อวัยวะที่เกียวข้องในช่วง 09.00-17.00 น.
อวัยวะที่เกียวข้องในช่วง 09.00-17.00 น.
09.00-11.00 น. เป็นช่วงเวลาของม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย มีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือดสร้างน้ำเหลือง
ควบคุมไขมันคนที่ปวดศีรษะบ่อยมักมาจากความผิดปกติของม้าม อาการเจ็บชายโครงสาเหตุมาจากม้ามกับตับ
- ม้ามโต ม้ามจะไปเบียดปอด ทำให้เ้หนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
- ม้ามชื้น อาหารและนํ้าที่กินเข้า้ไปจะแปรสภาพเป็นไขมัน จึงทำให้อ้วนง่าย
ผู้ที่นอนหลับในช่วงเวลา 09.00-11.00 น. ม้ามจะอ่อนแอ นอกจากนี้ม้ามยังโยงถึงริมฝีปาก ผู้ที่พูดบ่อย ๆ
หรือพูดเก่ง ๆ ม้ามจะชื้น จึงควรพูดน้อยกินน้อย ม้ามจึงแข็งแรง
ขอขอบคุณที่มาของภาพจาก : http://www.nkgen.com/spleen.jpg
11.00-13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ หัวใจทำงานหนักในช่วงเวลานี้ จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด เหตุที่ทำให้
ต้องใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้
ขอขอบคุณที่มาของภาพจาก : http://www.thaiheartclinic.com/picture/heartanatomy/chamber.jpg
13.00-15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก จึงควรงดการกินอาหารทุกประเภทเพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน ลำไส้เ้ล็ก
มีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เีป็นนํ้าทุกชนิด เช่น วิตามนิ ซี บี โปรตีนเพื่อสร้างกรดอะมิโนสร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วน
ที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโนน้อย ไข่จะมาไม่ครบทุกเดือน ผู้หญิงมีลำไส้ยาวกว่าผู้ชาย 11 ฟุต เพื่อให้
การดูดซึมได้นานกว่า เนื่องจากต้องใช้กรดอะมิโนมากกว่าผู้ชาย เมื่อมีลำไส้ยาวกว่าจึงมีกระดูกซี่โครงมากกว่าผู้ชายข้างละ 1 ซี่
ขอขอบคุณที่มาของภาพจาก :
http://3.bp.blogspot.com/_feeQHB2V530/SlmVA_V4aPI/AAAAAAAAADE/hOfLyvCodaE/s320/big%2520lumsai.jpg
15.00-17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ แนวพลังของกระเพาะปัสสาวะเริ่มจากหัวเตา -> ผ่านหน้าผาก ->
ศีรษะ -> ท้ายทอย -> แผ่นหลังทั้งแผ่น -> สะโพก -> ด้านหลังขา -> หัวเข่า -> น่อง -> ส้นเท้า -> นิ้วก้อย
กระเพาะปัสสาวะจะเกี่ยวข้องกับระบบความจำไทรอยด์และระบบเพศทั้งหมด ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออก อาจจะ
ออกกำลังกายหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง
ข้อควรระวัง ถ้าเหงื่อมีโซเดียมปนออมามากไตจะวาย แต่ถ้ามีโพแทสเซียมปนออกมามาก หัวใจจะวายแก้ไข
เรื่องหัวใจวายด้วยการให้ดื่มน้ำส้มหรือน้ำมะนาวเพื่อเติมโพแทสเซียม (ผู้ที่มีโพแทสเซียมน้อยต้องระวังเรื่องการฉีดยาชา
เพราะยาชา จะทำให้โพแทสเซียมลดลงอย่างรวดเร็ว หัวใจอาจวายได้ง่าย) การอั่นปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะจะถูกดูดซึมเข้า้
สู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อที่ออกมามีกลิ่นเหม็นเหมือนปัสสาวะ
ขอขอบคุณที่มาของภาพจาก : http://www.pooyingnaka.com/images/picture/cervix.jpg