• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:7b21aa20bfd05c44d9884838c058b34e' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><style type=\"text/css\">\nbody {background-image: url(<a href=\"http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/cute-background-007.gif\" title=\"http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/cute-background-007.gif\">http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/cute-background-007.gif</a>); background-repeat: repeat;} </style><p><a target=\"_blank\" href=\"http://background.myem0.com/cute-cartoon-background-1/\"></a>  </p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://widget.sanook.com/static_content/full/graphic/31de08c1aa97e3a69773c984563d147b_1207736532\" border=\"0\" /><img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://widget.sanook.com/static_content/full/graphic/31de08c1aa97e3a69773c984563d147b_1207736532\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"217\" width=\"346\" src=\"http://widget.sanook.com/static_content/full/graphic/31de08c1aa97e3a69773c984563d147b_1207736532.gif\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"background-color: #ffff99; color: #ff9900; font-size: x-large\"><span style=\"background-color: #ffff99; color: #ffcc00; font-size: x-large\"><strong>ภาษาอังกฤษวันล่ะนิด^^</strong></span></span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n </p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak-->\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><span style=\"color: #ff9900\"><strong><u><span style=\"color: #ff9900\"><img height=\"1\" width=\"1\" src=\"/\" border=\"0\" /><img height=\"50\" width=\"50\" src=\"/files/u4894/pur-010.gif\" border=\"0\" /><span style=\"color: #ffcc00\"><span style=\"color: #ffcc00\">คำศัพท์คำว่าการเดินทาง</span></span></span></u></strong></span></span>\n</p>\n<p align=\"right\">\n<img height=\"1\" width=\"1\" src=\"/\" alt=\"http://www.whenifallinlove.net/diary/images_icon/mojo_skydizzy/b_bel.gif\" border=\"0\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><strong><u><span style=\"color: #ff9900\"></span></u></strong><img height=\"346\" width=\"600\" src=\"http://www.railway.co.th/tour/tantawan/Images/traintawan-1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 369px; height: 204px\" /></span> <img height=\"466\" width=\"442\" src=\"/files/u4894/about-us-uk-retail.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 241px; height: 205px\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><br />\n        <img height=\"100\" width=\"100\" src=\"/files/u4894/siamhadotcom8.gif\" border=\"0\" />คุณเดินทางกันแบบไหนแล้วบ้าง ... และจริงรึเปล่าที่เขาว่ากันว่า “Life is a journey.” <br />\n การเดินทางจริง ๆ แล้วแบ่งออกได้หลายประเภทได้แก่ “การเดินทางท่องเที่ยว(เพื่อความเพลิดเพลิน)” (sightseeing / pleasure trip) “การท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ” (day trip) <br />\n“การท่องเที่ยวรอบโลก” (trip around the world) “การเดินทางเกี่ยวกับธุรกิจ (business trip) ก็ถือว่าเป็นการเดินทางท่องเที่ยวเช่นกัน โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยว(เพื่อความบันเทิง) <br />\nเป็นการท่องเที่ยวที่จัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์ในเรื่องของ “ความสนุกสนานเพลิดเพลิน”(pleasure) หรือแม้กระทั่ง “วิธีการขนส่ง” (transportation) ที่ใช้ในการดำเนินการเคลื่อนย้าย ซึ่งในที่นี้จะยกตัวอย่างคำศัพท์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดยทั่วไป รวมถึงคำศัพท์เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศเป็นพิเศษด้วย</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        ถ้าจะกล่าวถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ตรงกับคำว่า “การเดินทางท่องเที่ยว” แล้วจะนึกถึงคำว่า trip, travel, tour, journey ในบรรดาคำที่กล่าวมานั้น คำที่ใช้กันทั่วไปมากที่สุดเห็นจะเป็นคำว่า trip ในพจนานุกรมมีการอธิบายไว้ว่า trip หมายถึง การเดินทางในระยะเวลาและระยะทางสั้นๆ  แต่ในระยะหลัง ๆ นี้ได้มีการใช้ในความหมายที่กว้างออกไปอีก เช่น ในประโยค He made three trips to the supermarket today. (วันนี้เขาไปประชุมซุปเปอร์มาร์เก็ตสามครั้งแล้ว)</span>\n</p>\n<p>\n<br />\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        Tour คล้ายคลึงกับ “ทัวร์” ในภาษาไทยซึ่งเป็นเรื่องของการเดินทางโดยมีจุดประสงค์ในเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นสำคัญเมื่อพูดถึง tour นั้นจะหมายถึง การเดินทางเป็นกลุ่ม ส่วนในภาษาอังกฤษนั้นจะใช้ เจาะจงลงไปว่า group tour เลย คำว่า journey โดยทั่วไปแล้วจะใช้ในความหมายที่ว่าเป็นการเดินทางซึ่งสถานที่ที่จะไปได้กำหนดแล้วแต่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่วน travel เป็นคำที่เน้นถึง “การเคลื่อนที่ นอกจากนี้การเดินทางที่เป็นกิจกรรมสันทนาการเป็นกลุ่ม เหมือนกับการทัศนศึกษาจะใช้คำว่า excursion ส่วนการเดินทางที่ใช้เรือ หรือเครื่องบินจะใช้คำว่า voyage “นักท่องเที่ยว” จะใช้คำว่า traveler หรือคำว่า tourist ก็ได้ คำว่า tourist มักจะใช้กันทั่วไปมากกว่า ส่วนคำว่า traveler นั้นเป็นคำที่แข็งไปนิดหนึ่ง นอกจากนี้ที่สนามบินและสถานีรถไฟมักจะได้ยินคำว่า passenger (ผู้โดยสาร)อยู่บ่อย ๆ โดยหมายถึงผู้เดินทางโดยใช้พาหนะนั้น ๆ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        เรื่องที่สนุกสนานที่สุดในการเดินทางคือการดู “ตารางเวลา” (timetable) พร้อมกับกำหนด “แผนการเดินทาง” (itinerary) “จัดสัมภาระ” (packing) และทำ “การจอง” (reservation / booking) สิ่งที่จำเป็นที่สุดในกรณีที่เดินทางไปต่างประเทศคือ “หนังสือเดินทาง” (passport) และ “ตั๋วเครื่องบิน” (airline ticker) ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในมือเมื่อไปที่ “สนามบิน” (airport) <br />\nที่อากาศบ้านเราดูจะเพี้ยนๆ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว แถมบางทีแดดเปรี้ยงๆ อยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาโครมใหญ่ น้ำท่วม ดินถล่ม สภาพแวดล้อมแปรปรวนแบบนี้ เค้าว่ากันว่าเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"></span>\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><u><strong><span style=\"color: #ff9900\"><span style=\"color: #ff9900\"><span style=\"color: #ffcc00\"><span style=\"color: #ffcc00\">คำศัพท์ที่เกี่ยวกับอากาศ</span></span><img height=\"50\" width=\"50\" src=\"/files/u4894/pur-010.gif\" border=\"0\" /></span></span></strong></u></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><img height=\"340\" width=\"393\" src=\"http://www.aesi1.com/images/air-pollution-systems.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 290px; height: 263px\" /><img height=\"338\" width=\"450\" src=\"http://www.webdesign-guru.co.uk/icon/wp-content/uploads/weather.png\" border=\"0\" style=\"width: 317px; height: 263px\" /></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><br />\n        ตอนนี้ไม่ใช่แค่คนไทยที่รู้สึกถึงผลกระทบนี้ แต่ทั่วโลกตื่นตัวกับเรื่องนี้กันมาก จะเห็นได้ว่าแม้แต่เวทีใหญ่ระดับโลกที่นานาชาติให้ความสำคัญอย่าง เวทีการมอบรางวัลโนเบลประจำปี 2550 (Nobel Prize 2007) ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเช่นกัน โดยรางวัลที่ทุกคนจับตาดูกันทุกปีอย่าง รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ(Nobel Peace Prize) ก็ตกเป็นของอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายอัล กอร์ ผู้รณรงค์เรื่องการป้องกันปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง ผลงานที่น้องๆ นักอ่านน่าจะคุ้นเคยกันดีก็คือ “The Inconvenient Truth” หนังสือที่กล่าวถึงปัญหาสภาพแวดล้อม (Environmental Problem) เอาไว้อย่างครบถ้วน และชัดเจน ดังนั้นเราจะมาดูคำศัพท์ต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะได้เอาไว้คุยกับชาวต่างชาติได้รู้เรื่อง ไม่ตกเทรนด์ไง</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        เริ่มกันจากภาวะที่โลกร้อนขึ้น(global warming) เป็นผลจากการที่โลกเกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก(greenhouse effect) คือการที่มีก๊าซพิษต่างๆ ไปทำลายชั้นบรรยากาศ(atmosphere) ชั้นโอโซน(ozone) ทำให้รังสีอินฟราเรด(infrared ray) และรังสีอัลตราไวโอเลต(ultraviolet ray)สามารถทะลุทะลวงลงมาบนโลกมากขึ้น แต่กลับไม่สามารถสะท้อนผ่านฝุ่น(dust) ควัน(smoke) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(carbon dioxide) ทำให้โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยภาวะเรือนกระจกนี้เกิดขึ้นมาจากการที่มนุษย์ก่อมลพิษทางอากาศ(air pollution) เช่น การเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง (fossil fuels) จากการขับขี่ในชีวิตประจำวันของเรา ก่อให้เกิดก๊าซเสียจากรถยนต์(car emission) เป็นจำนวนมาก หรือการกำจัดขยะ(waste disposal) ที่ไม่ถูกวิธี ทั้งขยะอุตสาหกรรม(industrial waste) และขยะในครัวเรือน(household waste) การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสาร CFCs (Chlorofluorocarbons) ที่เมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศจะไปทำลายโอโซน</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        นอกจากนี้แล้วเราทุกคนก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมลงอย่างมาก และมีผลต่อระบบนิเวศวิทยา(ecosystem) อย่างรุนแรง ก็คือการตัดไม้ทำลายป่า(deforestation) ซึ่งเป็นตัวการให้เกิดภาวะแห้งแล้ง(drought) น้ำท่วม (flood) หรือแม้แต่ดินถล่ม(landslide) ซึ่งหากเราปล่อยให้การทำลายป่าไม้มีมากขึ้นเรื่อยๆ เราอาจมีโอกาสเห็นเมืองไทยเกิดการกลายเป็นทะเลทราย(desertification) ก็ได้ ถึงตอนนั้นสัตว์ป่า หรือพืชพันธุ์ในท้องถิ่นของบ้านเราคงสูญพันธุ์(extinction) กันไปหมด</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        เห็นด้วยไหม ว่าภาวะโลกร้อนนี่มันน่ากลัว และกระทบกระเทือนทุกสรรพสิ่งบนโลกจริงๆ  แต่ก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าถ้าเราช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ตอนนี้ โดยการลดการใช้พลังงาน(energy conservation) สนับสนุนการนำสิ่งของเหลือใช้ต่างๆ กลับมาใช้ใหม่(recycle) เพื่อเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ(natural resource conservation) ภาวะโลกร้อนน่าจะลดลง และสถานการณ์ภัยพิบัติ(disaster) ต่างๆ ก็น่าจะคลี่คลายไป</span>\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><span style=\"color: #ff9900\"><u><strong><span style=\"color: #ff9900\"><img height=\"50\" width=\"50\" src=\"/files/u4894/pur-010.gif\" border=\"0\" /><span style=\"color: #ffcc00\"><span style=\"color: #ffcc00\">คำศัพท์ที่เกี่ยวกับ การงาน ธุรกิจต่างๆ</span></span></span></strong></u></span> </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><img height=\"475\" width=\"600\" src=\"http://courseware.rmutl.ac.th/courses/60/data2/pic903.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 315px; height: 256px\" /><img height=\"475\" width=\"350\" src=\"http://courseware.rmutl.ac.th/courses/60/data2/pic902.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 312px; height: 256px\" /></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        เริ่มจากคำศัพท์ง่ายๆ เห็นกันบ่อยๆ อย่างคำว่า business มีที่มาจากคำว่า busy + ness แปลตรงตัวว่าการมีธุระยุ่ง เพราะการมีธุระยุ่งนั้นเป็นธรรมชาติของโลกธุรกิจ คำว่า business นี้สามารถนำไปผสมกับคำอื่นๆ สร้างคำอื่นๆ ขึ้นมาได้อีกหลายคำ เช่น businessperson นักธุรกิจ (เราใช้คำนี้เพื่อเลี่ยงคำว่า businessman ที่สื่อไปถึงเพศชายเพียงอย่างเดียว) หรือ monkey business ไม่ได้แปลว่าธุรกิจค้าลิง หรือเกี่ยวข้องอะไรกับลิงหรอกนะคะ แต่แปลว่า เรื่องเหลวไหล หรือ อุบายเลวทราม </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        เมื่อกล่าวถึงธุรกิจต่างๆ แล้ว ส่วนที่สำคัญที่สุดในธุรกิจก็คือผู้บริหารของบริษัทนั่นเอง บ้านเราตั้งชื่อตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทกันหลากหลายแบบ แต่ละที่สรรหาชื่อตำแหน่งมาตั้งกันจนเมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วฝรั่งเองถึงกับงง เช่นถ้าคนไทยเรียกท่านรองประธานของบริษัท ว่า vice president แต่ภาพที่คนอังกฤษและอเมริกันนึกถึงนั้น vice president มีความหมายที่กว้างออกไปอีก เพราะจะหมายรวมถึง พนักงานในระดับผู้อำนวยการ หรือระดับหัวหน้าแผนกด้วยก็ได้ ดังนั้นถ้าจะเจาะจงว่าท่านผู้นี้คือรองประธานบริษัทแล้ว ควรใช้คำว่า executive vice president น่าจะเหมาะสมกว่า ส่วนตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดในบริษัทนั้นมีใช้กันหลายแบบ เช่น ถ้าเป็นแบบอเมริกันมักใช้คำว่า president หรือ CEO – Chief Executive Officer แต่ถ้าเป็นแบบอังกฤษ มักจะใช้คำว่า managing director (MD) ก็จะเทียบเท่ากับคำว่า ประธานบริษัท ของไทย <br />\n <br />\n        executive และ board ก็เป็นคำที่เรามักจะคุ้นหู เมื่อกล่าวถึงตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท หรือองค์กรต่างๆ ซึ่งคำว่า executive มักจะนำมาใช้ในตำแหน่งเทียบเท่า “ผู้บริหาร” ตำแหน่งตั้งแต่ “ประธานบริษัท” (executive managing director) ขึ้นไปจะใช้คำว่า executive ทั้งหมด ส่วนที่ใช้คำว่า board นั้น ได้แก่ “คณะกรรมการบริษัท” (board of directors) “การประชุมคณะกรรมการ” (board meeting) “ห้องคณะกรรมการ” (board room) เป็นต้น ส่วนการ ”เข้าเป็นเป็นคณะกรรมการบริหาร” ใช้ว่า become a board member</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        มาถึงตรงนี้ก็เริ่มเข้าสู่หัวใจของธุรกิจจริงๆ ดีกว่า จะอะไรเสียอีกนอกจากเรื่องเงินๆทองๆ ไงละ ในภาษาอังกฤษมีคำที่แปลว่าเงินค่าจ้างหลากหลายแบบไม่แพ้ในภาษาไทยเลย เริ่มจากคำที่เราจะพบได้บ่อยๆ คือคำว่า wage (ค่าจ้าง) เมื่อนำไปรวมกับคำอื่นๆ จะเกิดคำศัพท์อีกหลายคำ เช่น wage level หรือ wage standard (มาตรฐานค่าจ้าง), wage system (ระบบค่าจ้าง), hourly/monthly wage (ค่าจ้างรายวัน/รายเดือน) อีกคำที่ทุกคนรอคอยคือ wage raise (การขึ้นเงินเดือน) และ wage negotiation (การเจรจาค่าแรง) นอกจากนี้คำว่าค่าจ้างที่เราจะพบได้คืออีกสองคำคือ คำว่า pay และ salary คำที่น่าสนใจที่จะใช้กันบ่อยๆ คือ payday (วันเงินเดือนออก) หรือ basic pay (เงินเดือนขั้นพื้นฐาน) ส่วนอีกคำหนึ่งที่อาจทำให้น้องๆ สับสนก็คือคำว่า allowance ซี่งหมายถึง เงินเบี้ยเลี้ยง เป็นสวัสดิการแก่พนักงาน (welfare of the workers) เช่น overtime allowance เบี้ยเลี้ยงล่วงเวลา seniority allowance เบี้ยเลี้ยงตามอายุงาน ฯลฯ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        อีกสองคำส่งท้ายคือคำที่ง่าย เจอบ่อย แต่ก็มักใช้กันสับสนไปกันเสมอ คือคำว่า job และ work ซึ่ง job ใช้ในความหมายว่า งาน, ตำแหน่ง, หน้าที่ได้ เช่น get a job (หางานทำ), do the job right (ทำงานให้เรียบร้อย) ส่วนคำว่า work มีความหมายต่างกันเล็กน้อยตรงที่ work มักจะหมายถึง งานที่ได้รับการทำให้เสร็จสิ้น อย่างเช่นคำว่า ผลงาน แรงงาน หน้าที่การงาน และใช้ในรูปที่ว่า get (go) to work (ไปทำงาน), look for work (หางานทำ) หรือจะใช้ look for a job ก็ได้ ข้อระวังคือ work จะไม่มี article นำหน้า เพราะเป็นนามนับไม่ได้ ส่วน work ที่มี article นำหน้า เป็นนามนับได้ จะหมายถึง ผลงานศิลปะ หรืองานเขียนนั่นเอง </span>\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>\n<span style=\"color: #ffcc00\"><span style=\"background-color: #ffff99; color: #ff9900\"><u><strong><span style=\"color: #ff9900\"><span style=\"color: #ffcc00\">คำศัพท์เกี่ยวกับการออกกำลงกาย<img height=\"50\" width=\"50\" src=\"/files/u4894/pur-010.gif\" border=\"0\" /></span></span></strong></u></span> </span>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"372\" width=\"375\" src=\"http://www.aces.edu/dept/extcomm/specialty/graphics/exercise1.jpg\" border=\"0\" style=\"width: 420px; height: 372px\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        “การออกกำลังกาย” นั้นอาจจะนึกถึงคำว่า exercise แต่จริงๆแล้วยังมีศัพท์อีกหลายคำที่หมายถึงการบริหารร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น drill, train, practice และ workout ซึ่งศัพท์เหล่านี้มีความหมายอีกอย่างว่า การฝึกฝน หรือฝึกซ้อม ซึ่งก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าการเล่นกีฬานั้นเป็นการฝึกฝนร่างกายนั่นเอง เพื่อกระตุ้นการออกกำลังกาย</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        และเมื่อพูดถึงฟิตเนสความจริงแล้วคำว่า Fitness มีความหมายว่า “สมรรถภาพทางร่างกาย ความแข็งแรงของร่างกาย หรือแปลว่าความเหมาะสมก็ได้” ดังนั้นถ้าจะพูดว่า “ฉันจะไปเข้าฟิตเนสซะหน่อย” ก็ต้องพูดว่า “I’m going to fitness center” จึงจะถูกต้อง ว่าแล้วตอนนี้เรามาเตรียมชุดและอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเข้าฟิตเนสกันก่อนเลยค่ะ<br />\n <br />\n        “ชุดกีฬา” sportswear ก็มีหลากหลายรูปแบบ ตามรสนิยมของผู้สวมใส่ เช่น “เสื้อยืด“  tee shirt หรือ t-shirt หรือน้องๆ อาจจะเห็นหนุ่มๆ กล้ามโตใส่เสื้อกล้าม <br />\n(singlet, vest) เพื่อโชว์หุ่นล่ำๆ นอกจากนี้ บางคนอาจจะสวม “เสื้อแขนยาว” เพิ่มความอบอุ่น และเรียกเหงื่อ ในภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า sweatshirt ส่วนชุดกีฬาที่บ้านเราเรียกกันติดปากว่า “ชุดวอร์ม” <br />\nนั้น ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Tracksuit <br />\n <br />\n        คำศัพท์หนึ่งในบรรดาชุดกีฬาที่น่าสนใจมากก็คือ “รองเท้ากีฬา” ในภาษาอังกฤษมีคำศัพท์ที่ใช้เรียกได้อยู่หลายคำไม่ว่าเป็น sneakers (American English), trainers (British English), หรือ gym shoes ชุดพร้อมแล้ว ต่อไปเราก็เตรียมตัวเริ่มออกกำลังกายกันได้เลย ว่าแล้วเราไปทำความรู้จักกับสิ่งที่เราเจอบ่อยๆ ในฟิตเนสกันดีกว่า </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        เริ่มจาก อุปกรณ์ง่ายๆ ที่ใช้ในการสร้างกล้ามแขนล่ำๆ นั้นไม่ใช่หนังสือกับปากกา แต่เป็นเจ้า “ดัมเบล” dumbbell ต่างหาก เคยทราบไหม ว่าเราสามารถเรียก “คนที่โง่ งี่เง่า” ว่า dumbbell ได้ด้วย เช่น “ Hey! Look at that dumbbell’s lifting a dumbbell” แปลว่า “เฮ้ย! ดูไอ้โง่นั่นดิกำลังยกดัมเบลอยู่” (ไม่สุภาพ ) อุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งหน้าตาคล้ายกันแต่อันใหญ่กว่า นั่นก็คือ ”อุปกรณ์ยกน้ำหนัก” ที่ใช้ใน “กีฬายกน้ำหนัก” weight lifting เราเรียกว่า barbell<br />\n <br />\n        อุปกรณ์หน้าตาคุ้นเคยที่ช่วยให้พี่แนนมีขาเรียวยาวสวยงาม และแข็งแกร่งยืนสอนวันละหลายๆ ชั่วโมงโดยขาไม่สั่นได้แบบทุกวันนี้ก็คือ “เครื่องปั่นจักรยาน” exercise bike และ “เครื่องวิ่งบนสายพาน” treadmill<br />\n <br />\n        กิจกรรมสุดฮิตที่พลาดไม่ได้นาทีนี้คงหนีไม่พ้นห้องเรียน “โยคะ” yogo ซึ่งตามความหมายดั้งเดิมนั้น โยคะเป็นวิถีปฏิบัติของ “โยคี” yogi ซึ่งฝึกบริหารร่างกายควบคู่กับการควบคุมจิตใจ อุปกรณ์ที่ใช้ก็แสนง่าย นั่นก็คือ เสื่อโยคะ “yoga mat” </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"100\" width=\"100\" src=\"/files/u4894/siamhadotcom8.gif\" border=\"0\" /><img height=\"100\" width=\"100\" src=\"/files/u4894/siamhadotcom16.gif\" border=\"0\" /> <img height=\"100\" width=\"100\" src=\"/files/u4894/siamhadotcom14.gif\" border=\"0\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"></span>\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><u><strong><span style=\"color: #ff9900\"><span style=\"color: #ff9900\"><img height=\"50\" width=\"50\" src=\"/files/u4894/pur-010.gif\" border=\"0\" /><span style=\"color: #ffcc00\"><span style=\"color: #ffcc00\">คำศัพท์เกี่ยวกับร่างกาย</span></span></span> </span></strong></u></span>\n</p>\n<p><span style=\"background-color: #ffff99\"><u><strong><span style=\"color: #ff9900\"></span></strong></u></span></p>\n<p align=\"center\">\n<br />\n <img height=\"424\" width=\"385\" src=\"http://www.human-body-facts.com/images/human-body-muscle-diagram.jpg\" border=\"0\" />\n</p>\n<p></p>\n<p>\n<br />\n        ในภาษาอังกฤษคำว่า “หน้าอก” “ศรีษะ” “หลัง” “ใบหน้า” คือคำใด  head หมายถึง “ศรีษะ” แต่หมายรวมถึง “ส่วนศรีษะทั้งหมด” ซึ่งรวมใบหน้าด้วย และถ้าไล่ลงไป ตั้งแต่ face “ใบหน้า”,back “หลัง”, waist “เอว” ที่ใช้เรียกแทนส่วนที่คอดที่สุดของท้อง ที่คนส่วนมากมองหากัน   ส่วน “หน้าอก” ทั้งหมดใช้คำว่า chest และประโยคที่ว่า “เจ็บหน้าอก” ก็จะใช้ว่า I have a pain in my chest. แต่ถ้าเป็นส่วนหน้าของหน้าอก (เต้านม) จะใช้คำว่า breast \n</p>\n<p></p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\">        และถ้าจะเปรียบกับ  “ต้นไม้” (tree) “ทั้งต้น” จะมี “ลำต้น”(trunk), “กิ่งก้านสาขา” (branches) “ใบ” (leaves) ในฐานะ “ส่วนประกอบ” เช่นเดียวกันกับร่างกายมนุษย์ก็จะถูกแสดงให้เห็นด้วยความสัมพันธ์ของ “บางส่วนกับทั้งหมด” ความสัมพันธ์นั้นจะเปลี่ยนไปแล้วแต่ว่าเรามุ่งเน้นอะไรให้เป็น “ทั้งหมด” เช่น ถ้าจะทำ “ใบหน้า”  (face) ให้เป็นทั้งหมด ส่วนต่างๆเช่น “ตา”  (eye), “จมูก” (nose) , “แก้ม” (cheek) , “คาง” (jaw) , ก็จะถูกหยิบยกมากล่าว นอกจากนี้ ถ้าทำ “ตา” ให้เป็นทั้งหมด ก็จะมี “คิ้ว” (eyebrow) , “เปลือกตา” (eyelid) ประกอบเป็นส่วนขึ้น “แขน” เรียกว่า arm ส่วนประกอบจะมี “ข้อศอก” (elbow) , “รักแร้” (armpit) , “ข้อมือ” (wrist) , “มือ” (hand) , ส่วน “ขา” เรียกว่า leg ส่วนประกอบนั้นได้แก่ “เท้า” (foot) , “ข้อเท้า” (ankle) , “ส้นเท้า” (heel) , “ขาอ่อน” (thigh) , “หัวเข่า” (knee) , “หน้าแข้ง” (shin) , “น่อง” (calf) , “เอ็นร้อยหวาย” (Achilles’ tendon) เป็นต้น <br />\n <br />\n        รู้จักส่วนต่างๆของร่ายกายกันไปแล้ว คราวนี้ลองมารู้จักการใช้คำที่เกี่ยวกับ disease และ sickness กันบ้างดีกว่าถ้ากล่าวถึงคำว่า “โรคภัยไข้เจ็บ” ก็จะนึกไปถึง disease , sickness , illness แต่คำว่า disease จะแสดงถึงโรคจากการเจ็บป่วยนั้นๆ ส่วนคำว่า sickness และ illness จะแสดงถึง “อาการเจ็บป่วย” ดังนั้น “โรคกระเพาะ” จึงใช้คำว่า stomach disease ส่วน “โรคหัวใจ” ใช้คำว่า heart disease ในขณะที่ประโยคที่ว่า “ฉันรู้สึกไม่สบาย” จะใช้คำว่า sick ในประโยคภาษาอังกฤษว่า I’m sick. และ “การคลื่นเหียนวิงเวียน” ก็จะใช้คำว่า motion sickness ในบางครั้งมีการบรรยายไว้ว่า ill จะใช้ในเวลาที่ป่วยหนักมากกว่าคำว่า sick แต่ทั้งนี้ sick อาจถูกใช้ในรูปแบบของคำที่มีความหมายว่า “โรคภัยไข้เจ็บ” ได้เช่นกัน<br />\n <br />\n        ลองมาดูโรคที่กล่าวกันว่าเป็น “โรคทันสมัย” เช่น “อาการแพ้เกษรดอกไม้” จะใช้คำว่า pollinosis/pollen allergy , “อาการอักเสบที่ผิวหนังอย่างรุนแรง” จะใช้คำว่า atopic dermatitis ,  “โรคที่เกิดจากมลภาวะ” จะใช้คำว่า pollution-triggered disease (โรคที่เกิดจากมลพิษ) ส่วนโรคที่เกี่ยวกับความเครียด ได้แก่ “อาการนอนไม่หลับ” (insomnia) , โรคที่เกิดจากการผิดปกติทางจิตอันเป็นผลมาจากอารมณ์เกี่ยวกับร่างกายและจิตใจ” (psychosomatic disease) , “อาการไม่สมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติ ” (automatic imbalance) , “โรคจิตหลอน” (autism) เป็นต้น “เอดส์” (AIDS) เป็นคำที่ย่อมาจาก acquired immune deficiency syndrome (อาการของภูมิคุ้มกันโรคบกพร่อง) ส่วน SARS ก็นับเป็นโรคทันสมัยโรคหนึ่งที่ย่อมาจาก Severe Acute Respiratory Syndrome ในระยะหลังนี้ประเด็นดังต่อไปนี้มักจะถูกหยิบยกมาพูดถึงในสื่อต่างๆ เช่น “หน่วยพันธุกรรมที่ได้รับการถ่ายทอดทางโครโมโซม” (gene) “พันธุศาสตร์” จะใช้คำว่า genetics และ “พันธุวิศวกรรมศาสตร์” จะใช้คำว่า gene engineering สำหรับ “การรวมพันธุกรรมใหม่” (gene recombination) และ “การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม” (gene manipulation) ได้กลายเป็นปัญหาทางศีลธรรม แต่ “การบำบัดรักษาโรคด้วยพันธุกรรม” (gene therapy) นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าถึงเนื้อแท้ของการเจ็บป่วยของมนุษย์ได้และสามารถที่จะเป็น “ธนาคารพันธุกรรม” (gene bank) ซึ่งจะเก็บรักษาส่วนประกอบของยีนเพื่อใช้ในการค้นคว้าวิจัยได้ด้วย  </span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"background-color: #ffff99\"><br />\n</span>\n</p>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img height=\"100\" width=\"100\" src=\"/files/u4894/siamhadotcom23.gif\" border=\"0\" /> \n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div>\n</div>\n', created = 1713498408, expire = 1713584808, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:7b21aa20bfd05c44d9884838c058b34e' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:48a23c7e0b82423953f9a7e3c356f015' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><style type=\"text/css\">\nbody {background-image: url(<a href=\"http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/cute-background-007.gif\" title=\"http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/cute-background-007.gif\">http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/cute-background-007.gif</a>); background-repeat: repeat;} </style><p><a target=\"_blank\" href=\"http://background.myem0.com/cute-cartoon-background-1/\"></a>  </p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://widget.sanook.com/static_content/full/graphic/31de08c1aa97e3a69773c984563d147b_1207736532\" border=\"0\" /><img height=\"1\" width=\"1\" src=\"http://widget.sanook.com/static_content/full/graphic/31de08c1aa97e3a69773c984563d147b_1207736532\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n <img height=\"217\" width=\"346\" src=\"http://widget.sanook.com/static_content/full/graphic/31de08c1aa97e3a69773c984563d147b_1207736532.gif\" border=\"0\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"background-color: #ffff99; color: #ff9900; font-size: x-large\"><span style=\"background-color: #ffff99; color: #ffcc00; font-size: x-large\"><strong>ภาษาอังกฤษวันล่ะนิด^^</strong></span></span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n </p>\n', created = 1713498408, expire = 1713584808, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:48a23c7e0b82423953f9a7e3c356f015' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ภาษาอังกฤษวันล่ะนิด

 

 

 

 

ภาษาอังกฤษวันล่ะนิด^^

 

 

สร้างโดย: 
นางสาวรัตนาภรณ์ ทองอยู่

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 367 คน กำลังออนไลน์