที่มีประชากรกว่า 5,000 คนบนพื้นที่ 2.4 ตารางกิโลเมตรได้เป็นอย่างดี แต่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างรวดเร็วของชุมชนแห่งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในชุมชนได้ ดังนั้นการพัฒนาชุมชนและความเป็นอยู่ของคนในชุมชนที่เน้นซึ่งการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เกิดขึ้นในชุมชนทั้งด้านสังคมและเทคโนโลยี เพื่อให้คนอัมพวามีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นจึงเกิดขึ้น โดยปี 2552 นี้ ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มีนโยบายให้การสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กและวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและสอดรับกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการนำเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด &nbsp;</p>\n<p><br /> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ศ.ดร.ชัชนาถ เทพธรานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) กล่าวว่า โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) มีบทบาทหน้าที่โดยตรงในการเสริมสร้างและสนับสนุนผู้ประกอบการ เช่น พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอาหารและขนมไทยให้มีขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีการผลิตเพิ่มขึ้น จึงได้จัด “โครงการการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพด้านการผลิตอาหารของผู้ประกอบการในชุมชนตลาดน้ำอัมพวา จ.สมุทรสงคราม” ขึ้นเพื่อให้การสนับสนุนและช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ประกอบการตลาดน้ำอัมพวา&nbsp;</p>\n<p><br /> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; โดยมีเป้าหมายหลัก เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการอาหารและขนมไทยในชุมชนตลาดน้ำอัมพวาให้มีขีดความสามารถในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย เข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมอันจะเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนและยกระดับผู้ประกอบการอาหารและขนมไทยให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการผลิตอาหาร เช่น GHP (Good Hygiene Practice) หรือ GMP (Good Manufacturing Practice) เพื่อความยั่งยืนของชุมชนและผู้ประกอบการ อีกทั้งเป็นต้นแบบในการพัฒนาชุมชนผู้ประกอบการในแหล่งอื่นๆ ของประเทศไทย&nbsp;</p>\n<p><br /> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ตัวอย่างต้นแบบการนำร่องโครงการของ TMC ในครั้งนี้ ได้แก่ ร้านกาแฟโบราณ “สมานการค้า” ซึ่งกระบวนการผลิตกาแฟโบราณสมานการค้าที่ผ่านมายังเป็นการใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมที่ได้รับตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น จึงมีแนวคิดต่อยอดผลิตภัณฑ์และต้องการขยายตลาดใหม่ๆ โดยมองปัญหาด้านคุณภาพ อาทิ กลิ่นหอมของกาแฟ และการเก็บรักษาที่ยังไม่ได้มาตรฐาน และสนใจที่จะพัฒนากระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น&nbsp;</p>\n<p><br /> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; โดยเบื้องต้นโครงการ iTAP ได้เชิญ ผศ.ดร.บัณฑิต อินณวงศ์ จากภาควิชาเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยศิลปากร&nbsp; วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์&nbsp; จ.นครปฐม เข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านการจัดวางระบบการผลิตกาแฟโบราณให้ถูกต้องตามหลักของ GMP เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาด การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยขึ้น การพัฒนากลิ่นกาแฟให้มีความหอมยาวนานขึ้น การพัฒนาคุณภาพและอายุการเก็บรักษาเครื่องดื่มกาแฟพร้อมดื่ม</p>\n<p><br /> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; เครื่องดื่มน้ำดอกไม้ ตรา “แม่สำเนียง” เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากน้ำดอกไม้นั้น มีอายุการเก็บรักษาในตู้เย็นได้เพียง 7 วัน ทำให้มีข้อจำกัดในการขยายตลาดของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ โครงการ iTAP จึงให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นโดยพาผู้ประกอบการเข้ารับคำปรึกษาจากอาจารย์พิสมัย ศรีชาเยช ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเครื่องดื่มจากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาให้นานกว่า 7 วัน และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำดอกไม้ให้มีรสหวานน้อยลง</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p align=\"center\"><img src=\"/files/u20/tmc-dala.jpg\" alt=\"\" width=\"250\" height=\"333\" border=\"0\" /></p>\n<p><br /> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ข้าวแต๋น “ลุงแว่น” ผลิตภัณฑ์ลือชื่ออีกแบรนด์หนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแห่งอัมพวา โดยโครงการ iTAP เข้ามาเติมเต็มทักษะกระบวนการผลิตข้าวแต๋นเบื้องต้นโดยเชิญ ผศ.ดร.บัณฑิต&nbsp; อินณวงศ์ จากภาควิชาเทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์&nbsp; จ.นครปฐม เข้าไปเป็นผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านเทคนิคการคัดเลือกพันธุ์ข้าวเหนียว เทคนิคการทอดไม่ให้มีกลิ่นหืนของน้ำมัน และไม่โค้งงอ ทั้งนี้ผู้ประกอบการยังมีความต้องการพัฒนาเทคโนโลยีการอบแห้งแผ่นข้าวแต๋นแผ่นดิบ แบบประหยัดพลังงาน มีอายุการเก็บรักษาที่นานขึ้น รวมทั้งพัฒนาต่อยอดให้ข้าวแต๋นลุงแว่นมีคุณภาพดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p align=\"center\">&nbsp;<img src=\"/files/u20/tmc-kaotan.jpg\" alt=\"\" width=\"250\" height=\"333\" border=\"0\" /></p>\n<p><br /> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; นอกจากนี้ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย หรือ ซอฟต์แวร์พาร์ค (SWP) ภายใต้ศูนย์บริหาร จัดการเทคโนโลยี (TMC) ยังเป็นอีกหน่วยงานที่เข้าให้การสนับสนุนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้ชุมชนและผู้ประกอบการเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากไอทีได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มสปา และที่พัก&nbsp;&nbsp; โฮมสเตย์ โดยมีแนวทางในการสนับสนุน อาทิ การจัดฝึกอบรมด้านอี-คอมเมิร์ส การพัฒนาเว็บไซต์ “อัมพวา ดอทคอม”&nbsp; ทั้งนี้ คาดหวังให้ “อัมพวา โมเดล” เป็นต้นแบบของการใช้เทคโนโลยีกับวิถีชุนชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับชุมชนอื่นๆ ได้ศึกษา และนำไปพัฒนาท้องถิ่นของตัวเองได้ในอนาคต&nbsp;</p>\n<p><br /> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ด้านร้อยโทพัชโรดม อุนสุวรรณ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอัมพวา กล่าวว่า ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมองว่าความถนัดของคนในท้องถิ่นยังขาดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดังนั้นหากศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) ซึ่งมีความถนัดในการบริหารจัดการนำองค์ความรู้เข้ามาช่วยชุมชนย่อมจะทำให้อัมพวากลายเป็นชุมชนโมเดลตัวอย่างซึ่งมีหลาย ๆ โครงการสำหรับการนำร่องในครั้งนี้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนด้วยการนำองค์ความรู้มาสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน</p>\n<p><br /> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; “ผู้ประกอบการที่พัก โรงแรม รีสอร์ต ของอัมพวามีกว่า 200 รายซึ่ง 90% ล้วนเป็นคนในพื้นที่ มีอาชีพเดิมทางการเกษตรและมีรายได้เสริมจากการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตไม่ใช่ทั้งหมด ดังนั้นชาวบ้านซึ่งผันตัวเองมาเป็นผู้ประกอบการจึงไม่ได้จบการโรงแรมหรือมีความรู้ด้านการท่องเที่ยวเป็นหลัก การนำเทคโนโลยีและองค์ความรู้ต่างๆเข้ามาช่วยเสริม จึงมีส่วนสำคัญทำให้ชาวบ้านมีความรู้สามารถอยู่บนสิ่งที่เขามี และรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมได้ต่อไป”<br /> --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------<br /> ข้อมูลจาก งานประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC)&nbsp; <br /> &nbsp;</p>\n<p align=\"center\">\n<script type=\"text/javascript\">// <![CDATA[\ngoogle_ad_client = \"pub-4345580538062578\";\n/* 468x60, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 5/9/09 */\ngoogle_ad_slot = \"9117218783\";\ngoogle_ad_width = 468;\ngoogle_ad_height = 60;\n// ]]></![cdata[></script><script type=\"text/javascript\" src=\"http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js\">// <![CDATA[\n\n// ]]></![cdata[></script></p>\n', created = 1711664946, expire = 1711751346, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:32f935d1f28d2e005c3a47f396a8357b' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • strict warning: Only variables should be passed by reference in /home/tgv/htdocs/modules/book/book.module on line 559.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:ceb6d5bf98d9e9222413d49df248c9b2' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\"><strong>หิ่งห้อย (Firefly , Lightening bug)</strong></p>\n<p align=\"center\"><img src=\"/files/u9/tgv20.jpg\" alt=\"\" width=\"191\" height=\"228\" border=\"0\" /></p>\n<p><strong>ลักษณะทั่วไปของหิ่งห้อย</strong><br /> หิ่งห้อย (Firefly , Lightening bug) แมลงแสง แมลงคาเรือง หรือ แมลงทิ้งถ่วง ทั่วโลกมีหิ่งห้อยประมาณ 2,000 ชนิด หิ่งห้อยตัวเต็มวัยเพศผู้มีปีก ส่วนเพศเมียมีทั้งปีกและไม่มีปีก บางชนิดมีปีกสั้นมาก (Brachypterous) ชนิดที่ไม่มีปีก มีรูปร่างลักษณะคล้ายตัวหนอน หนอนของหิ่งห้อยเป็นตัวห้ำกินหอยฝาเดียว ไส้เดือน กิ้งกือ และแมลงตัวเล็กๆเป็นอาหาร หิ่งห้อยมีลักษณะเด่น คือสามารถทำแสงได้ทั้งระยะหนอน ดักแด้ ตัวเต็มวัย ส่วนระยะไข่ทำแสงได้เฉพาะบางชนิดเท่านั้น</p>\n<p><strong>การทำแสงของหิ่งห้อย</strong><br /> หิ่งห้อยมีอวัยวะทำแสงอยู่บริเวณส่วนท้องด้านล่าง เพศผู้มีอวัยวะทำแสง 2 ปล้อง เพศเมียมี 1 ปล้อง แต่บางชนิดตัวเต็มวัยเพศเมียมีรูปร่างลักษณะคล้ายหนอนมีอวัยวะทำแสงด้านข้างของลำตัวเกือบทุกปล้อง แสงของหิ่งห้อย เกิดจากปฏิกิริยาของสาร Leciferin เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและมีสาร Adenosine Triphosphate (ATP) เป็นตัวให้พลังงาน ทำให้เกิดแสง หิ่งห้อยทำแสงเพื่อการผสมพันธุ์และสื่อสารซึ่งกันและกัน ความถี่การกะพริบแสงของหิ่งห้อยแตกต่างกันตามชนิดของหิ่งห้อย<br /> <br /> <strong>แหล่งอาศัยของหิ่งห้อย</strong><br /> หิ่งห้อยมีแหล่งอาศัยแตกต่างกัน บางชนิดอาศัยอยู่บริเวณแหล่งน้ำจืด แต่บางชนิดอาศัยอยู่บริเวณน้ำกร่อย หรือป่าชายเลน และมีอีกหลายชนิดอาศัยอยู่บริเวณสวนป่าที่มีสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ซึ่งไม่เคยถูกทำลายมาก่อน</p>\n<p><strong>วงจรชีวิตของหิ่งห้อย</strong><br /> หิ่งห้อยมีการเจริญเติบโตแบบสมบูรณ์ (Complete metamorphosis) คือมีระยะไข่ , ระยะหนอน , ระยะดักแด้ , ตัวเต็มวัย โดยเพศเมียจะวางไข่เป็นกลุ่มใต้ใบพืชน้ำ เช่น ใบจอกหรือวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ ตามพื้นดินที่ชุ่มชื้น แล้วแต่ชนิดของหิ่งห้อย ไข่เมื่อฟักออกเป็นตัวหนอนมีการลอกคราบ 4-5 ครั้ง จึ่งเข้าดักแด้ แล้วออกเป็นตัวเต็มวัย</p>\n<p><strong>ประโยชน์ของหิ่งห้อย</strong><br /> 1. การกะพริบแสงระยิบระยับของหิ่งห้อยจำนวนมาก ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเกิดความสวยงามตามธรรมชาติในยามค่ำคืน สามารถจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ เช่น การลงเรือชมหิ่งห้อยที่ จังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี และ ตราด<br /> 2. หิ่งห้อยเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และสภาพแวดล้อม<br /> 3. ระยะหนอนของหิ่งห้อย เป็นตัวทำลายหอย ซึ่งเป็นสัตว์อาศัยตัวกลางของพยาธิที่เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และพยาธิใบไม้ในสำไส้คน<br /> 4. นักวิทยาศาสตร์ กำลังสนใจศึกษาค้นคว้า สารลูซิเฟอริน ในหิ่งห้อยซึ่งเชื่อว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์และ ด้านพันธุวิศวกรรม</p>\n<p align=\"center\"><img src=\"/files/u9/tgv21.jpg\" alt=\"\" width=\"195\" height=\"224\" border=\"0\" /></p>\n<p><strong>ข้อแนะนำสำหรับการชมหิ่งห้อย</strong><br /> • ช่วงเวลาหรือฤดูกาลที่เหมาะสม โดยปกติแล้วหิ่งห้อยจะมีตลอดทั้งปี แต่จะมากในฤดูร้อน และฤดูฝน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – ตุลาคม<br /> • เลือกช่วงเวลาที่เป็นข้างแรม เนื่องจากแสงของหิ่งห้อยมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นเวลาข้างขึ้น ท้องฟ้าจะสว่าง ทำให้เห็นแสงของหิ่งห้อยไม่ชัดเจน จึงควรเลือกวันที่ท้องฟ้ามืดมิด<br /> • เลือกช่วงเวลาที่น้ำมาก จังหวัดสมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ทะเล น้ำจะขึ้น-ลง อยู่ตลอดเวลา ควรจะเลือกวันที่น้ำมาก เพราะเรือสามารถเข้าไปใกล้กับต้นลำพูซึ่งหิ่งห้อยเกาะอยู่ ทำให้สามารถเห็นแสงของหิ่งห้อยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น<br /> • เลือกผู้ให้บริการ การล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืน เรือจะวิ่งไปตามแม่น้ำและลำคลองที่มืด หิ่งห้อยจะมีอยู่เป็นจุดๆ ในบริเวณที่แตกต่างกัน ถ้าหากผู้ให้บริการไม่มีความชำนาญในเส้นทางและรู้แหล่งที่อยู่ หรือให้บริการในเส้นทางที่สั้นเกินไป ย่อมทำให้นักท่องเที่ยวเห็นหิ่งห้อยได้น้อย ซึ่งควรตรวจสอบระยะทางการล่องเรือชมหิ่งห้อยกับผู้ให้บริการเสียก่อน</p>\n<p>&nbsp;</p>\n<p align=\"center\">\n<script type=\"text/javascript\">// <![CDATA[\ngoogle_ad_client = \"pub-4345580538062578\";\n/* 468x60, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 10/1/08 */\ngoogle_ad_slot = \"2401687297\";\ngoogle_ad_width = 468;\ngoogle_ad_height = 60;\n// ]]></![cdata[></script><script type=\"text/javascript\" src=\"http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js\">// <![CDATA[\n\n// ]]></![cdata[></script></p>\n<hr id=\"null\" />\n<p>&nbsp;</p>\n<p></p>', created = 1711664946, expire = 1711751346, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:ceb6d5bf98d9e9222413d49df248c9b2' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับอัมพวา สมุทรสงคราม

รูปภาพของ ssspoonsak

หิ่งห้อย (Firefly , Lightening bug)

ลักษณะทั่วไปของหิ่งห้อย
หิ่งห้อย (Firefly , Lightening bug) แมลงแสง แมลงคาเรือง หรือ แมลงทิ้งถ่วง ทั่วโลกมีหิ่งห้อยประมาณ 2,000 ชนิด หิ่งห้อยตัวเต็มวัยเพศผู้มีปีก ส่วนเพศเมียมีทั้งปีกและไม่มีปีก บางชนิดมีปีกสั้นมาก (Brachypterous) ชนิดที่ไม่มีปีก มีรูปร่างลักษณะคล้ายตัวหนอน หนอนของหิ่งห้อยเป็นตัวห้ำกินหอยฝาเดียว ไส้เดือน กิ้งกือ และแมลงตัวเล็กๆเป็นอาหาร หิ่งห้อยมีลักษณะเด่น คือสามารถทำแสงได้ทั้งระยะหนอน ดักแด้ ตัวเต็มวัย ส่วนระยะไข่ทำแสงได้เฉพาะบางชนิดเท่านั้น

การทำแสงของหิ่งห้อย
หิ่งห้อยมีอวัยวะทำแสงอยู่บริเวณส่วนท้องด้านล่าง เพศผู้มีอวัยวะทำแสง 2 ปล้อง เพศเมียมี 1 ปล้อง แต่บางชนิดตัวเต็มวัยเพศเมียมีรูปร่างลักษณะคล้ายหนอนมีอวัยวะทำแสงด้านข้างของลำตัวเกือบทุกปล้อง แสงของหิ่งห้อย เกิดจากปฏิกิริยาของสาร Leciferin เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาและมีสาร Adenosine Triphosphate (ATP) เป็นตัวให้พลังงาน ทำให้เกิดแสง หิ่งห้อยทำแสงเพื่อการผสมพันธุ์และสื่อสารซึ่งกันและกัน ความถี่การกะพริบแสงของหิ่งห้อยแตกต่างกันตามชนิดของหิ่งห้อย

แหล่งอาศัยของหิ่งห้อย
หิ่งห้อยมีแหล่งอาศัยแตกต่างกัน บางชนิดอาศัยอยู่บริเวณแหล่งน้ำจืด แต่บางชนิดอาศัยอยู่บริเวณน้ำกร่อย หรือป่าชายเลน และมีอีกหลายชนิดอาศัยอยู่บริเวณสวนป่าที่มีสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ซึ่งไม่เคยถูกทำลายมาก่อน

วงจรชีวิตของหิ่งห้อย
หิ่งห้อยมีการเจริญเติบโตแบบสมบูรณ์ (Complete metamorphosis) คือมีระยะไข่ , ระยะหนอน , ระยะดักแด้ , ตัวเต็มวัย โดยเพศเมียจะวางไข่เป็นกลุ่มใต้ใบพืชน้ำ เช่น ใบจอกหรือวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆ ตามพื้นดินที่ชุ่มชื้น แล้วแต่ชนิดของหิ่งห้อย ไข่เมื่อฟักออกเป็นตัวหนอนมีการลอกคราบ 4-5 ครั้ง จึ่งเข้าดักแด้ แล้วออกเป็นตัวเต็มวัย

ประโยชน์ของหิ่งห้อย
1. การกะพริบแสงระยิบระยับของหิ่งห้อยจำนวนมาก ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเกิดความสวยงามตามธรรมชาติในยามค่ำคืน สามารถจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ เช่น การลงเรือชมหิ่งห้อยที่ จังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี และ ตราด
2. หิ่งห้อยเป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และสภาพแวดล้อม
3. ระยะหนอนของหิ่งห้อย เป็นตัวทำลายหอย ซึ่งเป็นสัตว์อาศัยตัวกลางของพยาธิที่เป็นสาเหตุของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และพยาธิใบไม้ในสำไส้คน
4. นักวิทยาศาสตร์ กำลังสนใจศึกษาค้นคว้า สารลูซิเฟอริน ในหิ่งห้อยซึ่งเชื่อว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์และ ด้านพันธุวิศวกรรม

ข้อแนะนำสำหรับการชมหิ่งห้อย
• ช่วงเวลาหรือฤดูกาลที่เหมาะสม โดยปกติแล้วหิ่งห้อยจะมีตลอดทั้งปี แต่จะมากในฤดูร้อน และฤดูฝน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – ตุลาคม
• เลือกช่วงเวลาที่เป็นข้างแรม เนื่องจากแสงของหิ่งห้อยมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นเวลาข้างขึ้น ท้องฟ้าจะสว่าง ทำให้เห็นแสงของหิ่งห้อยไม่ชัดเจน จึงควรเลือกวันที่ท้องฟ้ามืดมิด
• เลือกช่วงเวลาที่น้ำมาก จังหวัดสมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ทะเล น้ำจะขึ้น-ลง อยู่ตลอดเวลา ควรจะเลือกวันที่น้ำมาก เพราะเรือสามารถเข้าไปใกล้กับต้นลำพูซึ่งหิ่งห้อยเกาะอยู่ ทำให้สามารถเห็นแสงของหิ่งห้อยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
• เลือกผู้ให้บริการ การล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืน เรือจะวิ่งไปตามแม่น้ำและลำคลองที่มืด หิ่งห้อยจะมีอยู่เป็นจุดๆ ในบริเวณที่แตกต่างกัน ถ้าหากผู้ให้บริการไม่มีความชำนาญในเส้นทางและรู้แหล่งที่อยู่ หรือให้บริการในเส้นทางที่สั้นเกินไป ย่อมทำให้นักท่องเที่ยวเห็นหิ่งห้อยได้น้อย ซึ่งควรตรวจสอบระยะทางการล่องเรือชมหิ่งห้อยกับผู้ให้บริการเสียก่อน

 


 

สร้างโดย: 
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 187 คน กำลังออนไลน์